WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, March 10, 2009

งบปราบเซียน

ที่มา ไทยรัฐ

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยอมรับความจริงอีกครั้งว่า ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าเป้าทั้งระบบ

พูดง่ายๆ คือ สถานะของรัฐบาลกำลังบักโกรก

แต่การยอมรับความจริงแล้วไม่รีบหาทางแก้ไขยิ่งน่าเป็นห่วง

ตามหลักเศรษฐศาสตร์ เมื่อการจัดเก็บรายได้ติดลบ ทางแก้คือต้องลดรายจ่าย!!

แต่รัฐบาลไม่ยอมลดรายจ่าย กลับอีดฉีดรายจ่ายตามนโยบายประชานิยมเพิ่มเข้าไปจนเต็มกระบอกลูกสูบ

และการที่รัฐบาลลดภาษีธุรกิจ ก็ทำให้ การจัดเก็บรายได้ที่ติดลบอยู่แล้วยิ่งติดลบหนักเข้าไปอีก

ถ้ารัฐบาลรู้ตั้งแต่แรกว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะหนักสาหัสขนาดนี้ ก็คงต้องปรับลดนโยบายประชานิยมไปบางส่วน

แต่เมื่อรัฐบาลเดินหน้าไปแล้วจะเปลี่ยนใจกลับลำก็ลำบาก

นี่คือต้นเหตุที่รัฐบาลต้องนอนก่ายหน้าผาก คิดหาทางที่จะเพิ่มรายได้เอาไปอุด รายจ่ายจากนโยบายประชานิยมเกินหน้าตัก

ล่าสุด รัฐบาลเตรียมจะขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เหล้า บุหรี่ นํ้าชา กาแฟ และ เครื่องดื่มเสริมพลังงานอื่นๆเพื่อหารายได้มาชดเชยส่วนที่ขาด

แต่การขึ้นภาษีสินค้าพวกนี้ก็ไม่ใช่ คำตอบ

เนื่องจากปัจจุบัน เหล้า บุหรี่ ฯลฯ ก็ถูก เก็บภาษีในอัตราสูงสุด ส่วนชากาแฟเครื่องดื่ม อื่นๆ ถ้าจะรีดภาษีเพิ่มอีก รัฐบาลก็คงจะได้ รายได้เพิ่มอีกไม่มากเท่าไหร่

ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจทรุดหนัก ถ้าหากขึ้นภาษีสูงเกินไปนอกจากจะเก็บภาษีไม่ได้ เอกชนภาคธุรกิจก็จะเจ๊งกันเป็นแถบ

แม่ลูกจันทร์ยํ้าอีกครั้งว่าการขึ้น ภาษีไม่ใช่คำตอบ

แต่สิ่งที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำคือ ต้องลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น อย่างน้อยอีก 3 ปี

จนกว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นจากสลบ

ฉะนั้น อะไรที่มีอยู่แล้วและยังพอใช้ไปได้ก็ต้องใช้ไปก่อน

เช่น...โครงการรถเมล์สี่พันคัน โครงการจัดซื้ออาวุธลอตใหม่ โครงการสร้าง รัฐสภาใหม่ ฯลฯ ต้องเบรกเอาไว้หมด!!

เพราะไม่มีผลบวกต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ข้อสำคัญ รัฐบาลต้องยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และปฏิบัติตามนโยบายนี้ให้ สังคมเห็นเป็นตัวอย่าง

สรุปว่า ก่อนจะกู้เงินงวดใหม่ ก่อนจะรีดภาษีเพิ่มเอาไปเติมส่วนที่ขาด รัฐบาลต้อง ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเสียก่อน

แม่ลูกจันทร์ เชื่อว่าถ้าหากการจัด เก็บภาษีรายได้ยังตํ่ากว่ารายจ่าย ใครเข้ามา เป็นรัฐบาลบริหารประเทศก็เอาไม่อยู่

เพราะงบประมาณประเทศไทยตอนนี้ มีรายจ่ายประจำ 3 ส่วนใหญ่ๆ เป็นภาระหนักอึ้งที่รัฐบาลต้องแบกไว้บนบ่า

1, รายจ่ายเงินเดือนข้าราชการและพนักงานของรัฐปีละเจ็ดแสนล้านบาท ซึ่งทำให้งบลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศเหลือก้อนเล็กลงๆมาตลอด

2, รายจ่ายขับเคลื่อนนโยบายประชานิยม ลดแลกแจกฟรีที่ใครมาเป็นรัฐบาลต้องหาเงิน ก้อนใหญ่ไปอัดฉีดอีกปีละนับแสนล้านบาท

3, รายจ่ายอุดหนุนองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่เป็นรายจ่ายประจำก้อนใหญ่ ที่เกิดขึ้นตาม นโยบายกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น

ปีนี้ (2552) รัฐบาลต้องจ่ายเงินอุดหนุนองค์กรปกครองท้องถิ่น อบจ. อบต. เบ็ดเสร็จเป็นเงินสี่แสนห้าหมื่นล้านบาท

คิดเป็น 25 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณรายจ่ายแผ่นดินทั้งหมด

ที่น่าเสียดายคือ เงินงบประมาณที่อัดฉีด ผ่านองค์กรปกครองท้องถิ่นสี่แสนห้าหมื่นล้านบาทเอาไปใช้จ่ายเป็นเบี้ยหัวแตก

จะลดก็ไม่ได้ จะเลิกก็ไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญบังคับให้รัฐบาล ต้องจัดงบประมาณอุดหนุนตามที่กฎหมายกำหนด

ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ริดสีดวงบาน ทั้งนั้นแหละ.

“แม่ลูกจันทร์”