ที่มา thaifreenews
โดย : ลูกชาวนาไทย
วิกฤติเศรษฐกิจโลกตอนนี้นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายทราบกันแล้วว่า เป็นเรื่องจริงและหนักหนาสาหัส และต่างมีความเห็นไปในทางเดียวกันแล้วว่า "ยากที่จะฟื้นตัวได้ในใน 5 ปีนี้" และทางทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์เองก็หมดปัญญา หรือ "อับจนปัญญา" แล้วเหมือนกัน เพราะแนวคิดทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มักจะตามหลังปัญหาใหญ่ๆ ใหม่ ๆ ทุกครั้งเหมือนกัน คือ "ทฤษฎีมันเกิดขึ้นหลังปัญหา" วิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งนี้ วงการนักเศรษฐศาสตร์ต่างก็อับจนปัญญาแทบหมดสิ้น
ไม่ว่าสำนักไหนขณะนี้ก็ ็ไม่พ้นแนวคิดของ "เคนส์เซียน" ที่พัฒนาขึ้นหลังวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ปี 1929 สรุปแล้วคือ "ต้องกู้เงินกระตุ้นอุปสงค์ผ่านการลงทุนภาครัฐ" ทุกประเทศมีัคำตอบแบบลอกกันหมดทั่วโลกคือ "กู้เงิน" ทั้งสิ้น
แต่คุณทักษิณ โฟนอินไปที่สมาคมนักข่าวต่างประเทศในฮ่องกง เป็นการแสดงวิสัยทัศน์่ต่อวิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม มีประเด็นและแนวคิดใหม่ ที่น่าฟังอย่างยิ่งทีเดียว สมกัีบเป็น CEO ระดับโลกเลยทีเดียว
สิ่งที่คุณทักษิณพูดเช่น วิกฤติการณ์ครั้งนี้มาจาก ผู้มีความรู้ทั้งหลายของโลกตะัวันตก ต่างก็ไปคิดค้นแต่ "ตราสารทางการเงิน" ต่างๆ
เช่นคำพูดที่ว่า "...ดังนั้นความคิดสร้างสรรค์ใหม่จึงถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การออกแบบผลิตภัณฑ์ทาง การเงิน ที่สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงลิบลิ่วเท่านั้น และถ้าหากว่ามีใครกล้าตั้งคำถามว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะมีความยั่งยืนมั่นคงเพียงใด..." ถือว่าเข้าไปได้ตรงปัญหาเลยทีเดียว
การแก้ปัญหาต้องทำกันในระดับโลก และข้อแนะนำต่างๆ ซึ่งถือได้ว่าคุณทักษิณมีอะไรที่ใหม่ เสนอต่อสังคมโลก แหวกออกไปจากกรอบของ "เคนส์เซียน" ในขณะนี้ ที่้ต้อง "กู้" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผมจะไม่เปรียบเทียบกับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เพราะคนๆ นี้ในระดับโลกแล้ว ไม่มีค่าอะไรมากนัก ต่อสังคมโลก หากไม่มี "คนอุ้ม" ก็คงไม่ได้เป็นนายกฯ
และกรอบความคิดของมาร์ก ก็คงไม่พ้นตำรา "เคนส์เซียน" เหมือนนักเศรษฐศาสตร์ในขณะนี้
และผมไม่เคยคิดว่า "มาร์กจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจครั้งนี้ได้"
หากคุณทักษิณ "พัฒนากรอบความคิดให้ชัดเจน" มีแผนงานปฎิบัติ ข้อแนะนำ
รวมทั้งมุ่ง "ทำงานในระดับโลก" เพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโลก" ในขณะนี้ สุดท้าย ท่านนายกฯทักษิณจะเป็น "คนของโลก" อย่างแท้จริง ไม่ใช่ เทพเจ้าจอมปลอม ทั้งหลาย
ชื่อเสียง ความสามารถ ผมว่าผู้นำประเทศต่างๆ ยินดีรับฟังความเห็นอยู่แล้ว แ่ต่ผมไม่เชื่อว่าจะมีผู้นำประเทศไหน ยอมนั่งฟัง ด.ช.มาร์ก หรือ ด.ช.กรณ์ หรอกครับ