WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, March 10, 2009

ตัวกินกล่องคืนชีพ ไอ้โม่งงาบนมเด็ก

ที่มา ไทยรัฐ

แม่นยิ่งกว่าหมอฟันธงทำนายเป็นไหนๆ เมื่อวัฏจักรวงจรอุบาทว์นมโรงเรียนหมุนวนกลับมาอีกหน

เมื่อที่ประชุมแก้ปัญหานมโรงเรียนมีมติที่จะรื้อระบบจัดซื้อนมโรงเรียนใหม่ จะให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) เป็นหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบนมโรงเรียน

และจะให้ซื้อนมกล่อง นมยูเอชทีมาก เพิ่มเป็น 70% เพื่อแก้ปัญหานมบูดนมเน่า ที่มักจะเกิดกับนมถุง นมพาสเจอไรส์

นี่แหละที่ สกู๊ปหน้า 1 ได้ทำนายไว้ว่า...ในที่สุดปัญหานมโรงเรียนจะเข้าสู่จุดรื้อระบบนมโรงเรียนใหม่ แต่ไม่แก้ปัญหาอะไรได้ เพราะจะเป็นการแก้ปัญหาแบบเหล้าเก่าในขวดใหม่

สมบัติผลัดกันชม...สลับกันโกง เหมือนเดิมทุกประการ

เพราะมติที่ออกมานั่น ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เป็นเรื่องเก่าๆ ที่เคยเกิดและมีมาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของโครงการนมโรงเรียนโน่น...

พิสูจน์แล้ว แก้ปัญหาอะไรไม่ได้

ปัญหานมบูด นมเน่า โกงนม ฮั้วนม ที่ยุ่งอีนุงตุงนังพัวพันมาถึงวันนี้...ก็มาจากวันนั้นแหละ

โครงการนมโรงเรียนเริ่มครั้งแรกในปี 2535 ให้ทางโรงเรียนเป็นฝ่ายจัดซื้อ จะซื้ออะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นนมผง นมกล่อง นมถุง จะซื้อนมอะไรก็ได้ สุดแล้วแต่ความสะดวก และงบประมาณที่ทางโรงเรียนจะต้องบริหารให้เด็กดื่มนมได้ครบ 120 วัน

ยุคทดลองเริ่มแรก มีงบให้เด็กดื่มเฉพาะชั้นอนุบาล 696,625 คน ใช้งบประมาณแค่ 278.5 ล้านบาท ปัญหาไม่มีอะไรมาก

ทำมาได้แค่ 3 ปี งบประมาณพุ่งขึ้นมามากกว่าพันล้าน ปี 2537 เลยเกิดปัญหา มีข้อครหา ให้ทางโรงเรียนจัดซื้อ ครูโกงนมเด็ก เอานมไม่ดี นมบูด นมเน่า นมผี (ไม่มีนม แต่มีใบเสร็จไปเบิกเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง)

เมื่อเรื่องราวทุจริตคอรัปชันกลายเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วบ้านทั่วเมือง คล้ายกับตอนนี้...ในที่สุดฝ่ายการเมือง ก็ได้เวลาเปิดตัว กุลีกุจอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา

มาลงตัวที่ ให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมฯ ได้รับสิทธิผูกขาดในการจัดหา จัดส่งนมให้กับทุกโรงเรียน

ผลปรากฏว่า ให้ อสค.เจ้าพ่อนมยี่ห้อ วัวแดง ได้สิทธิเป็นขาใหญ่นมโรงเรียน เละเป็นโจ๊กยิ่งกว่าให้โรงเรียนจัดการเองซะอีก

มีปัญหาสารพัด ทั้งนมบูด นมเน่า นมหมดอายุเหมือนวันนี้ทุกประการ...แต่ก็ยังจะทำแบบเดิมอยู่อีก

ยิ่งไปกว่านั้น ให้วัวแดงผูกขาดจัดการ ยังมีปัญหาสำคัญอีกอย่างเกิดขึ้น นั่นคือ...บางโรงเรียนไม่มีนมให้เด็กกิน เพราะจัดส่งให้โรงเรียนไม่ทัน

ในที่สุด ปี 2539 ต้องหวนกลับมาใช้ระบบเก่า ให้โรงเรียนจัดซื้อเอง แต่มีเงื่อนไขเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย...บังคับให้โรงเรียนซื้อนมถุง (นมพาสเจอไรส์) หรือนมกล่อง (นมยูเอชที) เท่านั้น

แต่ด้วยกลไกการตลาด ฐานะทางการเงินที่ต่างกัน ปรากฏว่า นมกล่องที่แพงกว่าสามารถครองส่วนแบ่งในตลาดนมโรงเรียนได้มากถึง 70%...นมถุงขายได้แค่ 30% เท่านั้น

แรกๆสภาพตลาดเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยนมโรงเรียนเป็นตลาดใหญ่ ที่โตขึ้นทุกวัน งบประมาณมากขึ้นทุกปี ใครก็อยากได้สิทธิขายนมโรงเรียน

ถึงจะไม่ได้ขายนม ได้ขายแค่ถุง ขายแค่กล่องใส่นม ก็ขอร่วมรวยได้

ยิ่งกล่องด้วยแล้ว ขายได้ยิ่งรวยไปกันใหญ่ เพราะผู้ผลิตกล่องนมยูเอชทีนั้น มีแค่ 2 รายเท่านั้นเอง

ฉะนั้น ขุมทองนมโรงเรียนจึงไม่ได้มีแค่ศึกแย่งขายน้ำนมอย่างเดียว...ยังมีศึกภาชนะบรรจุ ที่เรียกว่า packaging เป็นกองหนุนอยู่เบื้องหลังในการทำสงครามแย่งตลาดนมโรงเรียนด้วย

ช่วงแรกนมกล่องยึดครองตลาดนมโรงเรียนได้ เพราะนมกล่องเก็บรักษาง่าย บูดเน่ายาก ไม่ต้องแช่ตู้เย็น ไม่ต้องแช่น้ำแข็ง

ผิดกับนมถุง นมพาสเจอไรส์ ต้องแช่ตู้เย็นเท่านั้นถึงจะไม่บูด

แต่เมื่อกลุ่มผู้ผลิตนมพาสเจอไรส์ ปรับตัวทางการค้าใหม่ จัดหาถังน้ำแข็ง ตู้แช่ มาให้ทางโรงเรียน...ยุทธการนี้ทำให้นมถุงบุกตลาดได้มากขึ้น เพราะมีข้อได้เปรียบตรงราคาถุงถูกกว่ากล่องประมาณ 1.30 บาทต่อกล่อง...

ซื้อนมถุงให้เด็กกิน เด็กได้ดื่มนมครบ 200 วันแน่

จากเดิมค่ายนมถุงมีส่วนแบ่งตลาดแค่ 30% ปี 2540 ถังน้ำแข็งช่วยยึดตลาดเพิ่มขึ้นมาเป็น 60% นมกล่องเหลือตลาดนมโรงเรียนแค่ 40% และลดลงมาเรื่อย

ปี 2542 นมกล่องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ เหลือส่วนแบ่งแค่ 20%...นมถุงฟันนมโรงเรียนไป 80% ยิ่งช่วงนั้นวิกฤติต้มยำกุ้งถึงจุดต่ำสุด ตลาดนมทั่วไปจอดไม่แจว

คนประหยัดเงินไม่ค่อยซื้อนมกินกัน มีแต่นมโรงเรียนเท่านั้นที่โตเอ๊า โตเอา...ใครๆ ก็อยากเอาของไปขายให้กับโครงการนมโรงเรียน

ยุคนั้นช่วงนั้นเริ่มเกิดปรากฏเรื่องนมล้นตลาด มีเกษตรกรเอานมมาเททิ้ง ในที่สุดปลายปี 2542 รัฐบาลก็แก้ปัญหา ครม.มีมติ 19 ต.ค. 42 บังคับให้โครงการนมโรงเรียนซื้อนมกล่อง...60 ล้านกล่อง

ปีรุ่งขึ้นเอาอีก 21 มี.ค. 43 ครม.มีมติให้ซื้ออีก 90 ล้านกล่อง...

ปี 2543...ให้ซื้ออีก 100 ล้านกล่อง

250 ล้านกล่อง...คิดเล่นๆ ขอแค่ค่าร่วมด้วยช่วยใช้กล่อง กล่องละ 25 สต.เป็นเงินเท่าไร

และให้บังเอิญเหตุการณ์ในอดีตช่างมาประจวบเหมาะ คล้ายกับเหตุการณ์ในปัจจุบันวันนี้เหลือเกิน

วิกฤติเศรษฐกิจก็เกิด นมโรงเรียนก็มีปัญหา เกษตรกรเอานมมาเททิ้ง...แถมโครงการนมโรงเรียนปีที่ผ่านมาค่ายนมกล่องมีส่วนแบ่งนมโรงเรียนอยู่แค่เพียง 30%...นมถุงขายได้ดีกว่า ยึดตลาดไปได้ 70%

แล้วไหนการเมืองก็เปลี่ยนขั้ว ผลัดใบ...ศูนย์อำนาจเดิมๆ ยุคกระโน้น ยุคออกมติ ครม.ซื้อนมกล่อง หวนย้อนกลับมาอีกครา มติที่ประชุมแก้ปัญหานมโรงเรียน บอกว่า อยากซื้อนมกล่อง 70%

และให้บังเอิญอีกอย่าง ครม.เพิ่งจะมีมติขยายโครงการนมโรงเรียน จากอนุบาลถึง ป. 4 เป็น จากอนุบาลถึง ป. 6

ทำให้เด็กได้ดื่มนมโรงเรียนเพิ่มจาก 5 ล้านคน เป็น 7 ล้านคน...

70% ของ 7 ล้านคน เท่ากับต้องซื้อนมยูเอชทีให้เด็กกินวันละ 4.9 ล้านกล่อง...ทั้งหมด 230 วัน

(โครงการนมโรงเรียนเพิ่มจาก 200 วัน มาเป็น 230 วัน ตั้งแต่ ปี 2545)

เท่ากับว่า...บริษัทกล่องนมฟันไปแต่เพียงผู้เดียว 1,127 ล้านกล่อง...ส่วนจะแบ่งค่าหัวคิวเล็กๆให้กับใคร คิดเป็นเงินเท่าไรนี่

คิดแล้วกลุ้ม...นี่แหละน้า...สมบัติผลัดกันชม สลับกันโกง.