WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, March 9, 2009

ทักษิณโฟนอินไม่เลิก ถล่มปชป. แก้เศรษฐกิจผิดทาง

ที่มา ข่าวสด

อภิสิทธิ์ย้ำไม่แหยงม็อบ กลับจากนอกลงพื้นที่อีก




แดงอีสาน - ม็อบเสื้อแดงจัดเวที "ความจริงวันนี้สัญจร" ที่ถนนหน้าศูนย์ราชการ หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ช่วงค่ำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โฟนอินจากต่างประเทศเข้ามาพูดคุย โจมตีรัฐบาลประชาธิปัตย์เหมือนเคย

"มาร์ค"เปรยถูกม็อบปาขวดเพราะหงุด หงิด ตากแดดนาน เตรียมลงพื้นที่อีกหลังกลับจากอังกฤษ ยันรัฐบาลไม่จุดชนวนรุนแรง สวน"แม้ว"เห็นแก่ประเทศชาติ หยุดโฟนอิน "เทพไท"เมินแกนนำพธม.ด่าปชป. แกนนำพธม.ย้ำตั้งพรรคแน่ โฆษกเพื่อไทยเย้ยพธม.ตั้งพรรคหวังปูทางสู่อำนาจ-เลิกแอบอยู่หลังปชป. เตือนรมต.อย่าลงพื้นที่สีแดง อ้างมีหลักฐาน"ชวน หลีกภัย"ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินไม่ครบ ยันยื่นญัตติ 11 มี.ค.นี้ ถอดถอนนายกฯฐานจงใจทำผิดรัฐธรรมนูญ "ทักษิณ"โฟนอินจวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล ไม่ช่วยประชาชน เน้นแต่แจกเงิน ไม่หาช่องทำให้คนทำมาหากิน ชี้กลุ่มเสื้อแดงจะโตขึ้นอีกเพื่อต่อสู้ทางการเมือง

"มาร์ค"ไม่ท้อเจอม็อบแดงไล่

วันที่ 8 มี.ค. เวลา 11.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่พบปะประชาชนเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นไปตามเป้าหมาย รัฐบาลได้พบปะประชาชน ไปไขข้อข้องใจและตอบข้อสงสัย รวมถึงรับฟังปัญหาเพิ่มเติม อย่างที่ จ.ลพบุรี ได้สรุปเป็นเอกสารให้ตนด้วย ถือว่าดีเพราะเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในระดับจังหวัด ทำให้รัฐบาลเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าปัญหาส่งผลกระทบในระดับพื้นที่เป็นอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงพื้นที่ในอนาคตกลัวหรือไม่ว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่มีความรุนแรง การลงพื้นที่ของรัฐมนตรีน่าจะพิสูจน์ว่าเราลงไปเพื่อประโยชน์ในการทำงาน ไม่ใช่เรื่องการเมือง ส่วนที่มีการขว้างปาสิ่งของของกลุ่มเสื้อแดงนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นขวดน้ำพลาสติก อาจเป็นความหงุดหงิด เพราะตากแดดกันอยู่นาน

เมื่อถามว่านายกฯ มีกำหนดลงพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มี แต่วันที่ 13-14 มี.ค.นี้ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมจี 20 ที่ประเทศอังกฤษ สัปดาห์ถัดไปจึงจะลงพื้นที่ ส่วนจะเป็นพื้นที่ไหนนั้น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้รวบรวม เพราะต้องดูจังหวัดที่ยังไม่มีรัฐมนตรีลงไป เมื่อถามว่ารู้สึกท้อแท้หรือไม่ที่ลงพื้นที่แล้วถูกกลุ่มเสื้อแดงต่อต้านขับไล่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ คิดว่าทุกอย่างเป็นปกติ ในสังคมมีคนที่มีความเห็นแตกต่างกันได้

ยันไม่เล่นเกมเพิ่มความขัดแย้ง

เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าอาจถูกมองว่าการลงพื้นที่เป็นการไปยั่วยุ เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีคนออกมาชุมนุมต่อต้าน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้ง บอกชัดเจนว่าไปทำอะไร ถือเป็นงานในหน้าที่ และตนตั้งใจทำให้คนที่ต่อต้านกลับมาเห็นด้วยกับรัฐบาล แต่ถ้าให้เห็นด้วยทั้งหมดคงยาก ต้องยอมรับการอยู่ร่วมกันในกติกาที่ไม่กระทบกระทั่งกัน เมื่อถามว่าคิดว่าบรรยากาศเช่นนี้จะอยู่อีกนานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องถามกลุ่มผู้ชุมนุม ตนพยายามเต็มที่ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง และเราพยายามทำข้อห่วงใยของเขาอยู่ เช่น การปฏิรูปการเมือง

เมื่อถามว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงระบุมีความพยายามจะทำให้เกิดความขัดแย้งเพื่อให้เกิดสงครามกลางเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อาจมีบางส่วนที่พยายามทำอย่างนั้น แต่รัฐบาลไม่เล่นด้วย ทั้งนี้เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะไม่ให้เกิดสงคราม กลางเมืองหรือความขัดแย้งที่รุนแรง จะเห็นได้ว่า 2 เดือนที่ผ่านมาเราหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะกัน ไม่ให้เกิดความรุนแรง ต่อข้อถามถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุไม่ให้ประชาชนหวังพึ่งรัฐบาลชุดนี้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นความเห็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานต่อไป และที่ทำงานทั้งหมดนี้ก็เพื่อประชาชนทุกคน และเมื่องานสำเร็จก็ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของรัฐบาล แต่เพื่อประชาชน

จี้"แม้ว"คิดถึงประเทศชาติ

ต่อข้อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินถึงรากหญ้าโดยตรงจะเป็นปัญหาต่อการลงพื้นที่ของนายกฯและรัฐมนตรีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา เชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณ ประชาชนและรัฐบาลก็อยู่ประเทศไทย จึงทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี จึงน่าจะช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น

เมื่อถามว่าจะขอร้องพ.ต.ท.ทักษิณให้ยุติความเคลื่อนไหวได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่ตัวพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่าว่าจะยึดประโยชน์ของใคร ถ้ายึดประโยชน์ประเทศชาติน่าจะรู้ว่าสภาพบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องแก้ไข เมื่อถามว่าขณะที่รัฐบาลพยายามจำกัดวงความขัดแย้งให้ ลดลงแต่อีกฝ่ายพยายามเติมเชื้อความขัดแย้งมากขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนย้ำตลอดและย้ำต่อไปว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง และรัฐบาลจะไม่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความขัดแย้ง และรัฐบาลได้รับคำแนะนำจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองตั้งแต่แรกว่าทำงานในสภาวะอย่างนี้ต้องอดทนอดกลั้น ตนจะยึดแนวทางนี้ต่อไป แต่จะไม่ยอมให้ใครทำผิดกฎหมาย

นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าการปฏิรูปการเมืองจะมีส่วนช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น เพราะเป้าหมายคือให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมว่าเป้าหมายของทุกคนคืออะไร ซึ่งขอฝากถึงสถาบันพระปกเกล้าให้พิจารณาเข้ามาช่วยการทำงานของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของสังคม เมื่อถามว่านายสุจิต บุญบงการ จะเข้ามาดูเรื่องการปฏิรูปการเมืองจะสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนตั้งเงื่อนไขเรื่องนี้ เพียงแต่ขอให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นผู้พิจารณา

"ชวรัตน์"พอใจผวจ.สอบผ่าน

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่า พอใจการทำงานของผู้ว่าฯ ในหลายจังหวัดที่ดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบปะประชาชน จากการประเมินเบื้องต้นถือว่าสอบผ่าน แม้ในบางจังหวัด โดยเฉพาะ จ.ลพบุรี ที่นายกฯ ลงพื้นที่จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น มีการปารองเท้า และขวดน้ำใส่ขบวนรถนายกฯ ขณะที่นายสุเทพลงพื้นที่ จ.นครนายก และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น รวมถึงตน และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช. มหาดไทย ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็มีการตะโกนขับไล่ แต่ถือว่าผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับ ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศว่าให้ดูแลสถานการณ์ภายในจังหวัดของตัวเองไม่ให้เกิดความรุนแรงหรือการปะทะกัน หากพบว่าจังหวัดใดมีการปะทะกัน ผู้ว่าฯ จะต้องรับผิดชอบ

อารักขาเข้ม"สาทิตย์"ลงพื้นที่พัทลุง

เวลา 09.30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางตรวจราชการตามนโยบายของนายกฯ โดยมีนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าฯ พัทลุง และ 3 ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองท้องถิ่น ให้การต้อนรับและร่วมประชุมรับฟังนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และปัญหารับฟังปัญหาการดำเนินงานของกลุ่มงานจังหวัด โดยทางจังหวัดได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอปพร.กว่า 500 นาย เพื่อเฝ้ารักษาความสงบตามจุดๆ ตลอดเส้นทางที่รัฐมนตรีผ่าน และบริเวณรอบๆ ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มเสื้อแดง แต่สุดท้ายจนกระทั่งรัฐมนตรีและคณะเดินทางกลับไม่มีกลุ่มคนเสื้อแดงหรือมีผู้ก่อกวนเหตุการณ์ให้วุ่นวาย

เผยนายกฯไม่ติดใจถูกปาเกือก

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีว่า ภาพรวมน่าพอใจ แม้จะมีกลุ่มเสื้อแดงไปขัดขวาง ถือเป็นสีสันทางการเมือง เป็นการแสดงออกในระบอบประชา ธิปไตย ส่วนที่มีบางพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ ใช้รองเท้าขว้างปา เชื่อว่าสังคมจะพิจารณาได้ หลังจากนี้รัฐบาลจะลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่หวั่นเกรงกระแสต่อต้าน หรือเป็นพื้นที่สีแดง สีเหลือง หากเป็นคนไทยจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม แม้จะไม่ใช่เสียงสนับสนุนของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ส.ส.ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชนด้วย

"การลงพื้นที่ของรัฐบาลไม่มีวาระซ่อนเร้นที่จะยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมไม่มีแนวคิดนี้ เพราะมีปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องทำ 2 เรื่อง คือ ปัญหาเศรษฐกิจ และการปฏิรูปการเมือง ซึ่งรัฐบาลได้มอบให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นเจ้าภาพปฏิรูปการเมือง โดยมีนายสุจิต บุญบงการ ประธานสภาพัฒนาการเมือง เป็นประธานคณะทำงาน รัฐบาลจะไม่เข้าไปชี้นำ กดดันหรือมีธงปฏิรูปการเมือง เชื่อว่าผลที่ออกมาจะเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนในสังคม" นายเทพไทกล่าว

เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีเพื่อหาเหตุผลการโยกย้ายผู้ว่าฯ เพื่อเอาคนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปดำรงตำแหน่งแทน นายเทพไทกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ดูแลกระทรวงมหาดไทย พรรคภูมิใจไทยดูแลอยู่ ซึ่งการโยกย้ายผู้ว่าฯ ต้องดูความพร้อมเป็นหลัก ไม่ใช่เป็นคนของใคร ยืนยันว่าไม่มีการย้ายคนของพรรคไปเป็น ผู้ว่าฯ แทนอย่างแน่นอน ส่วนการปฏิบัติงานของนายจารุพงศ์ พลเดช ผู้ว่าฯ ลพบุรี ต่อการลงพื้นที่ของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งมีกลุ่มเสื้อแดงออกมาต่อต้านนั้น ถือว่านายจารุพงศ์สอบผ่าน ส่วนที่ปล่อยให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปป่วน นายกฯ ไม่ได้ติดใจ

จี้"แม้ว"หยุดโฟนอินพร่ำเพรื่อ

นายเทพไทกล่าวว่า กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยสบประมาทรัฐบาลว่าเด็ก 2 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ ขอเรียกร้องว่าให้เด็กเร่ร่อน หรือผู้ใหญ่จรจัด ละเว้นการปลุกระดมสร้างความแตกแยก หรือความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในประเทศ หากเด็กเร่ร่อน หรือผู้ใหญ่จรจัดคนนั้นยุติบทบาทโดยไม่มีการโฟนอินพร่ำเพรื่อไปถึงงานวัด งานแต่ง งานบวชนาค เชื่อว่าสถานการณ์การเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน

นายเทพไทกล่าวถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โจมตีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ว่า ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกัน คงต้องถามนายสุเทพว่ามีเรื่องอะไรกับพันธมิตร แต่พรรคไม่ได้ตอบโต้ เพราะเสียงของพันธมิตรเป็นเสียงสะท้อนที่มาจากองค์กรหรือภาคส่วนหนึ่งของสังคม ถือเป็นกระจกเงา พรรคยินดีรับฟัง พร้อมนำไปปรับปรุง อะไรที่แก้ไขได้ก็จะแก้ไข ที่สำคัญจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ พันธมิตร และทหาร ไม่ได้เป็นพวกเดียวกันตามที่มีการกล่าวหา แต่การเคลื่อนไหวในบางเรื่องอาจสอดคล้องกันได้

ปชป.ปัดเคลียร์ใจพันธมิตร

เมื่อถามว่าการที่แกนนำพันธมิตรออกมาโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ จะทำให้กลุ่มเสื้อเหลืองไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาลหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า ประชาชนจะพอใจหรือไม่อยู่ที่ ผลงานของรัฐบาล และเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญาณพอ คงไม่มีใครไปปลุกระดมได้ ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรออกมาโจมตีนั้นตนไม่ทราบเหตุผล แต่การโจมตีจะเน้นตัวบุคคลมากกว่าพรรค อีกทั้งไม่ได้โจมตีนายกฯ ซึ่งนายกฯ บอกแล้วว่าหากมีอะไรไม่ถูกต้อง หรือคิดว่ารัฐบาลไม่แก้ไขปัญหาในเรื่องใดก็บอกมา พร้อมจะรับฟัง

เมื่อถามว่าเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ลืม บุญคุณพันธมิตรหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า พรรคไม่ทราบว่ามีบุญคุณอะไร พันธมิตรเคลื่อนไหวตามแนวทางของเขา ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แต่การดำเนินการใดๆ รัฐบาลต้องคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด สิ่งสำคัญจะต้องยึดหลักกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่าคิดว่าแกนนำพรรคควรนัดเคลียร์ใจกับกลุ่มพันธมิตรหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า คงไม่ต้องเคลียร์ ทุกอย่างปกติ เมื่อก่อนเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

ไล่บี้"แม้ว"บีบกลับเมืองไทย

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงหนังสือพิมพ์ซันเดย์ มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่าขณะนี้รัฐบาลไทยและทางการฮ่องกงได้บรรลุการตกลงเกี่ยวกับสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่สามารถใช้ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ข้ามประเทศกลับมาดำเนินคดีว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงการตกลงในกรอบความร่วมมือเบื้องต้น ซึ่งนอกจากฮ่องกงแล้วไทยยังส่งตัวแทนไปประสานงานกับประเทศต่างๆ ที่คาดว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะไปปรากฏตัวเพื่อตกลงเกี่ยวกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งประเทศที่มีและไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนด้วย เนื่องจากการจับกุมตัวนักโทษในประเทศต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้สนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ยังอาจใช้วิธีการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ หรือการให้ประเทศเหล่านั้นแจ้งเมื่อพบตัวผู้ร้ายปรากฏตัวในสนามบิน เพื่อไปดักจับในประเทศปลายทาง ที่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กรณีอย่างนี้ก็เคยมีเหมือนกัน

นายปณิธานกล่าวว่า แม้จะมีบางคนในรัฐบาลกังวลว่าหากจับตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับมาในช่วงนี้อาจทำให้การบริหารงานของรัฐบาลลำบากขึ้นไปอีก แต่รัฐบาลมีวิธีบีบให้พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับไทยเอง โดยการส่งคนไปประสานยังประเทศต่างๆ เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณมีพื้นที่เคลื่อนไหวน้อยลง เพราะถ้าเปรียบเทียบขณะนี้รัฐบาลเหมือนป้อมค่ายที่แข็งแรงมีฐานมั่นคง ขณะที่พ.ต.ท. ทักษิณเหมือนหน่วยที่เคลื่อนไหวโจมตีไปมาได้ แต่ถ้าถูกจำกัดการเคลื่อนไหวให้อยู่แต่ในประเทศเล็กๆ สุดท้ายส.ส.บางคนอาจเลิกไปหา เพราะ ระยะทางไกล และการโฟนอินจะไม่มีประสิทธิ ภาพมากนัก เพราะพ.ต.ท.ทักษิณไม่เข้าใจปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง สุดท้ายเมื่อเจ้าตัวไม่มี ที่ยืนก็จะเดินทางกลับมาเอง

"พิภพ"ลั่นพธม.ตั้งพรรคแน่

ที่ จ.นครราชสีมา นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร กล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรจะตั้งพรรค การเมืองว่า แกนนำทั้ง 5 คนยังไม่คิดตั้งพรรค การเมือง แต่สิ่งที่พูดเมื่อครั้งขึ้นเวทีที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพียงชี้ว่าหากจัดตั้งพรรคในนามกลุ่มพันธมิตรและให้ทั้ง 5 แกนนำและประชาชนสนับสนุนควรเป็นพรรคในลักษณะใดหรือควรมีคุณสมบัติอย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ระบุว่าพันธ มิตรจะจัดตั้งรัฐบาล และถือเป็นมิติใหม่ของพรรคการเมืองที่เกิดจากประชาชน ไม่ใช่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งมารวมตัวกันเป็นพรรค ขณะเดียวกันถ้าเกิดพรรคขึ้นขบวนการเคลื่อนไหวในภาคประชาชนยังคงอยู่และดำเนินงานควบคู่กันไป โดยหนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนเงินที่จะนำมาจัดกิจกรรมของพรรคใหม่นั้นจะเป็นเงินที่ได้รับจากการบริจาคจากประชาชน ซึ่งจะเป็นมิติใหม่ของการเมืองไทยเหมือนในสหรัฐ เช่น พรรคกรีน เป็นต้น

นายพิภพกล่าวถึงนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนักวิชาการหลายคนไม่เห็นด้วยและเป็นห่วงการตั้งพรรคของพันธมิตรจะเข้าสู่วังวนของการเมืองน้ำเน่าเหมือนปัจจุบันว่า ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ถ้าพรรคมีการตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน คือนักการเมืองต้องซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และใช้นโยบายตามรูปแบบการเมืองใหม่ของพันธมิตร เมื่อเข้าไปเป็นส.ส.ในสภาแล้วต้องไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่รับเงินเดือน จึงไม่มีทางจะเป็นการเมืองน้ำเน่าไปได้ ทั้งนี้ตนกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ ประกาศแล้วว่าจะไม่รับตำแหน่งใดๆ ทางการเมืองและจะขอทำงานในภาคประชาชนสนับสนุนพรรคการเมืองตามแนวทางมิติใหม่ของพันธมิตร

พท.ฉะ"มาร์ค"ซ้ำรอยวิกฤตฟองสบู่

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นาย พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรีว่า เป็นการหาเสียงล่วงหน้า ซึ่งสร้างความเดือดร้อนและเป็นภาระให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานโดยเฉพาะ ผู้ว่าฯ ต้องทำงานท่ามกลางความกดดัน เนื่องจากถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง คาดโทษไว้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลอย่าทำอะไรที่เอิกเกริกจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทั้งนี้ ผลจากที่รัฐบาลโยกย้ายผู้ว่าฯ เชียงรายที่ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อน ไหวของคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงราย ได้ ฝ่ายค้านอาจดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้ ผู้ว่าฯ ได้รับความเป็นธรรม

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าการ บริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่หวังสร้าง ตำนานแก้วิกฤตเศรษฐกิจ จะกลายเป็นย้อนรอยประวัติศาสตร์เหมือนวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 และเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารในปี 2541 ปรากฏว่าบริหารประเทศล้มเหลว มีการกู้เงินจากต่างชาติเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ จนสถาบันทางการ เงินล้มจำนวนมาก พอมาถึงรัฐบาลนี้ยังประกาศ กู้เงินทั้งในและต่างประเทศถึง 270,000 ล้านบาท สร้างหนี้ให้ประชาชน และยังสับสนบอกกับต่างประเทศว่าบริหารโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง แต่ในความเป็นจริงใช้วิธีประชานิยมสองเท่า จนขณะนี้ประชาชนเป็นหนี้ถึง 4,500 บาทต่อหัว ถือเป็นตลกร้าย

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การสร้างตำนานของพรรคประชาธิปัตย์จะกลายเป็นตำนาน 60 กว่าวันสร้างหนี้ให้คนไทยทั่วหน้า ถ้าปล่อยให้บริหารงานถึง 99 วัน ประชาชนจะเป็นหนี้มโหฬารกว่านี้ ขอให้นายอภิสิทธิ์วางแผนบริหารจัดการทางการเงินระยะสั้น กลาง ยาว และรักษาวินัยการเงินการคลังมากกว่าการกู้เงินและแจกแหลก เหมือนเอา น้ำไปราดทะเลทราย หากรัฐบาลยังดึงดันจะใช้วิธีการประชานิยมสองเท่าอีกไม่นานต้องพึ่งหลวงตามหาบัวให้บริจาคทองช่วยชาติ

อ้างมีหลักฐานเด็ด"ชวน"ซุกทรัพย์

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ทีมงานของพรรคจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้เอาผิดกับคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล นายอลงกรณ์ พลบุตร กรณีรู้เห็นเป็นใจทุจริตการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 1 สมุทร ปราการ เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2552 ที่ กกต.มีมติให้ใบแดงแก่น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ กรณีแจกทรัพย์สินและนาม บัตรแก่ประชาชน โดยพรรคมีหลักฐานทั้งพยานบุคคล ภาพถ่าย ซีดี ที่ยืนยันว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการทำความผิดร่วมกับน.ส.สรชา โดยไปช่วยหาเสียงให้ตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ถึงวันที่ 11 ม.ค. ถือว่ามีส่วนรู้เห็นในการซื้อเสียงและได้ทำผิดร่วมกันแล้ว ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. มาตรา 53(1)-(2)

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นอกจากนี้ในสัปดาห์นี้จะเปิดหลักฐานกรณีนายชวนปกปิดการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ มีข้อมูลหลักฐานครบถ้วน แต่ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นเรื่องใด

เย้ยพธม.ตั้งพรรคหวังปูทางสู่อำนาจ

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงแกนนำกลุ่มพันธ มิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะตั้งพรรค การเมืองว่า เป็นการตระบัดสัตย์ หวังปูทางสู่อำนาจ ซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดของแกนนำพันธ มิตรเป็นคำพูดนักลวงโลก ตระบัดสัตย์ เพราะเคยพูดว่าจะไม่ตั้งพรรค แต่กลับตั้งพรรคเทียนแห่งธรรม แสดงให้เห็นว่าการประกาศเคลื่อนไหวโดยอ้างว่าเพื่อโค่นล้มพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แท้จริงเป็นการปูทางให้ตัวเองไปสู่อำนาจ ซึ่งทุกวันนี้มีตัวอย่างให้เห็นว่าบางคนในกลุ่มพันธ มิตรได้ดิบได้ดีมีตำแหน่งในรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยยินดีมากที่กลุ่มพันธมิตรตั้งพรรค เพราะจะได้ไม่ไปหลบๆ ซ่อนๆ อยู่หลังพรรคประชาธิปัตย์อีก

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตนอยากถามพล.ต. จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรว่า เงินบริจาคของกลุ่มพันธมิตรหลายร้อยล้านบาทที่บอกว่าจะนำไปให้กลุ่มสันติอโศก และพนักงานสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าถึงไหน เพราะมีแกนนำบางคนมีบ้านใหม่ รถใหม่ จ้างบอดี้การ์ดมากมาย ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน นอกจากนี้ในเรื่องคดีความต่างๆ ของกลุ่มพันธมิตรที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องกว่า 100 คดี ซึ่งแกนนำเคยประกาศให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่วันนี้กลับมาทวงบุญคุณนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ว่าที่ขึ้นวอเป็นรัฐบาลได้เป็นเพราะใคร แต่ในวันนี้พันธมิตรอาจผิดหวังที่รัฐบาลไม่สามารถตอบสนองให้ได้เต็มที่

วางตัวทีมซักฟอกเน้นทุจริต

นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อสรุปการยื่นอภิปรายขณะนี้ ส.ส.ส่งข้อมูลไปให้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส. สัดส่วน ในฐานะประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย หมดแล้ว ซึ่งจะจัดข้อมูลให้ส.ส.แต่ละคนนำไปอภิปรายในสภา เน้นให้มีความกระชับ ใช้คนอภิปรายน้อย เพื่อให้มีเวลาอภิปรายมาก โดยวางตัวส.ส. 3-5 คน อภิปรายนายกรัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีนั้นจะใช้ส.ส. 1-2 คน ประเด็นหลักที่อภิปรายคือ การทุจริต จริยธรรมทางการเมือง การวางตัว ครม.ที่ไม่เหมาะกับงานทำให้ประเทศเสียหาย รวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนการยื่นถอดถอนนายกฯ ที่มีนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร เป็นประธานคณะทำงานนั้น ทราบว่าร่างญัตติที่จะยื่นถอดถอนนายกฯ เสร็จแล้ว โดยจะนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรควันที่ 9 มี.ค. ก่อนยื่นต่อประธานวุฒิสภาพิจารณาต่อไป

นายไพจิตกล่าวถึงยุทธศาสตร์ให้ผู้บริหารพรรคและส.ส.ลงพื้นที่ขยายฐานเสียงประชาชนทั่วประเทศว่า พรรคจะดำเนินการหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยให้ประธานส.ส.แต่ละภาค เป็นแกนนำหลัก เช่น ภาคเหนือมีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภาคกลางมีนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ภาค อีสานมีนายพายัพ ชินวัตร และ กทม.มีนายวิชาญ มีนชัยนันท์ เป็นแกนหลัก โดยลงพื้นที่พบประชาชน ชี้แจงการทำงานของพรรค ส่วนใครจะตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแย่งชิงมวลชนกับรัฐบาลที่กำลังลงพื้นที่ ก็เป็นสิทธิ ซึ่งตนไม่รู้สึกกังวลเพราะประชาชนแยกแยะได้

นายไพจิตกล่าวว่า ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรจะตั้งพรรคนั้น ขอแสดงความยินดีจากใจจริง กลุ่มพันธมิตรจะได้คัดเลือกบุคคลที่ต้องการจะมาเป็นนายกได้เอง ไม่ต้องขัดขวางบุคคลอื่น และเมื่อเปิดเผยออกมาเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาแกนนำพันธมิตร เช่น พล.ต.จำลอง มีจุดประสงค์เคลื่อนไหวเพื่อใคร ดังนั้น เมื่อเปิดตัวเข้ามาสู่สนามการเมืองถือว่าน่าชื่นชม

ถอดถอน"มาร์ค"ฐานทำผิดรธน.

นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 9 มี.ค. เวลา 10.00 น. จะประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหาข้อสรุปทั้งเรื่องตัวบุคคลที่จะถูกอภิปราย ประเด็นอภิปราย ตนกำลังร่างเหตุผลประกอบการยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ต้องระบุให้ชัดเจนเป็นข้อๆ ซึ่งชัดเจนแล้วว่าเหตุผลหนึ่งคือจงใจทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น ส่วนจะยื่นถอดถอนรัฐมนตรีรายอื่นด้วยหรือไม่จะได้ความชัดเจนในวันที่ 9 มี.ค.นี้ รวมถึงการเข้าชื่อยื่นถอดถอนด้วยเช่นกัน ซึ่งมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการเข้าชื่อของส.ส.ประกอบการถอด ถอนและอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายพีรพันธุ์กล่าวว่า ส.ส.ที่ทำหน้าที่อภิปรายได้ซักซ้อมกันพอสมควรแล้ว กำชับผู้อภิปรายว่าเนื่องจากไม่ใช่การเสนอญัตติอภิปรายทั่วไป แต่เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีการยื่นถอด ถอน ดังนั้น ต้องมีความชัดเจนในข้อมูลว่ารัฐบาลทุจริต จงใจทำผิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น อย่ากล่าวหาโดยไม่มีมูล สำหรับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือวันที่ 11 มี.ค. ส่วนวันอภิปรายรัฐบาลยังไม่ได้ประสานมา แต่เท่าที่เห็นรัฐบาลอยากให้เปิดอภิปรายเร็วๆ

เตือนรัฐบาลอย่าส่งรมต.ลงพื้นที่สีแดง

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการว่า ขณะนี้จะเห็นได้ว่าเกิดกระแสการต่อต้านรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แทบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือเสื้อแดง ทำให้ผลที่เกิดตามมาในพื้นที่นั้นๆ พบว่าผู้ว่าฯ ในจังหวัดที่มีกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนไหวปรากฏว่าต้องถูกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของการโยกย้าย ทำให้มองได้ว่ารัฐบาลกำลังรังแกข้าราชการประจำที่ทำงานในจังหวัดต่างๆ อย่างไร้คุณธรรม

"เมื่อรัฐบาลรังแกข้าราชการประจำมากขึ้น เมื่อนั้นผู้ที่ถูกรังแกและได้รับแรงกดดันอาจจะรวมตัวต่อต้าน ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการทำงานของรัฐบาลเลย ดังนั้น รัฐบาลควรกำชับรัฐมนตรีและนักการเมืองในสังกัดควรให้เกียรติข้าราชการประจำให้มาก เพราะหากไม่มีข้าราชการประจำรัฐบาลจะทำงานได้ยากเนื่องจากไม่มีคนทำงานให้ด้วยใจที่เสียสละ และควรกำชับนักการเมืองที่ไม่ได้เป็นส.ส.ให้ประสานงานด้วยความเคารพและให้เกียรติทุกคนอย่าใช้อำนาจรังแกผู้อื่นอย่างไม่เหมาะสม ทางที่ดีรัฐบาลไม่ควรส่งรัฐมนตรีลงมาพื้นที่ซึ่งเป็นสีแดง เพราะจะทำให้ข้าราชการลำบากใจได้" นายวิสุทธิ์กล่าว

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แจ้งว่า วันที่ 9 มี.ค. เวลา 11.00 น. จะยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาเพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. เนื่องจาก กรณียกคำร้องที่ขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากดึงผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง โดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เข้ามาทำกิจกรรมทางการเมือง เป็นการกระทำผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ

"เติ้ง-มาร์ค"ถกแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

เวลา 18.00 น. ที่ห้องรอยัล จูบิลี บอลลูน อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เดินทางไปร่วมงานฉลองมงคลสมรสบุตรสาวนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีรัฐมนตรี ข้าราชการ ภาคเอกชนและธุรกิจร่วมงานจำนวนมาก โดยเฉพาะอดีตแกนนำพรรคชาติไทย อาทิ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายประภัตร โพธสุธน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย รวมถึงพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. นายธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี ภายในงานนายอภิสิทธิ์ เข้าพบพูดคุยกับนายบรรหารนาน 3 นาทีที่ห้องรับรองด้วย

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า พูดคุยกับนายบรรหารเรื่องการบริหารงาน นายบรรหารให้ข้อสังเกตและเป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งให้คำแนะนำ ในการพูดคุยไม่มีอะไรเจาะจงเป็นพิเศษ แต่คงมีโอกาสพบกันอีก และไม่ได้พูดคุยกันเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

"เติ้ง"วอน"แม้ว"ให้รอมชอม

เวลา 19.00 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า ปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้เป็นปัญหาทั่วโลก ซึ่งประเทศไทยได้รับผลกระทบแน่นอน รัฐบาลต้องหามาตรการแก้ไข ซึ่งทำได้หลายอย่า อย่างโครงการถนนไร้ฝุ่นถือเป็นโครง การที่ดี ถ้าทำได้เงินจะกลับคืนมา 4-5 พัน ตนไม่ได้เชียร์ อย่าไปมองเรื่องผลประโยชน์ เพราะถ้าคุมเรื่องเงินให้ดีก็จะไม่มีปัญหาการทุจริต เศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 น่าจะดีขึ้น ทั้งนี้ตนไม่ได้แนะนำแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้นายกฯ เพราะแนวทางที่รัฐบาลทำอยู่ก็ถือว่าใช้ได้

นายบรรหารกล่าวว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเคลื่อนไหวถือเป็นวิถีทางของท่าน คงมีเหตุผล แต่ส่วนตัวก็เห็นใจ เคยพูดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ให้กลับมาต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่พ.ต.ท. ทักษิณกลัวเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณไม่น่าส่งกระทบต่อรัฐบาลมากนัก ถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้เรื่องพ.ต.ท.ทักษิณจะเบาบาง เมื่อถามว่าจะให้คำแนะนำอะไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายบรรหารกล่าวว่า อยากให้รอมชอม ไม่มีแดงมีเหลือง มีแต่ขาวอย่างเดียว ส่วนแนวความคิดเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาติปิดไปได้เลย มันทำไม่ได้

นายบรรหารกล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นคนกลางปฏิรูปการเมือง โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ เอาคนกลางมาร่างไม่ได้เพราะไม่รู้เรื่อง ต้องให้นักการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

ด้านพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณีกลุ่มพันธมิตรฯจะตั้งพรรคการเมือง โดยกล่าวเพียงว่า ตนกำลังศึกษาในระดับปริญาเอกและเล่นกีฬาอยู่ เมื่อถามว่าสนใจการเมืองหรือไม่ พล.อ.สนธิยอมรับว่าสนใจ และกำลังศึกษาเหมือนกัน

"เทือก"ฟุ้งเรตติ้งเพิ่ม"มาร์ค"ถูกปาของ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินให้ประชาชนอย่าหวังพึ่งรัฐบาลนี้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า ตนไม่พูดถึงพ.ต.ท.ทักษิณอีก และคิดว่าความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานของรัฐบาล เพราะเราจะทำในสิ่งที่ดีๆให้ประชาชนเห็น เมื่อถามว่าหากนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผลดีหรือผลเสียกับรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ได้คิดในแง่ของรัฐบาล แต่คิดในแง่ของประเทศชาติว่าคนที่ทำความผิดหลบหนีคดี หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ต้องติดตามเอาตัวมาลงโทษ เชื่อว่านำตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีได้ จะไม่ทำให้คนเสื้อแดงแดงทั้งแผ่นดิน เพราะพวกเขามีไม่เท่าไหร่ และหากพ.ต.ท.ทักษิณกลับมารัฐบาลก็จะดูแลให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

นายสุเทพกล่าวถึงพรรคเพื่อไทยเตรียมเอาผิดนายอภิสิทธิ์ และนายชวน กรณีไปช่วยหาเสียงให้น.ส.สรชา วีรชาติวัฒนา ผู้สมัครส.ส.สมุทร ปราการ ที่ได้ใบแดงว่า พรรคเพื่อไทยสร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์ไปเรื่อยเพื่อทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งนายชวนและนายอภิสิทธิ์ แค่ไปช่วยปราศรัยเชิญชวนให้คนมาใช้สิทธิ์ ไม่ได้ทำอะไรผิด และกรณีนี้น.ส.สรชา ได้ดำเนินการตามขั้นตอนไปแล้ว เราสู้ตามความเป็นจริงจึงไม่กังวล

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่ายิ่งเขาทำอะไรมากคนยิ่งเห็นใจนายกฯ ดูได้จากการลงพื้นที่จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 7 มี.ค. เมื่อกลุ่มเสื้อแดงขว้างขวดน้ำใส่นายกฯ ทำให้คนเห็นใจมากขึ้น เมื่อถามว่าการขว้างปาขวดน้ำดังกล่าวเป็นการทำเกินกว่ากรอบกฎหมายหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนเห็นว่าผิดกฎหมาย แต่เราต้องดูว่ามีหลักฐานมีรูปถ่ายเห็นมือเห็นหน้าคนดำเนินการหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป ส่วนการทำงานของเจ้าหน้าที่ถือว่าทำได้ดี ดูแลประชาชนให้อยู่ในกรอบกฎหมาย แต่คนที่ฝ่าฝืน ก็ต้องดำเนินการ

ขอนแก่นคึก-เสื้อแดงแห่ร่วมงาน

วันเดียวกัน เวลา 12.00 น. ที่บริเวณถนนหน้าศูนย์ราชการ ด้านพระธาตุศิโรดมจำลอง หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น กลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตั้งเวทีจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่จ.ขอนแก่น โดยคนเสื้อแดงในขอน แก่นและจังหวัดต่างๆ ต่างทยอยมารวมตัวกัน อาทิ กลุ่มชมรมคนรักอุดรนำโดยนายขวัญชัย ไพรพนา กลุ่มคนโคราชรักษ์ประชาธิปไตยนำโดยนายเกรียงศักดิ์ สีดาน้อย กลุ่มแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 200 คนไปรวมตัวกันที่ท่าอากาศยานจังหวัดขอนแก่น เพื่อรอรับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำนปช. รวมถึงส.ส.พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมน ตรีหลายคนที่เดินทางไปยัง จ.ขอนแก่น เพื่อร่วมรายการความจริงวันนี้สัญจร ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบกองร้อยควบคุมฝูงชนอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางการ์ด นปช.ได้นำแผงเหล็กมาวางด้านหลังเวที ขณะที่ริมถนนหน้าศาลากลางมีการวางสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันการก่อกวนของกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มมือที่ 3 รวมถึงมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก เช่น เท้าตบ หัวใจตบ เสื้อแดง เข็มกลัด สร้อยคอที่มีรูปของอดีตนายกฯ ทั้งนี้ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้ส่งกำลัง 1,000 นาย และกองร้อยควบคุมฝูงชน 400 นาย เข้าดูแลการชุมนุม พร้อมตั้งจุดตรวจค้นรถต้องสงสัยรวมทั้งบริเวณโดยรอบ

พ.ต.อ.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ รอง ผบก.ภ.จว. ขอนแก่น กล่าวว่า ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) ภ.จว. ขอนแก่น ที่ศาลาประชาคมจังหวัดขอนแก่น ห่างจากจุดที่มีการชุมนุม 200 เมตร ส่วนการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงและ นปช.นั้น วางกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งรอบนอกและในพื้นที่ จำนวน 1,365 นาย มีทั้งจาก บก.ตชด.ภ.2 และศสส.ภ.4 และชุดตรวจวัตถุระเบิด ตั้งด่านตรวจบนถนนสายรอบตัวเมืองขอนแก่น 5 จุด ซึ่งกำลังตำรวจทุกนายจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามแผนกรกฎ 51

"สุชาติ"สั่งจับตาโฟนอิน"แม้ว"

พ.ต.อ.สุจินต์ นิจพาณิชย์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า มีคำสั่งให้ท้องที่ใกล้เคียงเตรียมความพร้อมรับมือเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังมั่นใจว่าการชุมนุมจะเป็นไปอย่างสันติวิธี ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง แม้จะมีกระแสข่าวการก่อกวนของมือที่ 3 ก็ตาม

เวลา 14.30 น. ที่ศาลาประชาคมจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 กล่าวว่า การจัดชุมนุมครั้งนี้น่าจะเรียบร้อย มีการจัดกำลังตำรวจดูแลทั้งหมด 1,365 นาย จนถึงขณะนี้สถานการณ์ยังปกติดี และจากการสอบถามแกนนำผู้ชุมนุม ต่างยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนขบวนไปไหน จะชุมนุมอยู่กับที่เพื่อฟังการปราศรัยบนเวที โดยเฉพาะการโทรศัพท์ทางไกลจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในเวลา 18.00 น. และเวทีน่าจะเลิกในเวลาไม่เกิน 20.00 น.

พล.ต.ท.สุชาติกล่าวว่า ตลอดการปราศรัยของแกนนำกลุ่มเสื้อแดง รวมถึงช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ โทรศัพท์มานั้น ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวและเครื่องบันทึกเสียงอย่างละเอียด และหลังจบการชุมนุมภายใน 3 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบข้อความและภาพว่ามีช่วงใด ข้อความไหนเข้าข่ายหมิ่นประมาทบุคคลอื่น หรือเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตาม ป.อาญา 112 หากเป็นการหมิ่นประมาทผู้อื่น ผู้ที่ถูกพาด พิงได้รับความเสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีเองได้ทันที แต่หากกระทำผิดหมิ่นพระบรมฯ ต้องรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบด่วนเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป ถือเป็นกรณีเร่งด่วน

"ณัฐวุฒิ"ย้ำไม่เคลื่อนขบวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานว่ามีคนร้ายทุบทำลายกระถางต้นไม้ที่ตั้งอยู่หน้าร้านภราดรภาพ ร้านอาหารของนายนุชา อินทร์ทอง พันธมิตรขอนแก่น โดยนายนุชาเล่าว่า ช่วงกลางวันเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ทราบข่าวจากภรรยาว่ามีชายฉกรรจ์ คาดว่าเป็นคนของกลุ่มเสื้อแดง ขับรถจักรยานยนต์วนเวียนผ่านหน้าร้านหลายๆ รอบ จนเช้าวันนี้ จึงพบว่าที่หน้าร้านกระถางต้นไม้ถูกทุบทำลาย จนหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายลพ พูลวิเชียร ที่อ้างว่าเป็นทหารและเมาสุราได้พกอาวุธมีดเข้ามาก่อกวน บริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย ท่ามกลางความตกตะลึงของประชาชน และการ์ด นปช.ที่พยายามจะเข้าไปควบคุมสถาน การณ์ ขณะที่มีผู้มาร่วมชุมนุมประมาณ 4,000 คน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ กล่าวว่า ในเวลา 18.00 น. จะสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ของพ.ต.ท.ทักษิณ และยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีความเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนขบวนตามที่หลายฝ่ายกังวลใจ

"แม้ว"โฟนอินจวกรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.50 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปบนเวทีรายการความจริงวันนี้สัญจร ประมาณ 15 นาที ก่อนลงจากเวทีโดยไม่มีการกล่าวปราศรัยใดๆ ขณะที่แกนนำนปช. อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยและส.ส.พรรคเพื่อไทยสลับกันขึ้นปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล

ต่อมาเวลา 19.50 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้โฟนอินเข้าโทรศัพท์มือถือสายตรงกับนายวีระ มุสิกพงศ์ ซึ่งเปิดสายให้ผู้ชุมนุมร่วมรับฟัง โดยมีเสียงปรบมือและเขย่าตีนตบต้อนรับดังกึกก้อง โดยพ.ต.ท.ทักษิณกล่าวทักทายว่า "สวัสดีพี่น้องชาวเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตย ผมรักคนอีสานเด้อ ขอบคุณกลุ่มเสื้อแดงที่มารวมตัวกันมาก ผมดีใจ ทำให้คิดถึงตอนที่เป็นนายกฯ ได้ออกมาพบพี่น้องเป็นประจำ มาพบด้วยความคิดถึง อยากโทรศัพท์มาคุยด้วยเรื่อยๆ คิดถึงที่สุดเพราะเศรษฐกิจไม่ไหว"

อดีตนายกฯ กล่าวว่า ตนเคยบอกว่าสิ้นปี 2552 ภายในเวลา 3 ปีจะทำให้เศรษฐกิจดี ความยากจนจะหายไปจากแผ่นดิน คิดว่าทำได้ เคยบอกว่าหา เงิน 250,000 ล้านบาทได้ ไม่ต้องไปกู้เขา สามารถสร้างอนาคต สร้างมูลค่าให้ลูกหลาน แต่ปรากฏว่าถูกเขาไล่ออกโดยการใช้กำลังทหารใช้รถถัง เรียกว่ารัฐบาลโจรกบฏ คิดว่าจะจบแต่ไม่จบเพราะออกไปในรูปใหม่ ใช้ศาลรัฐธรรม นูญปลดตนออกสายฟ้าแลบ และกลุ่มพันธมิตรใช้ทหารไปยึดสนามบินแต่ตำรวจทำอะไรไม่ได้ ในที่สุดก็ปลดรัฐบาล เอาทหารมากดดันเพื่อหนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งรัฐบาลใหม่ เป็นนายกฯ จะเรียกว่าประชาธิปไตยได้อย่างไร เรียกว่ารัฐบาลปฏิวัติเงียบ

"ถ้าผมเป็นนายกฯ อยู่ผมต้องเอาเงินลงสู่ระบบเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาท เพื่อสร้างงาน ไม่ใช่เอามาแจก ซึ่งรัฐบาลควรให้ประชาชนมีช่องทางประกอบอาชีพ พร้อมมีเงินทุนหมุนเวียน การบริโภคต้องเกิดจากการทำมาหาได้ ไม่ใช่เกิดจากการยืมกันมา หรือเอามาแจกให้ใช้ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลยังไม่เข้าใจ" อดีตนายกฯ กล่าว และว่า การที่รัฐบาลได้อนุมัติวงเงินมากกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการให้เงินช่วยเหลือรายละ 2 พันบาทสำหรับผู้มีรายได้ประจำน้อย และยังมีการจ่ายเงินในรูปแบบต่างๆ ผ่านองค์กรส่วนท้องถิ่น ถ้าเป็นตนจะไม่ใช้วิธีแจกเงิน แต่จะทำประโยชน์ให้คนรู้จักการหาเงิน ไม่ใช่ไล่แจกอย่างเดียว

ลั่นเสื้อแดงจะโตขึ้นอีก

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงความทุกข์ยากของประชาชน โยงไปถึงเรื่องยาเสพติดที่แพร่ระบาดอย่างหนัก เกิดหนี้นอกระบบกลับมา รัฐบาลคือนักการเมืองและพ่อค้าได้ผลประโยชน์ ทำให้เป็นห่วง เกิดคนตกงาน ขอให้ประชาชนเก็บหอมรอมริบ ดูแลเรื่องการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ดี เรื่องเงินทุนหมุนเวียนว่ารัฐบาลไม่เข้าใจในการทำมาหากิน บอกประชาชนให้อดทน และให้อดทนให้มากเพราะเศรษฐกิจตอนนี้กำลังแย่ คนตกงานมาก ตนไปต่างประเทศมาหลายประเทศเห็นหลายอย่าง เห็นทั้งประเทศที่ทำนรกให้เป็นสวรรค์ และประเทศที่ทำสวรรค์ให้เป็นนรก

อดีตนายกฯ กล่าวว่า ประเทศไหนไม่มีประชาธิปไตยอนาคตจะอดอยากอยู่ไม่ได้ ไม่รู้สึกว่าประชาชนเป็นผู้มีพระคุณ การขาดมาตรฐาน ความยุติธรรมไม่เกิด เสื้อแดงก็เติบโตขึ้นเพราะเหตุนี้ เมื่อรัฐบาลไม่ใช้ประชาธิปไตยเสื้อแดงก็เติบโตขึ้นอีกเพื่อต่อสู้ทางการเมือง ถ้าหากวันนี้ประเทศไทยยังปล่อยให้เป็นสองมาตรฐาน ฝ่ายหนึ่งหายใจก็ผิด เสื้อแดงก็ต้องโตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกลุ่มพันธมิตรชัดเจนว่าวันนี้ต้องการเข้าสู่การ เมืองในระบบรัฐสภา จากที่เคยต่อต้านเขาอยู่ นอกสภา

อ้อนพร้อมโฟนอินทุกเวที

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตนถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี การที่ตนไม่พูดไม่ตอบกลายเป็นคนไม่จงรักภักดีจริงๆ ตนเป็นตำรวจ เป็นนักเรียนนายร้อย เป็นคนที่จงรักภักดีเต็ม 100 ตนเป็นคนทำงาน ไม่มีเวลาแก้ตัวจนทำให้เรื่องโกหกกลายเป็นเรื่องจริง ตนถูกกล่าวหาใส่ความเพราะเป็นคนมีความจงรักภักดีทั้งส่วนตัวและครอบครัว แต่ทำให้ตนเดือดร้อน

"ผมขอบคุณที่พี่น้องชาวเสื้อแดง สุขภาพโดยทั่วไปผมดีอยู่ มีบางที่เหงาผมเหงา ผมคิดถึงบ้าน ผมเป็นคนที่มีความสุขมากหากได้ไปอยู่กับประชาชนตามต่างจังหวัด เหมือนตอนที่ผมเป็นนายกฯ และหากมีการชุมนุมที่ไหนผมพร้อมและยินดีจะโฟนอินเข้ามาหาคนที่คิดถึงผมทุกเมื่อ" อดีตนายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายการความจริงวันนี้สัญจรจะจัดครั้งต่อไปในวันเสาร์ที่ 14 มี.ค.นี้ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา วันอาทิตย์ที่ 15 มี.ค. ที่ จ.จันทบุรี และวันอาทิตย์ที่ 22 มี.ค.ที่ จ.เชียงใหม่ แล้วจะกลับมารวมตัวกันที่กรุงเทพฯ หน้าทำเนียบรัฐบาล

พธม.เดินสายหารือตั้งพรรค

เวลา 17.00 น. ที่ศาลาประชาคม อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี กลุ่มคนเสื้อเหลืองได้จัดเวทีสุพรรณภิวัฒน์ โดยมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร มาร่วมงาน ท่ามกลางกลุ่มเสื้อเหลืองจากหลายจังหวัดกว่า 1,000 คน ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าหลายชนิดและวางจุดตู้บริจาคเงินของกลุ่มเสื้อเหลือง ทั้งทางเข้าและด้านในเป็นจุดๆ โดยการ์ดเสื้อเหลืองได้ตั้งจุดตรวจสอบผู้เดินทางเข้าออกอย่างเคร่งครัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามชุก ทั้งในและนอกเครื่องแบบกระจายกำลังดูแลความเรียบร้อย

นายสนธิปราศรัยว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการโยนหินถามทางว่าสมควรหรือไม่ ซึ่งต้องรอความคิดเห็นของประชาชนก่อน

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำไม่ได้เร่งรัดหารือว่าต้องตั้งพรรคให้ได้ภายในเร็วๆ นี้หรือในปีนี้ แต่จากการวิเคราะห์เชื่อว่าจำเป็นต้องมีพรรคของพันธมิตรเกิดขึ้น ซึ่งต้องอาจใช้เวลาระยะหนึ่ง โดยแกนนำจะใช้เวทีปราศรัยและสัมมนาในหลายจังหวัด พูดคุยเรื่องนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องพรรคถือเป็นวาระสำคัญในเครือข่ายของพันธมิตรที่มีการถกเถียงกันกว้างขวางและจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสัมมนาแกนนำพันธมิตรทั่วประเทศในวันที่ 24 พ.ค.นี้ ซึ่งเราจะเชิญแกนนำทุกจังหวัด จังหวัดละ 5-10 คนเพื่อร่วมกันกำหนดบทบาทของพันธมิตร รวมทั้งวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง และจะทำวาระพรรคการเมืองเข้าสู่ที่ประชุมสัมมนาอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ