ที่มา ไทยรัฐ
คงไม่ต้องไปถามประชาชนหรอกครับ...ต้องการปฏิรูปการเมืองหรือเปล่า เพราะถ้าทุกวันนี้การเมืองมันดีจริงก็จะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งจนวุ่นวายอย่างที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างนางสดศรี สัตยธรรม 1 ใน 4 กกต. ที่เสนอไอเดียว่าควรทำประชามติถามประชาชนว่าต้องการปฏิรูปการเมืองหรือไม่
แบบนี้ต้องเรียกว่า “ไร้เดียงสา” แต่ชอบเปล่งวาจาเหลือเกิน
แน่นอนว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่เป็นจุดหลักในขณะนี้ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย และผู้สนับสนุนกับผู้ไม่ชอบทักษิณ ขณะที่สภาพการเมืองไทยในปัจจุบันยังมีปัญหาในเรื่อง รัฐธรรมนูญที่ยังเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการเมือง
ที่สำคัญก็คือ คุณธรรม จริยธรรมทางการเมืองอันเป็นตัวปัญหาหลักที่ทำให้การเมืองต้องจมปลักอยู่ในรูปแบบเก่า ยังเป็นการเมืองน้ำเน่า มีการทุจริตคอรัปชัน ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
ต่างๆเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไขนัยก็คือการปฏิรูปการเมือง
คงไม่ใช่แค่ว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วทุกอย่างจบ นักการเมืองหลุดพ้นจากบ่วงการเมือง เรื่องยุบพรรคหรือการตรวจสอบนักการเมืองที่เข้มข้น ที่ทำให้นักการเมืองร้องโอดโอยเท่านั้น หรือเพื่อให้นักการเมืองหลุดพ้นจากคดีทุจริต
ดังนั้น การที่รัฐบาลตัดสินใจที่จะปฏิรูปการเมืองคู่ขนานไปกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำและทำให้ได้ดีด้วย เพราะมิฉะนั้นแล้ว บ้านเมืองเราก็จะพัฒนาไปไม่ได้เกิดอุปสรรคแทบทุกด้าน
หรือแม้กระทั่งที่กำลังคาบลูกคาบดอก อย่างกรณีที่ศาลปกครองที่มีคำสั่งให้มาบตาพุดเป็นเขตปลอดมลพิษ ขณะที่เขตอุตสาหกรรมแห่งนี้กำลังประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่หยุดก็ไม่ได้ เดินหน้าก็ไม่ได้ และทำท่าจะเจ๊งกันระนาว
และมีความพยายามที่จะขออุทธรณ์เพื่อให้สามารถประกอบกิจการต่อไปได้ ขณะที่ประชาชนซึ่งอาศัยในบริเวณนั้นหรือใกล้เคียงต่างยินดีโห่ร้องถือว่าเป็นชัยชนะของประชาชน นั่นเพราะอะไร เพราะท่ามกลางความเติบโตทางเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ เกิดความร่ำรวยกันอย่างมหาศาล
แต่ประชาชนในย่านนั้นต่างได้รับความทุกข์ไม่ต่างไปจากแม่เมาะ ลำปาง คลิตี้ เมืองกาญจน์ ที่ต้องทนทุกข์กับอากาศพิษ สารพิษ เจ็บป่วย เสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก หรือแม้กระทั่งต้องหนีไปอยู่ในถิ่นอื่น ใครรับผิดชอบครับ...ใครแก้ปัญหาให้เขา
รัฐบาลหรือ...ไม่ใช่หรอกครับ
นี่คือสิ่งที่ต้องยอมรับว่าคือสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย ภายใต้บริบทการเมืองที่เป็นอยู่ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมามองความเติบโตทางเศรษฐกิจด้านเดียว มองตัวเลขของจีดีพีเท่านั้น ไม่ได้มองถึงชีวิตคนที่มีคุณค่าและเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน
แม้แต่วันนี้ยังมีความพยายามร้องขอให้คงสภาพอย่างนี้ต่อไป และยังทำท่าว่ารัฐบาลจะยินยอมเพราะห่วงเศรษฐกิจมากกว่า แต่ไม่เคยคิดถึงการปล่อยปละละเลยให้โรงงานต่างๆปล่อยมลพิษ ปล่อยน้ำเสีย คร่าชีวิตมนุษย์ไปทุกวัน
เพียงแค่ว่าให้มีการลงทุน บีโอไอก็ส่งเสริมทุกรูปแบบ แต่เคยคิดที่ให้โรงงานต่างๆมีความรับผิดชอบต่อผู้คนและสังคมมากน้อยแค่ไหน
ยกตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเมืองที่ไร้คุณธรรม จริยธรรมเพียงแค่เรื่องนี้มันก็เจ็บปวดมากแล้ว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องหลายราวที่มีผลต่อสังคมไทยอย่างมาก ที่ผ่านมามองเหตุแบบนี้แค่จุดหนึ่งจุดใดเท่านั้น แต่ความจริงแล้วมันมีผลต่อสังคมทั้งระบบอย่างแยกไม่ออก หากมีการเมืองดี รัฐบาลดี นายกฯดี มีสำนึก เชื่อว่าสังคมไทยไม่ทุกข์กันอย่างทุกวันนี้หรอก
และนักการเมืองเลวคงไม่มีสิทธิมาป่วนบ้านป่วนเมืองอย่างนี้ได้.
“สายล่อฟ้า”