ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ในช่วงเพียงไม่กี่เดือนที่เข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลชุดปัจจุบันแทบจะต้องรับมือหรือแก้ไขปัญหาการชุมนุมของผู้ได้รับความเดือดร้อนอยู่เป็นประจำแทบทุกวัน
โดยในจำนวนนี้กลุ่มที่ออกมาประท้วงมากที่สุดก็คือผู้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ทั้งผู้ใช้แรงงานที่ถูกปลดออกจากงาน และเกษตรกรที่ประสบปัญหาราคาพืชผลตกต่ำกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต
มีแนวโน้มว่าหากรัฐบาลไม่สามารถประคับประคองสถานการณ์เศรษฐกิจให้ทรงตัวอยู่เช่นนี้ได้ จำนวน ความถี่ และระดับของข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงจะยิ่งมากขึ้นสูงขึ้นเป็นลำดับ
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ต้อง การให้เกิดขึ้น
ในเฉพาะหน้า นอกเหนือไปจากการทำความเข้าใจกับประชาชน โดยเฉพาะผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และการให้ความช่วยเหลือในระยะสั้น เพื่อให้แต่ละกลุ่มสามารถพยุงตัวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้
แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็จะต้องผลักดันนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาในระยะปานกลางและระยะยาวได้จริง
ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ภาคเศรษฐกิจสามารถแสวงหาช่องทางการลงทุนใหม่ ที่ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายที่ผิดพลาดในอดีต และวางรากฐานใหม่ให้ถูก โดยเฉพาะในด้านการ เกษตร ที่จะต้องเลิกการประกันราคา ซึ่งทำให้เกษตรกรลงทุนลงแรงเพาะปลูกโดยขาดความระวัง จนหลายครั้งผลผลิตออกมาเกินต้องการ และเป็นช่องทางในการ ทุจริตมาทุกยุคทุกสมัย
มาเป็นการเผยแพร่ความรู้และกระจายข้อมูลให้ทั่วถึง
ในฐานะนักเรียนเศรษฐศาสตร์ นายกรัฐมนตรีย่อมตระหนักดีว่าการที่ผู้เล่นแต่ละรายในตลาดได้รับ "ข้อมูล" ไม่เท่าเทียมกันนั้น ก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมได้อย่างไร
ยิ่งในกลุ่มที่มีโอกาสได้รับข้อมูลและมีกำลังในการต่อรองน้อยกว่ากลุ่มอื่นอย่างเกษตรกร รัฐจะเข้าไปมีบทบาทส่งเสริมให้ข้อมูลสามารถกระจายออกไปทั่วถึงได้อย่างไร หรือจะสร้างอำนาจต่อรองให้กับเกษตรกรในฐานะผู้ผลิตได้อย่างไร
การสนับสนุนส่งเสริมเช่นนี้จะเป็นประโยชน์กับเกษตรกรมากกว่าการโปรยหว่านเงิน ที่ในระยะยาวจะสร้างผลเสียมากกว่าผลดี ดังที่ปรากฏให้เห็นแล้วในปัจจุบัน ไม่ลงมือทำในช่วงวิกฤต แล้วเมื่อใดจะมีโอกาสได้ทำ