ที่มา มติชน
บทนำมติชน
สภาวะแห่งความไร้ระเบียบกำลังคุกคามสังคมไทยอย่างรุนแรง ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น การชุมนุมล้อมทำเนียบรัฐบาลของคนเสื้อแดง นำโดยแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พร้อมกับประกาศยกระดับการเคลื่อนไหวไปสู่การขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทุกสถานที่ การรวมตัวของคนเสื้อแดงในลักษณะ "ต้อนรับขับไล่" นายอภิสิทธิ์ด้วยเสียงตะโกนด่าและขว้างขวดน้ำเข้าใส่ขณะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดลพบุรี ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีอีกหลายคนก็โดยขับไล่เช่นกัน อาทิ นายวีระชัย วีระเมธีกุล ที่พะเยา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ที่นครราชสีมา และอีกหลายๆ คนที่มีกำหนดจะเดินทางไปติดตามงานจังหวัดต่างๆ ตามคำสั่งของนายอภิสิทธิ์คงไม่แคล้วโดนขับไล่
การแสดงออกของคนเสื้อแดงเหล่านี้ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ตลอดมาว่า เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยนายอภิสิทธิ์หาได้มีท่าทีหวาดกลัวหรือต้องการจะกำราบปราบปรามคนเหล่านี้ ผิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ปรามข้าราชการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายปราบปรามให้ไปดูแลความสงบเรียบร้อยให้ดี ถ้าปล่อยให้มีเหตุรุนแรงขึ้นถือว่าปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ อาจถูกโยกย้าย ว่ากันตามหลักแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ยากต่อการสกัดกั้นขัดขวางการเกาะกลุ่ม รวมตัว และการปฏิบัติการต่อต้านของคนเสื้อแดงได้ เนื่องจากคนเหล่านั้นมีความคิดและแนวทางการต่อสู้ที่อ้างว่าเพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรมซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้ว นับแต่เกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึงปัจจุบัน
ในความขัดแย้งและเกิดการกระทำที่นำไปสู่การดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สับสน ยุ่งเหยิง จนบ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ดังจะสังเกตได้จากการออกหมายเรียก 21 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยข้อหาปิดล้อมรัฐสภาวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ก็ถูกแกนนำเลื่อนการเข้ารายงานตัวออกไปเกือบ 1 เดือน พร้อมกันนี้ แกนนำพันธมิตรยังกดดันให้นายสุเทพปลดหรือย้ายนายตำรวจที่รับผิดชอบคดีแล้วเปลี่ยนตัวเป็นนายตำรวจคนอื่น อ้างว่าชุดเดิมเป็นปฏิปักษ์กับพันธมิตรและยังมีส่วนในการสลายผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะเดียวกัน แกนนำคนเสื้อแดงก็แสดงปฏิกิริยาไม่พอใจที่ตำรวจออกหมายจับ 7 คนเสื้อแดงแทนที่จะเป็นหมายหมายเรียก ข้อหาทำร้ายร่างกายทหารนอกเครื่องแบบที่มาหาข่าวระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ล้อมทำเนียบรัฐบาล และตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจนอกเครื่องแบบที่ถูกการ์ดพันธมิตรจับได้และรุมทำร้ายร่างกายเหมือนกันบริเวณทำเนียบจึงไม่มีการดำเนินคดี รวมทั้งคดีอื่นๆ เช่น การยึดสนามบิน ทำร้ายร่างกายผู้อื่นก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
บ้านเมืองในยามที่กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างตำรวจก็เอนเอียงไปตามกระแสของการเมือง นายตำรวจต่างคอยสังเกตทิศทางลมที่จะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ความไม่เป็นระเบียบนำมาซึ่งข้อขัดแย้งในทุกเรื่อง ทุกกรณี สร้างความแตกแยกมากขึ้นตามลำดับ โดยที่รัฐบาลไม่ว่าคณะไหนในฐานะรัฐาธิปัตย์ที่มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย ผดุงความยุติธรรม เพื่อความเจริญของประเทศและการอยู่ดีมีสุขของประชาชนทั้งมวล สำหรับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะสร้างความปรองดองในชาติ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะปฏิบัติอย่างไรถึงจะบรรลุผลตามนโยบายดังกล่าว จากสภาพความเป็นจริง ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาความขัดแย้งและความไร้ระเบียบของสังคม
มิไยต้องพูดถึงผลกระทบจากภาวะแห่งการไร้ระเบียบของสังคม เพราะดูเหมือนพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เศรษฐกิจที่ถดถอยลงทุกวัน ประการหนึ่งมาจากภายนอก โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา อีกประการหนึ่งมาจากภายใน โดยเฉพาะการปิดล้อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็พยายามจะแก้ไขกันไปด้วยมาตรการต่างๆ แต่ตราบใดที่ความขัดแย้งแตกแยกยังแก้ไม่ตก เกิดการประท้วง ขับไล่รัฐบาลกันทุกวัน อีกฝ่ายหนึ่งก็กดดันรัฐบาลเพราะรัฐบาลไม่ช่วยเหลือพวกตน ย่อมไม่มีทางที่ประเทศจะฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ และคนไทยอาจต้องกล้ำกลืนฝืนทนไปเช่นนี้อีกนาน แม้ทนไม่ได้ก็ต้องทน