ที่มา thaifreenews
บทความ โดย ปูนนก
กลายเป็น ท๊อคออฟเดอะทาวน์ ไปในทันที ที่สถาบันพระปกเกล้าได้เป็นผู้ดำเนินงานเพื่อการปฏิรูปการเมืองการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยให้มากขึ้น โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งโดยมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ทำให้มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยตามมามากมาย เพื่อจะให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุก ๆ ฝ่ายคงจะต้องมาพิจารณากันก่อนว่า สถาบันพระปกเกล้าได้รับการก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์อย่างไร
สถาบันพระปกเกล้า.... เป็นองค์การมหาชนอิสระทางวิชาการในกำกับของประธานรัฐสภา โดยมีสภาสถาบันพระปกเกล้าเป็นองค์กรบริหารสูงสุด ขอบข่ายการดำเนินงานของสถาบันพระปกเกล้าเกี่ยวข้องกับงานทางด้านวิชาการ ซึ่งจะครอบคลุมถึงเรื่องของการวิจัย การจัดการศึกษา อบรม และเผยแพร่ให้ความรู้และข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตย และการเมืองการปกครอง รวมทั้งให้บริการคำแนะนำปรึกษาด้านการบริหารปกครองบ้านเมืองที่ดี ทั้งในระดับชาติและท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังรับผิดชอบงานเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในประเทศ ต่างประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน.....(ที่มาจาก วิกิพีเดีย....สถาบันพระปกเ้กล้า)
โดยสรุปก็คือ สถาบันพระปกเกล้านั้นก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม และพัฒนาให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นในประเทศนี้ และปัจจุบัน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้านี้.... ไม่ว่าจะพยายามปิำดหูปิดตามากเพียงใดก็คงจะยากที่จะปฏิเสธได้ว่า ปัจจุบันนี้ประเทศไทยเรายังไม่ได้ปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจอันอธิปไตยมาจาก “ปวงชนชาวไทยทั้งมวล” อย่างแท้จริง
ชื่อ, วัตถุประสงค์และเป้าหมายของ “สถาบันพระปกเกล้า” นั้น เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ทำงานอยู่ในสถาบันนี้จะต้องเป็นผู้ที่ “เข้าใจ” และ “มีจิตวิญญาณ” แห่งความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ยิ่งยวด พูดง่าย ๆ ก็คือว่า “อะไร หรือ สิ่งใด” ที่ไม่ได้มาจากแนวทางประชาธิปไตยหรือนำไปสู่ประชาธิปไตย ผู้คนที่อยู่ในสถาบันนี้ จะต้องเป็นแนวหน้า หรือ หัวหอกในการแสดงความคิดเห็นเพื่อคัดค้าน และนำทางแก่ประชาชน (โดยให้ความรู้) เพื่อนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
แต่การที่ ดร. บวรศักดิ์ และทีมงานจำนวนมากของสถาบันพระปกเกล้า ได้กลายเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนการรัฐประหารของ คปค. (ฝ่ายกฎหมาย) และเข้ามาเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เพื่อต่อท่ออำนาจของเผด็จการ คมช. ....นั่นก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ทำงานอยู่ในสถาบันนี้ในปัจจุบัน ยังขาดความรู้และความเข้าใจในหลักของ “ความเป็นประชาธิปไตย” ที่แท้จริง อีกทั้งยังไม่มีจิตวิญญาณที่หวงแหนประชาธิปไตยเลยแม้แต่น้อย และด้วยเหตุดังกล่าวทีมงานสถาบันพระปกเกล้า แม้จะมีภาพลักษณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ปกป้อง เป็นผู้ส่งเสริม เป็นผู้พัฒนาประชาธิปไตยให้กับปวงชน และประเทศชาติ แต่ในความเป็นจริงกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามคือ “ทำลายประชาธิปไตย” และ “สนับสนุนเผด็จการ” โดยใ้ห้เกิดการยึดอำนาจให้เกิดขึ้นในประเทศนี้
สุนัขป่าแม้จะพยายามห่อหุ้มตัวเองด้วยหนังแกะอย่างแนบเนียนเพียงใด แต่สัญชาติญาณของความเป็นสุนัขป่ากระหายเลือดถึงอย่างไรก็จะไม่สามารถปิดบังได้ ภาพภายนอกอาจจะมองดูเหมือนกับเป็นแกะที่ไม่มีพิษภัย แต่พฤติกรรมที่จะแสดงออกมานั้นจะตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง... ดร. บวรศักดิ์ และทีมงานสถาบันพระปกเกล้า ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการปฏิรูปประชาธิปไตยในครั้งนี้ไม่ได้มีจิตวิญญาณของความเป็นนักประชาธิปไตยแม้แต่น้อย และขณะนี้กำลังกระทำประดุจ “สุนัขป่าที่คลุมด้วยหนังแกะ” นั่นเอง
ท่ามกลางความเป็นเผด็จการที่กำลังปกครองและครอบคลุมอยู่ทุกภาคส่วนของประเทศไทยในขณะนี้ จะไม่สามารถเกิดการปฏิรูปประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้อย่างแน่นอน จนกว่า.....อำนาจการปกครองในประเทศนี้จะได้รับการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงคือ “อำนาจอธิปไตยที่แท้จริงนั้นมาจากมวลชนทั้งปวง” เสียก่อน.... การต่อสู้ัของ “คนเสื้อแดง” ขณะนี้ก็คือ “การเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง” เพื่อปกครองประเทศนี้ และผู้ใช้อำนาจปกครองนี้ก็คือ “ปวงชนชาวไทยทั้งปวง” มิใช่คนเพียงบางคนหรือบางกลุ่มที่เรียกว่า “อมาตย์” ที่จะมีอำนาจอธิปไตยหรืออิทธิพลเหนือปวงชนทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง
การปฏิรูปประชาธิปไตยที่แท้จริงก็คือ การเปลี่ยนแปลงถึงการได้มา และการใช้ “อำนาจอธิปไตย” อันแท้จริงที่จะเกิดขึ้นในประเทศนี้....ไม่ใช่การปฎิรูปประชาธิปไตยภายใต้อำนาจปกครองที่เป็นเผด็จการ เหมือนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน..... เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่สุนัขป่าจะกลายมาเป็นผู้นำทางฝูงแกะได้อย่างแน่นอน
เป้าหมายการต่อสู้เรียกร้องที่ควรจะชัดเจนที่สุดก็คือ “การปฏิรูปเพื่อการเปลี่ยนแปลงอำนาจอธิปไตย” ให้ได้มาซึ่งประัชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่การ “ปฎิรูปเพื่อการปรับปรุง” การปกครองในระบอบเผด็จการ ดังที่ ดร. บวรศักดิ์ และสถาบันพระปกเกล้ากำลังทำอยู่ในขณะนี้.... ไม่ว่าจะเป็นท่านอดีตนายกทักษิณ หรือจะเป็นผู้นำกลุ่มคนใดก็ตาม ถ้าการต่อสู้ของท่านไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะนำมาซึ่งการ “เปลี่ยนแปลงอำนาจอธิปไตย” จาก “เผด็จการมาเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง” การต่อสู้เรียกร้องของท่านเหล่านั้นก็ไม่สมบูรณ์และพลาดเป้าหมายประชาธิปไตยอย่างสิ้นเชิง
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้่าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานพระราชหัตถเลขาเอาไว้ในการสละพระราชอำนาจดังนี้
“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเปนของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิ์ขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร” ประชาธิปก วันที่ 2 มีนาคม 2477 เวลา 13 นาฬิกา 45 นาที
ดังนั้นการเรียกร้องประชาธิปไตยที่พี่น้องประชาชนไทยกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ก็คือการกระทำตาม “พระราชประสงค์” ของพระัองค์ท่านนั่นเอง
ปูนนก