ที่มา ไทยรัฐ
มหกรรมศึกซักฟอกครั้งสำคัญในสภาผู้แทนราษฎรกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
หลังจากฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทย เข้าชื่อยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง
พร้อมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้ วางใจนายกฯ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร
พ่วงด้วยการยื่นเรื่องถอดถอนและขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลอีก 5 พระหน่อ ได้แก่
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย
โดยคาดว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้ วางใจระเบิดศึกน้ำลายกันในสภาฯได้ในวันที่ 26-27 มีนาคมนี้
สำหรับข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน 7 ข้อ ที่ระบุถึงพฤติการณ์ของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นเหตุแห่งการยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกฯและเป็นหัวเชื้อที่จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ ได้แก่
1. การเรียกร้องขอพระราชทานนายกฯตามมาตรา 7 เป็นการตอกย้ำว่านายอภิสิทธิ์ไม่ฝักใฝ่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. การเข้าสู่ตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์ ไม่เป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย แต่อยู่ภายใต้การชี้นำของคณะบุคคลชั้นสูงบางกลุ่มบางคนผลักดันให้พรรคการเมืองเสียงข้างน้อยเข้ามาบริหารประเทศ
3. มีพฤติกรรมเป็นตัวการ หรือเป็นผู้ให้ หรือผู้สนับสนุน หรือสั่งการกลุ่มพันธมิตรฯที่กระทำการขัดต่อกฎหมายและขัดขวางการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยการเข้ายึดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ และสุดท้ายแต่งตั้งแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรฯเป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรี
4. มีพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนกฎหมายพรรค การเมือง จากการมีส่วนปกปิด ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผยการรับเงินสนับสนุนจากบริษัทมหาชน และไม่จ่ายเงินที่ได้รับการสนับสนุนจาก กกต. ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้
5. ปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านทำถนนบุกรุกยึดครองใช้พื้นที่ดินแดนของไทยเป็นทางขึ้นเขาพระวิหาร
6. ทำเอกสารเท็จแจ้งแก่ กกต.สตูล รับรองนายธานินทร์ ใจสมุทร เป็นสมาชิกพรรคสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.สตูล ทั้งที่นายธานินทร์ถูก กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 1 ปี
7. กรณีที่ให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง และทีมงาน ประสานไปยังบริษัทเอกชนที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ส่งเอส-เอ็มเอสที่เป็นคำพูดของนายกฯ รวมเป็นค่าใช้จ่ายหลายล้านบาท แต่ทางบริษัทได้บริการให้ฟรีแก่นายกฯ เท่ากับได้รับประโยชน์ ฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช.
เบาบาง หน่อมแน้ม หนักหน่วง รุนแรง แล้วแต่สายตาฝ่ายไหนจะมอง?
ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ก็ต้องฟันธง “อภิสิทธิ์” ผิดมหันต์ โดน ป.ป.ช.ถอดถอน หลุดจาก เก้าอี้นายกฯแน่
ถ้าในมุมของฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องยืนกราน ข้อกล่าวหาเป็นเรื่องเก่า น้ำหนักเบาหวิว ไม่รุนแรงถึงขั้นถอดถอน ไม่ระคายผิว
อยู่กันคนละขั้ว คนละฝ่าย เลยมองแตกต่างกันไปคนละมุมโลก!!!
แต่สุดท้ายแล้ว มุมมองสำคัญที่สุดก็ต้องอยู่ที่ ป.ป.ช.ที่จะเป็นผู้ดำเนินการไต่สวนชี้มูลความผิด ก่อนส่งให้วุฒิสภาลงมติถอดถอน
ถ้า ป.ป.ช.ชี้ว่าไม่มีมูล ข้อกล่าวหาก็ต้องตกไป แต่หากชี้ว่ามีมูลก็อยู่ที่วุฒิสภาว่าจะมีมติถอดถอนหรือไม่ โดยมติถอดถอนต้องมีเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5
แต่ที่ผ่านมา ส.ว.ยังไม่เคยถอดถอนใครเลยแม้แต่รายเดียว มันเป็นอย่างนี้ซะด้วยซิโยม!!!
“แม่ลูกจันทร์”