ที่มา ไทยรัฐ
ผมอ่านข่าวสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ค้านการบินไทยย้ายจากดอนเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ ตอนแรกก็คิดว่า ค้านการปิดสนามบินดอนเมือง
ตั้งใจอ่านข่าว จึงเข้าใจ คุณแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพฯ เธอแค่ไม่อยากให้การบินไทยย้ายจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ สายการบินเดียว
ที่ผ่านมา การบินไทยมีเที่ยวบินที่ดอนเมือง 23 เที่ยวต่อวัน ขายตั๋วได้เฉลี่ยเดือนละ 40 ล้าน
ยังไม่รวมรายได้ และผลกำไรจากฝ่ายอื่น
เมื่อการบินไทยย้ายจากดอนเมืองไปแล้ว สองสายการบินที่เหลือคือนกแอร์ และวันทูโก ที่ยังไม่ยอมย้ายก็จะได้...รายได้ส่วนนี้ไป
เป็นอันชัดเจน คุณแจ่มศรี เธอไม่ได้ค้านการปิดดอนเมือง แต่เธอค้านการให้การบินไทยย้ายนำหน้าไปสุวรรณภูมิสายการบินเดียว
เพราะเสียดายเงินที่จะได้จากคนโดยสาร ที่ยังรักที่ใช้ดอนเมืองต่อไป
แต่ท่าทีคุณแจ่มศรีจะบอกว่าเป็นท่าทีคนการบินไทยคงไม่ถนัด เพราะยังมีบางพวกต่อต้านประเด็นการคัดค้านของคุณแจ่มศรี
แต่กระนั้น การเคลื่อนไหวไม่ว่าจะด้วยเหตุผล เพื่อประโยชน์ องค์กรหรือประโยชน์ของกลุ่มใด
เป็นประเด็นที่ควรรับฟัง
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย ยืนยันว่า...ถึงยังไง วันที่ 29 มี.ค.นี้ การบินไทยต้องย้ายไปสุวรรณภูมิอยู่ดี
ส่วนสองสายการบินเอกชนที่อ้างความไม่พร้อม อนุญาตให้ใช้ ดอนเมืองต่อไปจนถึงสิ้นปี
สำหรับประชาชน จึงพอสรุปได้ อย่างน้อยในหนึ่งปีนี้ สนามบินดอนเมืองก็ยังมีเครื่องบินให้ใช้ เพียงแต่ไม่มี
การบินไทยเท่านั้น
ใครที่เผลอหลงน้ำคำ รักคุณเท่าฟ้า จะตามไปใช้การบินไทย ก็ต้องตามไปสุวรรณภูมิ
ส่วนคนที่สะดวกใจ ที่จะใช้ดอนเมืองอย่างผม สบายใจขึ้นมานิดหนึ่ง การใช้ดอนเมืองไม่ว่าจะในยุคไหนสมัยไหน ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นปลาถูกต้อนเข้าอวน เหมือนที่เดินอยู่สุวรรณภูมิ
การมีธุระต้องใช้เครื่องบิน ผมไม่เห็นความจำเป็นจะต้องถูกตีวงล้อม อ้อมหน้าดักหลังจากร้านค้าสารพัน ที่พ่อค้าใหญ่ สุมหัวใช้อำนาจรัฐยึดเป็นทำเลทำมาหากิน
ผลประโยชน์จากพ่อค้านี่แหละครับ ผมว่ามีน้ำหนักมากกว่า เหตุผลการเสียค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการดอนเมืองปีละ 600 ล้าน และความไม่สะดวกจากจุดตัดเครื่องบิน...สองสนามบิน
การปิดดอนเมืองอีกครั้ง ใครจะพูดว่ายังไงผมไม่รู้ แต่ผมเชื่อของผมว่า ทำกันเพื่อสนองอำนาจน้ำเงินพ่อค้า...ต้องการต้อนลูกค้าไปไว้สุวรรณภูมิ
ปล่อยให้เจ๊กลากไป ไทยลากมา ได้ง่ายๆ ไม่ถามชาวบ้านอย่างพวกผม...สักคำ
ถ้าถามผม ผมก็จะบอก อยากใช้ดอนเมืองต่อ นึกถึงตอนบินกลับจากอิหร่าน ถ้าไม่มีสนามบินอู่ตะเภา ที่สัตหีบ สำรองไว้ คงกลับบ้านไม่ได้ในตอนนั้น
สถานการณ์การเมืองตอนนี้ ถ้าเป็นสงคราม ก็ต้องบอกว่าสงครามยังไม่จบ ยังไม่นับศพทหาร
อย่าว่าแต่สนามบินจะต้องมีสำรองอีก 1 อีก 2 แห่งเลย กระทั่งกฎหมายก็ยังต้องมีอะไหล่ เห็นไหม! ตอนนี้เริ่มปฏิรูปการเมือง...กันอีกแล้ว.
กิเลน ประลองเชิง