WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, August 11, 2009

‘มาร์ค’ อย่าริ ‘แหกกฎ’!

ที่มา บางกอกทูเดย์

แม้ว่าจะไม่อยากเชื่อ แต่สุดท้ายความจริงก็ต้องเป็นความจริงว่า รัฐบาลเทพประทานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น มีความสามารถโดดเด่นเป็นที่สุดในเรื่องของการทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ให้กลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ก็ดูเพียงแค่เรื่องของการลาไปราชการต่างประเทศของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ปกติพื้นๆ ธรรมดาๆ...ที่ไม่ควรมีอะไรเลยก็เหมือนกับเวลาที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีต้องไปราชการต่างประเทศนั่นแหละการตั้ง รองนายกรัฐมนตรี คนใดคนหนึ่งขึ้นมารักษาราชการแทนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร นายอภิสิทธิ์หรือไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนใดก็ทำกันนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว การตั้งรองนายกฯ มารักษาการแทนไม่เคยวุ่นวายเป็นเรื่องครึกโครมแต่ทำไมการแต่งตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ให้มาทำหน้าที่แทนแค่ไม่กี่วัน จึงได้ถูกทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตได้ขนาดนี้??มองในแง่กลางๆ ก็คือเป็นภาพชัดอีกครั้งของการทำงานไม่เป็นแต่ถ้ามองในแง่ลบก็ไม่แปลกที่จะมีคนสงสัยว่า จะต้องมีวาระซ่อนเร้นบางอย่างอยู่ลึกๆ ในก้นบึ้งของจิตใจนายอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน???แม้ไม่อยากจะเชื่อหรือเห็นด้วยเช่นนั้น แต่ร่องรอยการกระทำ

มันก็สามารถทำให้คล้อยตามไปเช่นนั้นได้ไม่ยากคนที่รู้ดีที่สุดว่ามีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ ก็คือตัวนายอภิสิทธิ์เองนั่นแหละแต่ก็เป็นสไตล์นายอภิสิทธิ์อีกเช่นกัน ที่ไม่ยอมรับอะไรก็ตามซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์หมองมัว ฉะนั้นจึงปฏิเสธเสียงแข็งคอเป็นเอ็นมาตลอดว่า ไม่มีอะไร…ไม่มีวาระซ่อนเร้นฉะนั้น ก็เลยเจอเต็มๆ กับเสียงเย้ยหยันว่า ถ้างั้นก็เป็นเด็กที่ทำงานไม่เป็นนั่นเองเพราะต้องไม่ลืมว่า เรื่องนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรี แจ้งอย่างชัดเจนให้นายอภิสิทธิ์ทราบว่าพล.ต.อ.พัชรวาท ได้ยื่นหนังสือลาไปราชการต่างประเทศมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.เป็นต้นไปโดยลาตั้งแต่วันที่ 5-14 สิงหาคมแถมนายสุเทพก็บอกชัดเจนว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ระบุด้วยว่าจะขอกลับมาในช่วงวันที่ 11-12 สิงหาคม เพราะมีพระราชพิธีและมีงานสำคัญก็แปลง่ายๆ ว่าไปราชการต่างประเทศแค่ไม่เกิน 10 วันและยิ่งเมื่อจะกลับมาให้ทันงานสำคัญของประเทศชาติ คือวันที่ 12 สิงหาคม ก็ยิ่งเท่ากับว่าลาไปอย่างมากที่สุดไม่เกิน5 วันราชการเท่านั้นแหละแต่เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้ นายอภิสิทธิ์กลับทำให้เป็นเรื่องได้เพราะทำให้การแต่งตั้งรักษาราชการแทน บานปลายไปจนถึงขนาดลือกันไปต่างๆ นานา และสื่อบางฉบับที่มีปัญหาถูกพล.ต.อ.พัชรวาท ฟ้องร้องอยู่ในขณะนี้ ถึงกับเอาไปพาดหัวข่าวว่าเป็นการปลดเงียบ ผบ.ตร. ไปโน่นเลยเลยทำให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10)ทำหน้าที่รักษาราชการแทน ที่นายอภิสิทธิ์ยื่นมือเข้ามาเป็นคนแต่งตั้งนั้น ตกอยู่ในภาวะที่ลำบากใจอย่างที่สุด เพราะไม่เพียงเป็นหนังหน้าไฟให้สังคมมองแต่ยังกลายเป็นตกอยู่ในระหว่างสถานการณ์กลางเขาควายไปเต็มๆ

ทั้งๆ ที่การรักษาราชการแทนมีผลแค่วันที่ 5 ส.ค. จนถึงวันที่พล.ต.อ.พัชรวาท กลับมาเท่านั้น นั่นคือรักษาราชการแทนแค่เฉพาะช่วงที่ ผบ.ตร. เดินทางไปต่างประเทศนั่นแหละซึ่งใน มาตรา 72 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547ระบุไว้ชัดเจนว่า ในกรณีตำรวจ ข้าราชการตำรวจในส่วนราชการหรือหน่วยงานใดใน สตช. ว่างลง หรือผู้ดำรงตำแหน่งใดไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ให้ผู้บังคับบัญชาดังต่อไปนี้สั่งให้ข้าราชการตำรวจซึ่งเห็นสมควรรักษาราชการแทนในตำแหน่งนั้นได้(1) นายกรัฐมนตรี สำหรับตำแหน่ง ผบ.ตร. ในกรณีที่ไม่มีการแต่งตั้งให้ข้าราชการตำรวจผู้ใดรักษาราชการแทน ให้ผู้มีอาวุโสตามที่กำหนดในระเบียบ ก.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนง่ายๆ เท่านี้เอง ต่อให้เป็นเด็กๆ ที่ทำงานเป็น อ่านหนังสือออกเข้าใจภาษาไทย ก็ต้องรู้ว่า มาตรานี้มีความหมายอะไร...และควรทำอย่างไรแต่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะการเลือกที่จะตั้ง พล.ต.อ.วิเชียรมารักษาราชการแทน ผบ.ตร.ช่วงนี้ ไม่เพียงถูกมองว่าเป็นความพยายามของฝ่ายการเมืองที่ต้องการลดกระแสสังคมที่กำลังจับตาดูการแต่งตั้งว่า ใครจะมาคุมงานตำรวจแทนพล.ต.อ.พัชรวาทเพราะหากเลือก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ที่ทำคดีคนร้ายยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายใหญ่กลุ่มพันธมิตรฯก็มีหวังเสี่ยงกับภาพลักษณ์รัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์เป็นอย่างมากเมื่อเป็น พล.ต.อ.วิเชียร แม้จะพ้นบ่วงเรื่อง พล.ต.อ.ธานีแต่ก็มาติดบ่วงเรื่องของความอาวุโสตาม มาตรา 72 เข้าให้เต็มๆเมื่อโดนทั้งสังคมและ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์รอง ผบ.ตร. ซึ่งปัจจุบันถือว่าอาวุโสเป็นอันดับหนึ่ง ทวงถามเรื่องความอาวุโสเพราะจากฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อาวุโสที่สุด และเคยได้รับมอบให้รักษาราชการแทน ผบ.ตร.มาถึง 21–22 ครั้งแล้ว

แต่นายอภิสิทธิ์กลับจงใจเลือก พล.ต.อ.วิเชียร“การตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีอาวุโสสูงสุด ซึ่งผมดูจากความเหมาะสมเป็นหลัก”นายอภิสิทธิ์พูดอย่างชัดเจน ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงวิจารณ์ซึ่งไม่มีใครรู้จริงๆ เลยว่า อะไรคือหลักความเหมาะสมของนายอภิสิทธิ์แต่ที่แน่ๆ พล.ต.อ.วิเชียร นั่นแหละที่ซวยเต็มๆ !!ถูกสังคมมองแปลกๆ ถูก พล.ต.อ.พัชรวาท มองแปลกๆถูก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มองแปลกๆ และถูกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมองแปลกๆ ไปด้วยเช่นกันเพราะทุกคนไม่เชื่อว่า นี่ไม่ใช่เกมการเมืองเพราะทุกคนพลอยไม่เชื่อไปด้วยว่า พล.ต.อ.วิเชียรไม่รู้ไม่เห็นกับเกมการเมืองครั้งนี้ ทั้งๆ ที่โดยความเป็นจริงพล.ต.อ.วิเชียร อาจจะไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ ก็ได้เนื่องจากต้องเข้าใจว่า จริงๆ แล้ว พล.ต.อ.วิเชียร เป็นนายตำรวจใหญ่ที่ไม่ได้เติบโตหรือโดดเด่นมาในสายงานที่จะมารับมือกับแรงกดดันทางการเมือง ในตำแหน่ง ผบ.ตร.แต่อย่างใดแต่นายอภิสิทธิ์กลับยังจงใจเลือกเข้ามารับเคราะห์ตรงนี้ ..วันนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับมาทำหน้าที่ ผบ.ตร.ตามปกติแล้ว พล.ต.อ.วิเชียร ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่เดิมโดยพูดชัดว่า“เมื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกลับมาทำงานผมก็พ้นสภาพจากการนั่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไป ถือว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ต่างคนก็ต่างทำงานตามหน้าที่ของตนเองตามปกติไม่มีปัญหาอะไร”แต่ลึกๆ ก็กลายเป็นเข้าหน้านาย เข้าหน้าเพื่อนไม่สนิท...เพราะถูกพิษการเมืองกระทำจะจงใจทำหรือเพราะการทำงานไม่เป็นต้องดูกันยาวๆเนื่องจากกันยายนนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็จะต้องเกษียณอายุอย่างแน่นอนแล้วจึงไม่มีใครรู้ว่า ลึกๆ นายอภิสิทธิ์มองข้ามช็อตในเรื่องของ

การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ด้วยหรือไม่...ซึ่งจริงๆ ก็มีเค้าลางบอกเหตุเพราะหลุดปากกันออกมาแล้วว่า จะพิจารณาแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้แหละผบ.ตร. เป็นตำแหน่งเดียวที่ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีจะสามารถเข้าไปล้วงลูกแต่งตั้งได้แต่ตำแหน่งอื่นๆ โผอื่นๆ ตามกฎหมาย แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ล้วงลูกไม่ได้ซึ่งบังเอิญมีร่องรอยของการเมืองพยายามที่จะวุ่นวายกับโผตำรวจระดับ นายพล 152 นาย มาหมาดๆ และพล.ต.อ.พัชรวาท ก็ถูกมองว่าเป็น “ตอ” ขวางการเมืองไม่ให้ล้วงลูก ได้ถนัดใจพอดี...แบบนี้จะให้สังคมไม่สงสัยว่ามีวาระซ่อนเร้นโยงใยลึกซึ้งซับซ้อนซ่อนเงื่อนในเรื่องนี้ได้อย่างไร???แม้จะมีการออกตัวว่าทั้งหลายทั้งปวง มาจากที่นายอภิสิทธิ์เป็นห่วงคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อยากให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็วเป็นพิเศษแต่ก็เกิดคำถามตามมาว่า จริงๆ แล้วในเมืองไทยมีคดีลอบยิงลอบฆ่ามากมายก่ายกอง ทำไมนายอภิสิทธิ์จึงให้ความสำคัญกับคดีนี้เป็นพิเศษเป็นเรื่องของบุญคุณต้องตอบแทนหรือไม่?เป็นเรื่องที่จะให้เป็นหมากทางการเมืองในอนาคตหรือไม่?แล้วทำไมไม่สนใจเรื่องการลอบยิงลอบฆ่าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษบ้าง?หรือคดีสะเทือนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ คดีปาหินที่ทำให้คุณป้าที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องเสียชีวิต ซึ่งบัดนี้ผ่านมาจะ 2 เดือนแล้วเช่นกัน ทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่ใส่ใจเป็นพิเศษบ้าง?ปล่อยให้คดีลอยนวล จนแฟชั่นปาหินกำลังระบาดไปทั่วสังคม...หรือต้องรอให้มีการปาหินใส่รถรัฐมนตรีเกิดขึ้นเสียก่อนถึงจะใส่ใจเป็นพิเศษเหมือนคดีนายสนธิและเพราะความสนใจคดีนายสนธิเป็นพิเศษนี่แหละที่ก่อให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย จนทำให้นายอภิสิทธิ์เองต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวอย่างมาก รวมไปถึงคนคุมคดี คือพล.ต.อ.ธานี ก็ถูกมองไม่ดีไปด้วย

เพราะจริงๆ แล้ว ตามสายการบังคับบัญชาจะต้องรายงานความคืบหน้าคดีให้ พล.ต.อ.พัชรวาท รับทราบตลอด กลับกลายเป็นรายงานตรงให้กับนายอภิสิทธิ์แทน ทั้งๆ ที่ตามลักษณะสายงานหากจะรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบก็ได้ แต่จะต้องเป็นการรายงานคู่ คือ รายงาน ผบ.ตร. ควบคู่ไปกับรายงานนายกรัฐมนตรีถ้ากลับกัน นายอภิสิทธิ์เป็น พล.ต.อ.พัชรวาท บ้างจะรู้สึกอย่างไร???คำว่า “ข้ามหัว” คำว่า “ล้วงลูก” คำว่า “สายการบังคับบัญชา”จะไม่มีเข้ามาในจิตใจของนายอภิสิทธิ์เลยใช่หรือไม่?เรื่องนี้แม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ซึ่งไม่เพียงเป็นอดีตนายตำรวจ แต่ยังเป็นอดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังให้สัมภาษณ์ บางกอกทูเดย์ ในลักษณะที่เป็นห่วงเป็นใย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าไม่น่าจะพลาดในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.จนกลายเป็นเรื่องเป็นราว เรื่องการพยายามยุ่งกับโผตำรวจเรื่องการแสดงออกว่าให้ความสำคัญกับคดี นายสนธิ ลิ้มทองกุลมากเป็นพิเศษ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อการกระทำทั้งสิ้นเพราะเรื่องเหล่านี้มีหลักการทำงานที่เป็นปกติธรรมดาๆอยู่แล้ว ทำตามหลักก็จบ ก็จะไม่มีอะไร“ผมเป็นห่วงท่านนายกรัฐมนตรีจริงๆ นะ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวปัญหาอยู่ที่ว่า นายอภิสิทธิ์จะรู้และเข้าใจสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นห่วงหรือไม่???เพราะสิ่งที่นักปราชญ์ นักกวีเอกของโลก เขียนเอาไว้ทุกยุคทุกสมัยก็คือ อำนาจ หน้าที่ ยศศักดิ์ มักทำให้คนแปรเปลี่ยนหากไม่หลงใหลในอำนาจ...ก็มักจะคะนองในอำนาจจนเกินพอดี!!!ก็ได้แต่หวังว่า นายอภิสิทธิ์จะไม่เป็นดังเช่นปรัชญาเมธีทั้งหลายห่วงใยก็แล้วกัน ■