ที่มา Thai E-News
พิธีเสริมพระราชชาตา-ภาพจำลองการจัด "พิธีมหาชาตาบารมีสิทธิ" ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ ซึ่งอาจารย์เจ้าพิธีเผยว่า เป็นพิธีหลวงในอดีต ที่จัดขึ้นเพื่อหนุนดวงชะตาบ้านเมือง และดวงชะตาของราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศ หากดวงพระราชชะตาของผู้ปกครองแผ่นดินแข็งแกร่ง จะนำมาซึ่งความผาสุกแก่ประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา มติชนออนไลน์ และคมชัดลึก
10 สิงหาคม 2552
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ว่า อยากจะเชิญชวนประชาชนทุกคน ใช้โอกาสนี้ในการหลอมรวมจิตใจอีกครั้งถวายความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และร่วมกันในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จะเป็นการเฉลิมพระเกียรติ อาทิ โครงการ "มหกรรมวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ" ที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดขึ้น ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย นิทรรศการ "ศิลป์แผ่นดิน" โครงการ "สิงหาพาแม่เที่ยว" เพื่อให้ลูกใช้โอกาสในวันหยุดราชการ 12 สิงหาคม หรือในช่วงของสุดสัปดาห์ในการพาแม่เที่ยว เพื่อเสริมสร้างความผูกพันกันในครอบครัว และกระตุ้นการท่องเที่ยวสำหรับเศรษฐกิจไทย
สำหรับกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันแม่แห่งชาติ อาทิ มูลนิธิ 5 ธันวามหาราช จัด "พิธีมหาชาตาบารมีสิทธิ" เป็นการถวายพระพรชัยมงคล ที่ท้องสนามหลวง มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ในเย็นวันที่ 12สิงหาคม พร้อมกับทุกจังหวัดและอำเภอ รวมถึงมีการแสดงมหรสพในวันดังกล่าวด้วย
ดร.จรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช กล่าวว่า ในโอกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มูลนิธิขอเชิญชวนพสกนิกรทุกท่าน เข้าร่วมบำเพ็ญบุญในพิธี “มหาชาตาบารมีสิทธิ” ในงาน “๑๒ สิงหาพระบรมราชินีนาถ” ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๕.๓๐-๐๘.๐๐ น.
การจัดงานเฉลิมพระเกียรติในปีนี้ ดร.จรินทร์ กล่าวว่า ถือเป็นครั้งสำคัญยิ่ง เพราะจะมีพิธีมหาชาตาบารมีสิทธิ ในเช้าวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม โดยมี พระพรหมวชิรญาน กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา เป็นประธานในพิธีสงฆ์ และมีพระสงฆ์ร่วมในพิธีทั้งหมด ๔๒ รูป ในพิธีนี้ อาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท ปรมาจารย์ศาสตร์ฮวงจุ้ยชื่อดัง เป็นประธานประกอบพิธี ซึ่งเป็นการสืบสานพิธีโบราณราชประเพณี เช่นครั้งสมัยอาณาจักรสุวรรณภูมิ ที่ได้จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี อันจะนำมาซึ่งความผาสุกแก่ปวงประชาทั่วทั้งแผ่นดิน อีกทั้งยังส่งเสริมให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนให้เกิดความสงบร่มเย็นภายในบ้านเมือง และมีความสมานฉันท์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยวันอังคารที่ ๑๑ สิงหาคม เป็นพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช และสมเด็จพระบูรพามหากษัตริยาธิราชเจ้า จากนั้นเป็นพิธีมหาชาตาบารมีสิทธิ
ทางด้าน พระพรหมวชิรญาน กล่าวว่า “ในวันแม่ปีนี้ นับว่าเป็นโอกาสดียิ่ง ที่สาธุชนชาวไทยจะได้เข้าร่วมพิธีบุญอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผู้ทรงมีพระคุณูปการสูงสุดแก่ปวงชนชาวไทย พร้อมกันนี้ พสกนิกรชาวไทยก็จะได้ร่วมกันสร้างบารมีเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่ตนเอง และครอบครัว ตลอดจนประเทศชาติโดยรวมอีกด้วย”
ขณะเดียวกัน อาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท กล่าวถึงตำนานพิธีมหาชาตาบารมีสิทธิ ว่าเป็นพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุวรรณภูมิ โดยมีการจัดกันเป็นประจำทุกปี ตามคติความเชื่อที่ว่า หากดวงพระราชชะตาของผู้ปกครองแผ่นดินแข็งแกร่ง จะนำมาซึ่งความผาสุกแก่ประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน และเป็นพิธีสำคัญที่ประชาชนจะได้ร่วมมือร่วมใจกันถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ขณะเดียวกันความศักดิ์สิทธิ์ระหว่างการดำเนินพิธีจะส่งผลให้ผู้เข้าร่วมพิธีบังเกิดความสงบภายในจิตใจและเป็นสิริมงคลโดยทั่วกัน
อาจารย์วรธนัท กล่าวด้วยว่า จากการที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ รู้สึกศรัทธาในประเพณีดีๆ ที่เคยมีมาในอดีต จึงได้ศึกษาอย่างจริงจัง และมุ่งมั่นเสาะแสวงหาความรู้จากต้นกำเนิดหลายๆ ที่ จนมีความรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมต่างๆ ของสมัยโบราณ และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงได้จัดพิธีมหาปะฐะมังสิทธิ ขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ เป็นพิธีหลวงในอดีต ที่จัดขึ้นเพื่อหนุนดวงชะตาบ้านเมือง และดวงชะตาของราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศ ครั้งนั้น ดร.จรินทร์ สวนแก้ว ได้ไปร่วมในพิธีด้วย
และจากพิธีครั้งนั้น พระพรหมวชิรญาน จึงได้ปรารภว่า น่าจะจัดพิธีนี้ขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้มีส่วนร่วมในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้โดยทั่วกัน และจากสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้ประชาชนขาดที่พึ่ง ขาดกำลังใจ จึงได้จัดพิธีนี้ขึ้น โดยหวังว่า จะเป็นจุดหนึ่งที่ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ได้ร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันของชาติ และได้รวมพลังความรักความสมัครสมานสามัคคี ซึ่งเชื่อว่า หากเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว จะไม่มีอุปสรรคใดๆ ในบ้านเมืองที่คนไทยจะฝ่าฟันไปไม่ได้
ติดต่อสอบถามได้ที่...ประชาสัมพันธ์มูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช โทร.๐๘-๔๑๑๑-๑๒๐๘,๐-๒๓๗๗-๐๑๒๗-๘