ที่มา มติชน
นั่นคือ คำพูดของ "ศิริโชค โสภา" ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ความขัดแย้งระหว่าง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เกิดขึ้นจากการ "จัดโผ" ตำรวจ ตามโครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
หมายความว่า "สี" เทาๆ ดำๆ ได้ถูกทาลงบนตัวของ พล.ต.อ.พัชรวาทไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ต้องแปลกใจ ที่ พล.ต.อ.พัชรวาทจะแสดงอาการ "แข็งขืน" ด้วยการเดินทางกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ ก่อนกำหนดด้วยการอ้างเหตุฤทธิ์ของพายุ "มรกต" แต่ไม่วายจะถูกเตะโด่งให้เดินทางไปราชการต่อที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เด็กอมมือก็รู้ว่า นี่คือการ "ริบอำนาจ" ผบ.ตร.
เป็นการ "ริบอำนาจ" ที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อว่า เกิดกลิ่นตุๆ เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งใน สตช.
แม้นายกฯอภิสิทธิ์จะพยายามออกมาบอกว่า ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องโผโยกย้าย หากแต่สนใจแต่เรื่องคดีความลอบสังหาร "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตรมากกว่า
แต่การเปิด "ไฟเขียว" ให้ "ศิริโชค" ออกมาเปิดข้อมูลทีละนิดๆ แสดงให้เห็นว่า "เรื่องหลัก" ที่ต้องการทำคือ การจัดโผโยกย้าย
ส่วนเรื่องคดีลอบสังหารสนธิ เป็นเพียงแค่ "ฉากบังหน้า"
เพราะอะไร ถึงจำต้องจัดระเบียบกำลังพล..?
ต้องถือเป็นเรื่องปกติของนักการเมือง ที่เมื่ออยู่ในอำนาจ มักจะเข้ามาจัดระเบียบข้าราชการที่ค้อมหัวให้ตัวเอง ไปสิงสถิตพื้นที่ ที่จะใช้เป็นฐานเสียงหลัก
ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้ มีพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค และดูเหมือนพรรคภูมิใจไทย จะเป็นต่อ ด้วยสายสัมพันธ์อันดีกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พี่ชาย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.
แม้โดยภาพ พล.อ.ประวิตรจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี จากการทาบทามของพรรคประชาธิปัตย์
หากแต่ในความเป็นจริง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็คือ "เนวิน ชิดชอบ" จากพรรคภูมิใจไทย ที่ว่ากันว่าไปตกปากรับคำกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เอาไว้เมื่อครั้งเปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนใจมานอนเตียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์
ที่สำคัญ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ก็เป็นคนเซ็นคำสั่ง "คืนตำตำแหน่ง" ให้ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับมาดำรงตำแหน่งเดิม เมื่อครั้งนั่งรักษาการนายกฯ แทน "สมชาย วงศ์สวัสดิ์"
นั่นคือความ "เชื่อมโยงเชื่อมใจ
จึงไม่ต้องแปลกใจที่ "นายตำรวจ" ใหญ่ๆ ต่างวิ่งเข้าหาแกนนำพรรคภูมิใจไทยกันจ้าละหวั่น
พร้อมข้อกล่าวหา "มีการซื้อขายตำแหน่ง"
นี่อาจเป็นเหตุผล "ข้อแรก" ที่นายกฯอภิสิทธิ์ยอมลุยปลักโคลน จนทำให้เนื้อตัวมอมแมม
เหตุผลอีกข้อต่อมา "คนใกล้ชิด" ผิดหวังจากการขอตำแหน่งให้ตำรวจในสายบังคับบัญชา
เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวออกมาว่า มีคนใกล้ชิดนายกฯ ทำรายชื่อขอตำแหน่งให้นายตำรวจระดับสูงในสาย หลายคน ถึงขึ้นเขียนทั้งชื่อลงทั้งตำแหน่ง เอาไว้ในกระดาษแบบละเอียดยิบ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบข้อความด้วยว่า "หากไม่ได้ในตำแหน่งที่ขอไป ก็ขอให้เอาไปลงในอีกตำแหน่งหนึ่ง"
มีการเขียนระบุตำแหน่งเอาไว้ชัดเจน
ซึ่งมีการกล่าวขานกันว่า มีการเก็บโผขอตำแหน่งโยกย้ายตำรวจของ "คนใกล้ชิด" นายกฯ เอาไว้เพื่อเตรียมนำออกมาแฉ
เห็นไส้ เห็นพุง พร้อมที่จะสาวไส้ สาวพุง กันทั้งสองฝ่าย
เพราะฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ หากดู พล.ต.อ.พัชรวาทจะสงบปากสงบคำ ก่อนจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในภาคใต้ตามคำสั่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง
ทั้งที่ถูกรุมตีกระหน่ำอย่างหนัก
และไม่น่าแปลกใจที่ "ศิริโชค โสภา" ที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงมาก่อนหน้านี้ จะมีทีท่าสงบลงชนิดเปลี่ยนเป็นคนละคน เมื่อระบุว่า "ที่ออกมาให้ข้อมูลมีจุดประสงค์หลัก เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการทุจริตซื้อขายตำแหน่งระดับพันตำรวจ มากกว่าการมุ่งหวังที่จะนำคนผิดมาลงโทษ"
แม้ว่า รองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ จะออกอาการ "เด้งรับ" โดยบอกว่า จะทำหนังสือถึง "ศิริโชค" ให้ส่งข้อมูล หลักฐานเอกสาร พยานทั้งหมดเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งมาให้ พร้อมจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบด้วย
เป็น"ความจริง" ที่ "ชัดเจน" ว่า เหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดใน สตช. เกิดจากการ "จัดโผโยกย้าย" แบบเพียวๆ
และ "ศิริโชค" ก็เป็นเพียงแค่ "คนเขี่ยบอล"
เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ทางบอล ต่างฝ่ายต่างเข่นกันไม่ลง ที่สุดต้องยอมพบกันครึ่งทาง ด้วยลูกล่อ และลูกเล่นทางการเมือง
เพราะฉะนั้น การตั้งกรรมการสอบเรื่องฉาวโฉ่ใน สตช. ตามที่รองนายกฯสุเทพ เอ่ยอ้าง ที่สุดก็จะกลายเป็นเพียงแค่ "พิธีกรรม"
"พิธีกรรม "ที่ตบตาสังคม
เพราะเมื่อทุกอย่าง "เคลียร์ลงตัว" ต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ โดยไม่มีใครเจ็บตัว เรื่องฉาวโฉ่ก็จะเงียบหาย