ที่มา ไทยรัฐ
สสว. คาด ธุรกิจเอสเอ็มอี ปีนี้ รายได้ต่ำกว่าปีก่อน 200,000 ล้านบาท จากปัญหาไข้หวัด 09 และ ขาดสภาพคล่อง ชี้ มีปัญหาไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ส่งผล ต้องพึ่งเงินกู้นอกระบบ ...
นายภักดิ์ ทองส้ม รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าธุรกิจเอสเอ็มอีมีรายได้ 5.7 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 200,000 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง รวมถึงปัญหาการระบาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 และการขาดสภาพคล่อง ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยว ค้าปลีก ชิ้นส่วนยานยนต์เครื่องใช้ไฟฟ้า จนหลายรายต้องการให้สถาบันการเงินขยายเวลาชำระเพื่อลดภาระทางการเงินไปก่อนจนถึงปี 53 ที่ภาคธุรกิจเอสเอ็มอีจึงจะฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน สสว.อยู่ระหว่างการจัดทำโครงการในการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพให้ธุรกิจเอสเอ็มอีมีความเข้มแข็งพร้อมที่จะรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรวมถึงการผลักดันให้ผู้ผลิตสินค้าโอทอปทั่วประเทศกว่า 7,000 ราย จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพื่อเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี โดยทั้งหมดจะใช้ งบประมาณ 800 ล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม "ปัญหาเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้เพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงพอรวมถึงแบงก์ระมัดระวังปล่อยสินเชื่อ ทำให้หลายรายต้องไปพึ่งเงินนอกระบบ"
นายสมมาต ขุนเศรษฐ รองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมต้องการเสริมเงินสภาพคล่องรวม 100,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง เป็นต้น เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ เห็นจากช่วงเดือน มี.ค.ถึงปัจจุบัน สมาชิก ส.อ.ท.ขอสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) 128 ราย วงเงิน 4,000 ล้านบาท แต่ได้รับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพียง 3 ราย วงเงิน 63 ล้านบาทเท่านั้น
นายสมมาตกล่าวว่า นโยบายการลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2 บาทของรัฐบาลจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับภาคอุตสาหกรรมอย่างมาก เพราะจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตลงระดับหนึ่ง เพราะหากราคาน้ำมันแพงผู้ประกอบการก็จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นราคาสินค้าเช่นกัน.