ที่มา ประชาไท
แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ เดินสายชุมนุมต่างจังหวัดชี้แจงมวลชนเรื่องเตรียมถวายฎีกา ล่าสุดแกนนำเผยประสาน อาสา สารสิน ราชเลขาธิการแล้ว เตรียมชุมนุมใหญ่พร้อมส่งตัวแทนถวายฎีกา 17 ส.ค. นี้ อริสมันต์เผยริ้วขบวนธงชาติไทย 75 ผืน พร้อมหาบ 500 กล่องรายชื่อถวายฎีกา
ภาพการชุมนุมเดินสายต่างจังหวัดของผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา
เสื้อแดงเดินสายชุมนุมหลายจังหวัด รอถวายฎีกา
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง จัดชุมนุม “ฎีกาดับทุกข์ทั้งแผ่นดิน” ที่ลานข้างสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (อาเขต) ถ.แก้วนวรัฐ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยถือเป็นกิจกรรมชุมนุมชี้แจงการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในเข้าชื่อถวายฎีการ้องทุกข์
โดยหลังการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงเมื่อ 7 ส.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศจะชุมนุมย่อยหลายจังหวัด ได้แก่ ที่ จ.นนทบุรี เมื่อ 8 ส.ค. ที่ จ.อุดรธานี เมื่อ 9 ส.ค. ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. และเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ที่ จ.ราชบุรี
โดยล่าสุดจะมีการจัดชุมนุมที่ จ.ชลบุรี วันที่14 ส.ค. ที่ จ.มุกดาหารในวันที่ 15 ส.ค. และวันที่ 16 ส.ค. ที่ จ.นครสวรรค์ ก่อนจะชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 17 ส.ค. ที่สนามหลวง
โดยการชุมนุมเมื่อ 10 ส.ค. ที่ผ่านมาที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายพันคน มีแกนนำระดับสำคัญร่วมปราศรัยทั้ง นพ.เหวง โตจิราการ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฯลฯ โดยในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โฟนอินเข้ามาด้วย โดยบอกว่าเมื่อวานบอกกับคน จ.อุดรธานีว่า ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีวันนี้จะลดราคาน้ำมันทุกประเภทลงลิตรละ 10 บาท และอธิบายว่าช่วงหนึ่งกล่าวถึงการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซลกับเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ขึ้นจาก 2 บาท 45 สตางค์ เป็น 10 บาท 18 สตางค์ ถือว่าขึ้นไป 4 เท่าหากเทียบกับรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีการขึ้นภาษีแก๊สโซฮอล์จาก 2 บาท 51 สตางค์ เป็น 11 บาท 50 สตางค์ ถือว่าขึ้น 5 เท่า แล้วจะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ได้อย่างไร
พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอว่าถ้าลดราคาน้ำมันผ่านการลดภาษีลิตรละ 10 บาท รัฐบาลก็ยังเก็บภาษีได้ แต่การขึ้นราคาน้ำมันโดยการขึ้นภาษีเป็นการมักง่าย ใช้เครื่องคิดเลขแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะคำนวณว่าประชาชนใช้น้ำมันทั่วประเทศเสียภาษีให้รัฐบาล 730 ล้านบาทต่อวัน เท่ากับคนละ 11 บาทต่อวัน และพบว่าในรัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งแต่กุมภาพันธ์ ถึง มิถุนายนปีนี้ เก็บภาษีจากน้ำมันอย่างเดียวได้ 41,000 ล้านบาท แสดงว่าเท่ากับที่เอาไปใช้แจก 2,000 บาท แจก 500 บาท ใช้เรียนฟรี สรุปคือใส่กระเป๋าซ้าย ล้วงกระเป๋าขวา ไม่ได้ให้กันจริง ถ้าจะให้กันจริงต้องลดราคาน้ำมันลงลิตรละ 10 บาท ก็ยังได้ภาษี แม้จะได้น้อยลง แต่ค่าขนส่ง ค่าอาหารจะลด ราคาสินค้าที่บวกค่าขนส่งจะลดลงมาอีก ประชาชนจะมีกำลังซื้อ รัฐบาลจะเก็บภาษีในรูปแบบอื่นคือภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งจะได้มากกว่าการเก็บภาษีน้ำมันด้วยซ้ำ และเศรษฐกิจจะหมุนเวียน การจ้างงาน การท่องเที่ยวจะมีมากขึ้น จึงขอบอกรัฐบาลให้ลดภาษีน้ำมันเพื่อช่วยให้ประชาชนมีกำลังซื้อ และรัฐบาลไม่จนลงหรอกเพราะจะได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังแสดงความเห็นการล่าชื่อค้านการถวายฎีกาของรัฐบาลว่า เมื่อ 30 ธ.ค. 51 นายอภิสิทธิ์กล่าวแถลงนโยบายก่อนเป็นรัฐบาลว่าจะพัฒนาประชาธิปไตยที่มั่นคง แต่ปรากฏว่าการเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนกลับไม่มี คือใครจะทำอะไรก็เป็นสิทธิเสรีภาพเขา ก็ต้องให้เกียรติ ให้เขาก็ทำไป คนที่ไม่เห็นด้วยก็ทำไป ให้เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เอากลไกรัฐเข้ามาแทรกแซงทุกขั้นตอน ไม่ใช่สิ่งที่ดี มีแต่สร้างความแตกแยกมากขึ้น แล้วไหนบอกว่าจะสร้างความปรองดอง
นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ยังกล่าวกับ พ.ต.ท.ทักษิณระหว่างโฟนอินว่าว่า การล่าชื่อถวายฎีกามีกฎหมายรองรับ แต่การล่ารายชื่อผู้ต้านการถวายฎีกาของรัฐบาลไม่ว่าจะได้ห้าล้าน สิบล้าน หรือสุดแท้แต่ มีคำถามว่ารัฐบาลจะเอาชื่อไปไหน จะทิ้งคลองที่ไหน เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าจะต้องทำอย่างไร สุดท้ายแล้วคงไปกองที่บ้านเสี่ยจิ้น ซึ่งหมายถึงนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
แกนนำแจงนัดหมายราชเลขาธิการแล้ว มอบ 17 ส.ค.
ส่วนสถานการณ์ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 ส.ค. หนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ รายงานว่า แกนนำ นปช. ทั้งนายวีระ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง อดีต ส.ส.กทม. พรรคไทยรักไทย พร้อมแกนนำ นปช. ได้ แถลงข่าวที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว ถึงการเข้าถวายฎีกาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้ กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายวีระ มุกสิกพงษ์ แถลงว่า แกนนำคนเสื้อแดง ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้หารือกับทางสำนักราชเลขาธิการ โดยได้นัดหมายกันว่า ในเวลา 13.00 น.ของวันที่ 17 สิงหาคม คนเสื้อแดงจะนำฎีกาฯ มอบให้ทางสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดง ได้นัดหมายประชาชนทั่วประเทศ ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 17 สิงหาคม ที่ท้องสนามหลวง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ประชาชนมาร่วมลงชื่อถวายฎีกาฯนั้นมีชีวิตอยู่จริง ไม่ใช่เอาใครก็ไม่รู้มาลงชื่อตามที่รัฐบาลได้กล่าวอ้าง จึงจะทำให้การชุมนุมครั้งนี้มีจำนวนประชาชนมาร่วมชุมนุมมากหน่อย แต่จะเป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
นายวีระกล่าวว่า การเข้ายื่นถวายฎีกาฯนั้น จะเริ่มในเวลา 13.00 น. โดยจะมีตัวแทนคนเสื้อแดง 8 คนนำฎีกาส่วนหนึ่งเข้าไปยื่นที่สำนักราชเลขาธิการ จากนั้น จะมีคนเสื้อแดงประมาณ 2 พันคนนำฎีกาประมาณ 500-600 กล่องไปส่งยังประตูวิเศษไชยศรี สำนักพระราชวัง ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร ให้กับเจ้าหน้าที่ของสำนักราชเลขาธิการและเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับต่อ โดยคนเสื้อแดงทั้ง 2 พันคนจะไม่เดินทางเข้าไปในสำนักพระราชวัง แต่จะปล่อยให้ตัวแทน 8 คนเข้าไปยังศาลาลูกขุน เพื่อดำเนินการเรื่องการถวายฎีกาฯ จากนั้นตัวแทนทั้ง 8 คนจะกลับมารายงานประชาชนที่ชุมนุมกันอยู่ที่ท้องสนามหลวงเมื่อกระบวนการ ทุกอย่างเสร็จสิ้น เราก็จะร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นก็จะแยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งคาดว่า น่าจะเสร็จสิ้น
"เมื่อกระบวนการการถวายฎีกาเสร็จสิ้นแล้ว เราก็จะไม่มีการพูดถึงเรื่องของการถวายฎีกากันอีก เพราะถือว่าเป็นเรื่องของพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งยืนยันได้ว่ากระบวนการถวายฎีกาของคนเสื้อแดงนั้นไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล แม้บางคนถึงกับต้องออกมาข่มขู่คำรามว่าไม่สามารถถวายฎีกาฯ ได้ เพราะเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย" นายวีระกล่าวและว่า สำหรับผู้ที่ต่อต่านการถวายฎีกาฯของคนเสื้อแดง และดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับแกนนำคนเสื้อแดงหลายกลุ่มนั้นเรา ก็ขอบอกเลยว่าหากไม่อยากจะตกเป็นจำเลยเสียเองก็ให้ไปถอนแจ้งความเสีย หรือไม่ก็ให้รีบมาแจ้งความเพิ่มเติมในอีกหลายจังหวัด เพราะเมื่อคนเสื้อแดงเสร็จสิ้นกระบวนการถวายฎีกาฯ แล้วเราจะเดินสายดำเนินคดี กลับหมดทุกคน
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นายวีระ ได้รับการประสานงานจากนายอินทร์จันทร์ บุราพันธ์ รองราชเลขาธิการ ซึ่งได้มอบหมายจากนายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการ ทางโทรศัพท์เพื่อพูดคุยหลักการการถวายฎีกาฯ ที่ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว และทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราได้กำหนดไว้ โดย 8 คนที่จะเป็นตัวแทนการนำฎีกาฯ ไปมอบให้สำนักราชเลขาธิการนั้น เบื้องต้นเรายังไม่ได้หารือกันว่าใครจะเป็นตัวแทน แต่จะมีการพูดคุยและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง แต่คาดว่า น่าจะเป็นแกนนำคนเสื้อแดงและผู้ที่เห็นด้วยกับแนวทางคนเสื้อแดงเป็นหลัก ส่วนญาติสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีหรือคนในตระกูลชินวัตร นั้นเรายังไม่ได้มีการประสานงานกัน
"สำหรับขบวนการต่อต้านการถวายฎีกาฯของคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการล่ารายชื่อประชาชนของกระทรวงมหาดไทยนั้นบอกได้เลยว่าเราไม่ได้ ให้ความสำคัญ เพราะวันนี้ ชัดเจนแล้วว่า คนพวกนี้กระทำการโดยขาดความรู้ความเข้าใจที่ถองแท้ และหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังปล่อยให้บุคคลเหล่านี้ดำเนินการไปเรื่อยๆ ก็แสดงว่า รัฐบาลกำลังสร้างบรรทัดฐานอัปยศ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติใหม่ให้กับสังคมไทย ที่สามารถรวบรวมรายชื่อต่อต้านการถวายฎีกาฯของประชาชนได้ และไม่ว่าจะมีรายชื่อประชาชนของกระทรวงมหาดไทย 3 ล้าน 5 ล้านหรือ 20 ล้านคนก็ขอให้เป็นผลกรรมของคนที่กระทำเองก็แล้วกัน" นายณัฐวุฒิกล่าว
นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า การได้รับการประสานงานจากทางสำนักราชเลขาธิการ น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าการถวายฎีกาฯของคนเสื้อแดงนั้น สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นสมุนเผด็จการที่ออกมาบอกว่า คนเสื้อแดงไม่สามารถถวายฎีกาฯได้นั้น วันนี้มีความชัดเจนแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณหน่วยงานละ 28,000 บาท รวมๆ แล้วทั้งประเทศกว่า 200 ล้านบาท ไปว่าจ้างประชาชนให้มาลงชื่อปลอม ซึ่งบางแห่งเป็นการคัดลอกรายชื่อประชาชนมาจากหน่วยเลือกตั้ง หรือบางแห่งก็เอาสมุดลงรายมือชื่อของกระทรวงมหาดไทย ไปวางคู่กับสมุดลงนามถวายพระพระเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม ซึ่งรัฐบาลไม่น่าปล่อยให้มีการดำเนินการอย่างนี้ ส่วนคนที่ขัดขวางการถวายฎีกาฯของคนเสื้อแดงด้วยการไปแจ้งความดำเนินคดีกับ แกนนำคนเสื้อแดงในหลายพื้นที่นั้น เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการถวายฎีกาฯเราจะแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จและ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง กล่าวว่า การจัดริ้วขบวนของคนเสื้อแดงที่จะนำใบฎีกาทั้งหมดไปมอบให้สำนักราชเลขาธิการ นั้น จะเริ่มจากตัวแทนคนเสื้อแดง 8 คนที่จะนำฎีกาส่วนหนึ่งไปก่อน จากนั้นจะตามด้วยธงชาติไทย 75 ผืน เพราะคนเสื้อแดงถือเลข พ.ศ. 2475 ที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตย จากนั้นจะเป็นขบวนพระภิกษุสงฆ์ 1,000 รูป และคนเสื้อแดง 1,000 คนที่จะหาบกล่องฎีกา 500 กล่องเดินตามกันไปจนถึงประตูวิเศษไชยศรี
สำหรับคนที่จะเป็นตัวแทนคนเสื้อแดง 8 คนนั้นแกนนำคนเสื้อแดงจะพิจารณาจากบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่สามารถเป็นตัวแทนประชาชนได้ ที่สำคัญคือมีภาพลักษณ์ที่ดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม ซึ่งอาจจะต้องมีตัวแทนที่เป็นบุคคลากรทางการเมืองและตัวแทนจากพระสงฆ์ร่วมไป ด้วย โดยผู้ใหญ่ที่พูดคุยกับคนเสื้อแดงไว้ก็มีหลายคนและมีทั้งที่ติดต่อเข้ามาเอง และที่แกนนำคนเสื้อแดงได้ประสานงานไป แต่แต่ละคนที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนได้จะต้องมีแนวทางเดียวกับคนเสื้อแดงคือ ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข
“แกนนำคนเสื้อแดงก็เคยพูดคุยกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แต่เป็นการพูดคุยเรื่องข้อระมัดระวังการถวายฎีกาฯ เพราะพล.อ.ชวลิต เกรงว่าอาจจะมีบางอย่างทำให้เกิดข้อครหาเรื่องการละเมิดพระราชอำนาจ แต่เราก็ได้เชิญให้พล.อ.ชวลิต มาเป็นตัวแทน 1 ใน 8 แต่ก็ยังไม่รู้พล.อ.ชวลิต จะตอบรับหรือไม่ แต่ผมก็เชื่อคำหนึ่งที่พล.อ.ชวลิต เคยพูดไว้ว่าวันหนึ่งอาจจะมีวันมหัศจรรย์เกิดขึ้นในเมืองไทย ซึ่งผมคิดว่ามันอาจจะเป็นวันที่มีการอภัยโทษให้ทั้งหมดตั้งแต่เกิดการรัฐ ประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา” นายอริสมันต์กล่าว