ที่มา Thai E-News
โดย poonnook
ที่มา เวบไซต์ thaifreenews
13 สิงหาคม 2552
ท่านนายกทักษิณ ไม่ใช่ “ต้นเหตุ” ที่จะสามารถ “ดับเหตุ” แห่งความขัดแย้งหรือแตกแยก แต่ท่านเป็น “เหยื่อ” ที่ได้รับจากการทำลายในครั้งนั้น และสืบเนื่องมาจนถึงขณะนี้ ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนผู้ติดตามข่าวสารการเมืองต่างรู้กันดี
“ความไม่ยุติธรรม” ที่ประชาชนได้รับในด้านการปกครองที่พวกเขาประสบมาต่างหากครับ เป็น “ต้นเหตุ” ดังนั้น วิธีที่จะสามารถดับเหตุแห่งความขัดแย้งนี้ ก็คือต้องสร้างความยุติธรรมขึ้นในประเทศนี้ให้ได้ แล้วความขัดแย้งจะหายไปครับ ไม่ใช่ให้ท่านนายกทักษิณยุติการยื่นถวายฎีกา....
เรียน คุณประดาบ ที่เคารพ
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=827654
ผมชื่นชมบทความคุณประดาบ สมัยที่ยังเป็นเวป Hi-Thaksin ไม่เสื่อมคลาย สมัยนั้น คุณประดาบเป็นเหมือนกับนักเขียนในดวงใจของใครจำนวนมาก ที่คอยติดตามว่า คุณประดาบจะมีประเด็นใดมานำเสนอเพื่อเป็นองค์ความรู้ในการต่อสู้กับ เผด็จการ คมช. และเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยทั่วไป เพื่อจะได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของเผด็จการ ที่กำลังครอบประเทศอยู่ในขณะนั้นบ้าง และผมก็เป็นคนหนึ่ง ที่ไม่เคยพลาดการติดตามข้อมูลข่าวสารของคุณประดาบเลย แม้แต่ครั้งเดียว...
ผมไม่แน่ใจว่า จากจดหมายเปิดผนึก ที่คุณประดาบเขียนถึงท่านนายกทักษิณนี้ เป็นตัวคุณประดาบ ที่เคยอยู่ในเวป Hi-Thaksin ตัวจริงหรือไม่ และหวังว่าจะ “ไม่ใช่” เพราะถ้า “ใช่” ผมจะรู้สึก “เสียใจและผิดหวังมาก” ที่คุณประดาบที่ผมเคยชื่นชมว่า เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ประชาชน ได้กลายเป็นผู้ที่ตกเป็นเครื่องมือ และอยู่ภายใต้แนวคิดของเผด็จการเสียแล้ว
คุณประดาบเท้าความถึงสาเหตุที่ต้องปิดเวปไซด์ Hi-Thaksin เป็นทำนองว่า เกิดจากการถูกขอร้องกลาย ๆ จากทีมงาน หรือผู้ใกล้ชิดของท่านนายกทักษิณ จนทำให้เวปไซด์ต้องปิดไป ... เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือเท็จ คงไม่สามารถพิสูจน์ได้จากกรณีนี้อย่างแน่ชัด
แต่การกล่าวอ้างขึ้นมาลอย ๆ โดยปราศจากหลักฐานดังนี้ เหมือนกับว่า คุณประดาบกำลังจะบอกว่า เพราะท่านนายกทักษิณ เป็นต้นเหตุทำให้เวปไซด์ Hi-Thaksin ต้องปิดตัวลง ใช่หรือไม่ ? ...
และที่แน่ ๆ จากจดหมายฉบับนี้ คุณประดาบได้ตั้งโจทย์ไว้เริ่มต้นว่า “ก็เพราะว่ามีแต่ท่าน (นายกทักษิณ) เพียงคนเดียว ที่จะยุติความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยในขณะนี้” ซึ่งเมื่อคุณประดาบตั้งโจทย์เริ่มต้นผิดอย่างนี้แล้ว เนื้อหาด้านอื่นต่อมา จึงผิดพลาดไปหมดสิ้น...
ความเป็นจริงแล้ว การณ์กลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามเลยครับ ท่านนายกทักษิณ ไม่ใช่ผู้ที่จะสามารถยุติความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังขยายตัวอย่างมากในขณะนี้ได้แน่นอน ไม่ว่าคุณประดาบจะกล่าวอ้างว่า ท่านนายกทักษิณได้รับการนิยมอย่างมากจากประชาชนอย่างไรก็ตาม
เพราะในความเป็นจริงก็คือ ต้นเหตุแห่งความขัดแย้งและความแตกแยกทั้งปวง เกิดขึ้นจาก “กระบวนการโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้ง” โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2547 ปลาย ๆ มาจนสำเร็จลงในวันที่ 19 กันยายน 2549 ต่างหากครับ
ท่านนายกทักษิณไม่ใช่ “ต้นเหตุ” ที่จะสามารถ “ดับเหตุ” แห่งความขัดแย้งหรือแตกแยก แต่ท่านเป็น “เหยื่อ” ที่ได้รับจากการทำลายในครั้งนั้น และสืบเนื่องมาจนถึงขณะนี้
ซึ่งเรื่องนี้ ประชาชนผู้ติดตามข่าวสารการเมืองต่างรู้กันดี “ความไม่ยุติธรรม” ที่ประชาชนได้รับในด้านการปกครองที่พวกเขาประสบมาต่างหากครับเป็น “ต้นเหตุ”
ดังนั้น วิธีที่จะสามารถดับเหตุแห่งความขัดแย้งนี้ ก็คือต้องสร้างความยุติธรรมขึ้นในประเทศนี้ให้ได้ แล้วความขัดแย้งจะหายไปครับ ไม่ใช่ให้ท่านนายกทักษิณ ยุติการยื่นถวายฎีกา ....
ความพยายามที่คุณประดาบ กำลังจะเชื่อมโยงให้มองเห็นว่า “มีกลุ่มคนบางกลุ่ม” แทรกตัวอยู่ในขบวนการคนเสื้อแดง และกำลังจะนำเอาท่านนายกทักษิณไปเป็นเหยื่อเพื่อโจมตี หรือ โค่นล้มสถาบัน นั้น เป็นความพยายามเชื่อมโยงที่ไม่มีหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนเป็นรูปธรรม นอกจากคำกล่าวอ้างของฝ่ายเผด็จการ ผู้กล่าวโจมตีกลุ่มคนเสื้อแดงผู้เรียกร้องประชาธิปไตยทั้งหลาย
พูดง่าย ๆ ก็คือ คุณประดาบ กำลังพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ที่มีการต่อสู้กันทางด้านอุดมการณ์ทางการเมืองในเวลานั้น เข้ามาเป็นเรื่องเดียวกันกับความขัดแย้งในเวลานี้ โดยคุณประดาบกำลังพยายามอธิบายว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยโดยบริสุทธิ์ใจนั้น กำลังถูกกลุ่มคนที่พ่ายแพ้ทางการเมืองไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว “ชักใย” อยู่เบื้องหลัง โดยประชาชนทั้งหลายถูกหลอก ใช่หรือไม่ ?...
การเกิดขึ้นของกลุ่มคนเสื้อเหลือง, กลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ก็เกิดมาจากคำกล่าวที่ว่า “ปกป้องสถาบัน” ทั้งสิ้นและยิ่งกว่านั้น กลุ่มคนเหล่านั้น ยังใช้ข้ออ้างนี้ ในการทำร้ายประชาชนธรรมดา ๆ ผู้ประกาศตัวเองมาตลอดว่า “ต้องการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข” และไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดง หรือแม้แต่ท่านนายกทักษิณเอง ก็ไม่เคยมีพฤติกรรมแม้แต่เพียงครั้งเดียว ที่แสดงให้เห็นไปในทางว่า จะ “ล้มล้างสถาบัน” หรือทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
ตรงกันข้าม กลุ่มคนเสื้อเหลืองผู้ชูป้ายในหลวง ขณะที่กำลังยิงปืนใส่ผู้คน เอาภาพในหลวงทำเป็นโล่ แล้วเข้าไล่ตีทำร้ายตำรวจ เอาภาพในหลวงนำหน้า ขณะที่เข้ายึดสนามบิน เข้ายึดทำเนียบ.... คนเหล่านี้ต่างหากครับ ที่กำลังทำร้ายสถาบัน และทำลายสถาบันอันเป็นที่รักของทุก ๆ คน
ผมรู้สึกผิดหวัง และเสียใจ ที่คุณประดาบผู้เป็นนักเขียนประชาธิปไตยคนหนึ่งที่ผมชื่นชมยกย่อง (ถ้าเป็นคุณประดาบตัวจริง) ได้แสดงความเห็นในจดหมายเปิดผนึกด้วยมุมมองที่ “ตื้นเขิน” เยี่ยงนี้
การเปรียบเทียบท่านนายกทักษิณ กับ ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ หรือ นายกวินส์ตัน เชอร์ชิลล์ ผู้เป็นรัฐบุรุษ โดยกล่าวอ้างว่า “นักการเมืองมองการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่รัฐบุรุษคิดถึงชนรุ่นหลัง” ซึ่งเป็นคำอธิบายว่า ท่านนายกทักษิณควรที่จะยอมเสียสละตนเอง เพื่อความปรองดองของคนในชาติ...
คุณประดาบครับ ....ด้วยความเคารพ ผมอยากจะบอกว่า ความปรองดองของคนในชาติจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าประเทศนี้ ยังไม่มีการปกครองที่เป็นธรรม และมีความยุติธรรมที่เท่าเทียมกันของคนในชาติ
คุณประดาบคิดว่า การเสียสละตัวเองของท่านนายกทักษิณ ในการที่ให้ยุติการถวายฎีกา จะทำให้ทุกอย่างสงบ และท่านนายกทักษิณ จะกลายเป็นรัฐบุรุษในจิตใจของคนไทยทั้งชาติ เช่นนั้นหรือ ?
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นคนละเรื่องกันเลยครับ ฎีการ้องทุกข์ที่ประชาชนชาวเสื้อแดง นำโดยกลุ่ม “ความจริงวันนี้” ได้กระทำ เป็นเพียงเครื่องสะท้อนให้เห็น ถึงความทุกข์ยากของประชาชนไทยในแผ่นดินนี้ที่กำลังประสบอยู่ โดยได้นำเอากรณีท่านนายกทักษิณ มาเป็นตัวแทนเท่านั้น ถ้าวันนี้ไม่มีท่านนายกทักษิณ หรือท่านนายกทักษิณไม่อยู่แล้ว การยื่นถวายฎีการ้องทุกข์ต่อในหลวง ก็จะยังคงเกิดขึ้นต่อไป
เพราะเหตุใดหรือ ? ก็เพราะว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้เดียวในแผ่นดินนี้ ที่จะปัดเป่าความทุกข์ยากของพสกนิกรชาวไทยให้พ้นไปได้ ไม่ว่าจะมีตัวกฎหมายรองรับไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ แต่โดยประเพณีการปกครองของคนไทย ที่เคารพศรัทธาพระองค์ท่านตลอดมา พระองค์กระทำได้ครับ เพราะว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กำหนดเอาไว้ใน มาตราที่ 7 ระบุว่า “มาตรา 7 ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
ดังนั้นการกล่าวอ้างใด ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า “พระมหากษัตริย์ ไม่มีสิทธิที่จะใช้พระราชอำนาจ นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด” เป็นการใช้สำนวนโวหาร เพื่อล่อลวงและ “กล่าวเท็จ” ครับ เพราะพระองค์ท่านไม่มีทางละเมิดกฎหมายได้อย่างแน่นอน นอกเสียจากว่า “จะเป็นไปตามพระราชวินิจฉัย” ในทางใดทางหนึ่งเท่านั้น และพระองค์ท่านก็จะไม่มีพระราชวินิจฉัยไปในทางละเมิดกฎหมายที่เขียนบัญญัติไว้ชัดเจนอย่างแน่นอน
ประเทศไทยมีประเพณีการปกครอง อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขครอบคลุมอยู่ ดังนั้นพระองค์ทรงบำบัดทุกข์เข็ญให้กับประชาขนไทยได้แน่นอนครับ
ถ้าคุณประดาบจะกราบขอร้องใครสักคนให้ยุติ เพื่อให้เกิดความปรองดองและสมานฉันท์ขึ้นในบ้านเมืองนี้ คน ๆ นั้น ไม่ควรจะเป็นท่านนายกทักษิณครับ แต่ควรจะเป็นใครสักคน ที่มีอำนาจสูงสุดบนยอดปิรามิดของเครือข่ายเผด็จการ ที่พยายามทำลายล้าง การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข มากกว่าครับ....
โดยสรุปก็คือ การยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้ ไม่ใช่ทำเพื่อท่านนายกทักษิณ ดังโจทย์ที่คุณประดาบตั้งเอาไว้ แต่เป็น การเรียกร้องความยุติธรรม ให้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย เพื่อประชาชนไทยทั้งมวล และการกระทำดังนี้ มิใช่เป็นการกระทำเพียงเพื่อ “คิดถึงการเลือกตั้งเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่กลับเป็นการคิดถึงประชาชนไทยในรุ่นต่อ ๆ ไป ชั้นลูกหลานเลยทีเดียวครับ”
ผมหวังว่า จดหมายแสดงความเห็นของผมถึงคุณประดาบในครั้งนี้ คงจะแสดงถึงเจตนาของประชาชนชาวเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยโดยทั่วไป ให้คุณประดาบได้เข้าใจมากขึ้นนะครับ
ด้วยความเคารพ
ปูนนก
13 สิงหาคม 2552