ที่มา ประชาไท
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุคณะอนุกรรมการไต่สวนมีมติ 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้องกรณีสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาท ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจมีการได้รับซึ่งอาจขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ตนไม่ทราบว่ามีการลงมติแล้วหรือไม่ เพราะอนุกรรมการไต่สวนจะต้องทำให้แล้วเสร็จเพื่อเสนอให้ กกต.ในวันที่ 18 ส.ค.นี้ ซึ่งทางอนุกรรมการยืนยันว่าจะแล้วเสร็จซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการลงมติแล้ว อีกทั้งยังไม่ทราบผลสำนวนด้วย เพราะ กกต.ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงาน ซึ่งเหมือนกรณีวินิจฉัย ส.ส.ถือหุ้น กกต.ก็ไม่ยืนตามอนุกรรมการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการไต่สวนของ กกต.ได้มีการประชุมและลงมติโดยเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ให้ยกคำร้องกรณีสำนวนเงินบริจาค 258 ล้านบาทของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) ที่มีการบริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์โดยผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด เนื่องจากการให้ปากคำของผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ต่างยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าว ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงการให้ปากคำของนายประจวบ สังข์ขาว อดีตผู้บริหารบริษัทเมซไซอะฯ รวมทั้งการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ระบุเพียงว่าเงินดังกล่าวเมื่อเข้ามาในบริษัทแล้วก็ถูกโอนให้กับคนใกล้ชิดผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าเงินนั้นได้ถูกโอนไปให้กับนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคหรือแม้แต่นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคในขณะนั้น
ส่วนประเด็นการใช้เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับจาก กกต.จำนวน 29 ล้านบาทนั้น ทางอนุกรรมการก็มีมติให้ยกคำร้อง เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีการแจ้งรายละเอียดการปฏิบัติตามโครงการที่ได้ขอรับการสนับสนุนไว้อย่างครบถ้วน แม้ในบางรายการจะมีการขอเปลี่ยนแปลงการใช้จ่ายงบประมาณไปเพื่อโครงการอื่นๆ ก็ได้มีการแจ้งรายการไว้ โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองขณะนั้นคือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.ก็ได้ลงนามอนุญาตทุกครั้ง จึงถือว่าไม่มีพยานหลักฐานที่ชี้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินกองทุนฯ ผิดวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ตาม อนุกรรมการอาจมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ส.ค.นี้ เพื่อจะตรวจสอบรายงานสรุปและลงนามก่อนที่จะเสนอนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมวันที่ 18 ส.ค.นี้
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์