ที่มา ข่าวสด
มาร์คสั่งลุยล็อตใหม่ อ้าง"ผบ."ลาถึง14สค. ปชป.ชนสมาคมตร.
"มาร์ค"เรียกรักษาการผบ.ตร.กับผู้การทะเบียนพลเข้าหารือ ดันทำโผโยกย้ายระดับ พ.ต.อ.ถึงชั้นประทวนนับแสนอัตรา สั่ง"วิเชียร"เรียกประชุมก.ตร.อีกรอบ ส่วนโครงสร้างใหม่ถ้าไม่ ทันก็ยังไม่ประกาศใช้ตามกำหนด 16 ส.ค. ไม่รู้เรื่อง"พัชรวาท"กลับจากต่างประเทศแล้ว แต่ต้องการให้ลาต่อถึง 14 ส.ค. เผยผบ.ตร.เข้ารายงานตัวกับ"เทพเทือก"แล้ว แจ้งรองผบ.ตร. พร้อมทำงานตั้งแต่ 10 ส.ค.เป็นต้นไป
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 9 ส.ค.ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถ.วิภาวดี นายอภิ สิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกรายการสด เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ โดยมีพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รักษาการผบ.ตร. รอต้อนรับ เมื่อนายกฯมาถึงได้เข้าห้องพักรับ รอง เพื่อแต่งหน้า ทำผมก่อนเข้ารายการ จากนั้นร่วมรับประทานอาหารเช้า และพูดคุยเป็น การส่วนตัวกับพล.ต.อ.วิเชียรประมาณ 15 นาที
กระทั่งเวลา 09.20 น.นายกฯกลับเข้าห้องพักรับรองเพื่อหารือกับพล.ต.อ.วิเชียรอีกครั้งนานประมาณ 15 นาที โดยมีพล.ต.ต.ชนาภัทร์ เชยสมบัติ ผบก.สำนักงานทะเบียนพล สำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือด้วย คาดว่าหารือเรื่องการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบก.จนถึงชั้นประทวนทั่วประเทศกว่าแสนนาย หรือที่เรียกว่า "โผเล็ก"
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือว่า รักษาการผบ.ตร.เข้ารายงานสรุปเรื่องประชุมก.ตร.เพื่อให้ทราบถึงประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้น่าจะมีความเข้าใจที่ตรงกันเรื่องการประกาศโครงสร้างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การออกประกาศต่างๆ ตามพระราชกฤษฎีกา และมีประเด็นการโยกย้ายระดับรองลงมาที่มีคนจำนวนมาก ปรากฏว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งอาจคุณสมบัติไม่ครบ จึงซักซ้อมกันว่าตามกฎหมายไม่สามารถยกเว้นในลักษณะทั่วไปได้ หมายความว่าใครไม่ครบ คุณสมบัติต้องมาขอยกเว้นเป็นการเฉพาะราย แต่จะมีจำนวนมาก จึงต้องประชุมก.ตร.อีกครั้ง และพล.ต.อ.วิเชียร จะเดินหน้าทำงานส่วนนี้ในช่วงทำหน้าที่รักษาการผบ.ตร.
"ผมขอยืนยันว่าการเดินหน้าทำนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และจะไม่มีเรื่องการเมืองเข้าไปแทรกแซง เพราะต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อยราบรื่นที่สุด เพราะเราต้องการให้การทำงานของตำรวจเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ" นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการโยกย้ายดังกล่าวต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 16 ส.ค. ที่จะประกาศใช้โครงสร้างใหม่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยหลักต้องดำเนินการให้เรียบร้อยไม่เช่นนั้นจะเกิดสุญญา กาศ แต่ถ้าไม่พร้อม เรื่องการประกาศโครง สร้างอาจจะปรับเวลาได้ เพราะหลักการประ กาศในราชกิจจานุเบกษา ของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎกระทรวงนั้นผู้ปฏิบัติต้องพร้อมด้วย หากยังไม่พร้อมก็คงยังไม่ประกาศ แต่ว่าต้องทำให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่าแสดงว่ามีความเป็นไปได้ที่โครงสร้างใหม่อาจจะไม่สามารถประกาศได้ในวันที่ 16 ส.ค.ตามที่กำหนด นายกฯ กล่าวว่า หากทำงานไม่เสร็จก็ประกาศไม่ได้เพราะถ้าประกาศไปก็จะเกิดปัญหา แต่จะเร่งทำให้เร็วที่สุด เพราะตามเจตนารมณ์ต้องการทำเร็วที่สุดอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่าการกลับประเทศไทยของพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.วันที่ 10 ส.ค.นั้นพล.ต.อ.พัชรวาทจะเข้าร่วมพิจารณาตรงนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ แต่พล.ต.อ.พัชรวาทลาตนถึงวันที่ 14 ส.ค. เพียงแต่พูดกันไว้ว่าในงานพระราชพิธี หรืองานพิธีสำคัญก็ขอให้มาร่วม
เมื่อถามว่าผบ.ตร.ยกเลิกลาก่อนกำหนดได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีข่าวอย่างนั้น เมื่อถามว่า นายกฯมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นตามเดิมซึ่งคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ที่คุยกันไว้ ซักซ้อมการทำงานก็ไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง และทุกคนทราบดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯก็ทราบดี เมื่อถามว่าพล.ต.อ.พัชรวาทกลับมาก่อนครบกำหนดวันลามีนัยยะใดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบเลยว่าท่านกลับมาแล้ว"
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายกสมาคมตำรวจให้สัมภาษณ์พาดพิงนายอภิสิทธิ์ว่าไม่เคยเห็นฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซงโยกย้ายตำรวจอย่างชัดเจนเหมือนยุคนี้ ว่า ขอปฏิเสธว่าไม่จริง นายกฯไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซง ล้วงลูกการโยกย้าย แต่นายกฯใช้อำนาจเพื่อแก้ไของค์กรตำรวจ ให้มีประสิทธิภาพการทำงาน โดยยึดหลักกฎหมาย และที่สำคัญคือต้องการความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"ความจริงเรื่องนี้เริ่มต้นจากการทำงานของกรมตำรวจที่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่กำลังจะเบี่ยงเบนประเด็นไปสู่การล้วงลูกของนักการเมือง เพื่อโยนความผิดฝ่ายการเมืองว่าแทรกแซงการโยกย้ายเหมือนทุกยุคทุกสมัย ทั้งๆ ที่การโยกย้ายตำรวจเป็นเรื่องของการช่วงชิงอำนาจ การแต่งตั้งของผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" นายเทพไทกล่าว
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ที่นายกสมาคมตำรวจบอกว่าไม่มียุคใดเข้าไปแทรกแซงเหมือนยุคนี้ ก็อยากถามว่ายุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ นายกสมาคมคนนี้ไปนอนหลับมุดหัวอยู่ที่ไหน จึงไม่ยอมรับรู้การสร้างรัฐตำรวจ ยุคไหนกันแน่ที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปล้วงลูก เล่นพรรค เล่นพวก ล้วงลูก ตั้งเพื่อนร่วมรุ่น ญาติพี่น้อง และตำรวจที่ยอมรับใช้ตัวเอง ข้ามหัวผู้อื่นเข้ารับตำแหน่งสำคัญมากมาย และขอยืนยันว่ายุคนี้จะไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง ปล่อยดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีปูนบำเหน็จพวกตัวเอง เพราะพรรคมีหลักการชัดเจนว่าทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมาย ตัวนายกฯไม่มีใครเป็นพวกของตัวเองในวงการตำรวจ ไม่มีคนรู้จักหรือญาติพี่น้อง แม้แต่ระดับจ่าตำรวจจนถึงนายพลก็ไม่มี
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เดินทางกลับจากราชการที่ประเทศจีนมาถึงเมื่อคืนวันที่ 8 ส.ค. ได้เข้ารายงานตัวต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 9 ส.ค. โดยพล.ต.อ.พัชรวาทแจ้งกับนายสุเทพว่าพร้อมกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.เป็นต้นไป พร้อมกับทำหนังสือเวียนแจ้งรองผบ.ตร.และผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจะปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.
ทั้งนี้ภารกิจเร่งด่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วงสัปดาห์นี้ก็คือ การจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการ(รองผบก.) ไปจนกระทั่งถึงสารวัตร ตามโครงสร้างใหม่ให้เสร็จทันกำหนดวันที่ 16 ส.ค. ตามที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)มีมติไว้
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่านายอภิสิทธิ์ยังมีความประสงค์ให้พล.ต.อ.พัชรวาทลาราชการต่อไปถึงวันที่ 14 ส.ค.ตามกำหนดเดิม โดยอาจจะเจรจากับผบ.ตร.อีกครั้ง ทั้งนี้เหตุผลที่นายกฯต้องการให้ผบ.ตร.ลาราชการต่อไป ก็เพื่อความสบายใจของกลุ่มที่ผลักดันคดียิงถล่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล รวมถึงเหตุผลไม่ต้องการให้บัญชีรายชื่อโยกย้ายแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผบก.ลงมาครั้งนี้ อยู่ในความดูแลของพล.ต.อ.พัชรวาท
รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่า นายอภิสิทธิ์เรียกพล.ต.อ.วิเชียร รักษาการผบ.ตร. เข้าหารือถึงแนวทางการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบก.ลงมา ว่าทำอย่างไรจะให้ดำเนินการไปได้โดยรวดเร็ว กระชับ ทันกำหนดเวลาวันที่ 16 ส.ค. รวมทั้งไม่มีข้อครหาเรื่องวิ่งเต้นเข้าสู่ตำแหน่ง ซึ่งการหารือมีข้อสรุปประการหนึ่งว่า อาจจะดำเนินการโยกย้ายด้วยวิธีปรับและเกลี่ย นายตำรวจที่มีตำแหน่งประจำตร. และประจำสำนักงานผู้บังคับบัญชาทั้งหลาย มาเข้าสู่ตำแหน่งหลัก ซึ่งจะทำให้โยกย้ายไม่มากนัก โดยจะไม่ปรับตำแหน่งของนายตำรวจรายอื่นๆ ที่มีตำแหน่งอยู่แล้วตามปกติ