WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, August 9, 2009

ลุ้นอาคารใหม่ สถาปนิก"มาร์ค"

ที่มา ข่าวสด





"ขอยืนยันและสัญญาว่าผมและคณะรัฐมนตรีจะต้องทำงานหนักขึ้น แข่งกับเวลามากขึ้น จะต้องทำเรื่องยากๆ ที่เกี่ยวข้องกับระยะยาวและโครงสร้างมากขึ้น"

"โดยมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็น ธงนำในการทำงาน และเป็นคำมั่นสัญญาเหมือนที่เราเคยสัญญาแล้วทำได้ใน 6 เดือน"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวตบท้ายเป็นมั่นเหมาะในวาระแถลงผลงาน 6 เดือน

ภายใต้รูปแบบที่เป็นเรื่องราว เชิญบรรดารองนายกรัฐมนตรีและรัฐ มนตรีจากทุกพรรคขึ้นไปนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาบนเวที

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเนื้อหาที่รัฐบาลดำเนินการจนสำเร็จในช่วง 6 เดือนแรก หลักๆ คือนโยบายเรียนฟรี 15 ปี เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การแทรก แซงราคาพืชผล โครงการต้นกล้าอาชีพ โครงการชะลอการเลิกจ้าง

มาตรการลดภาระค่าครองชีพ 5 มาตรการ โครงการเช็คช่วยชาติ โครงการชุมชนพอเพียง การช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ค่าตอบแทนอสม. เดือนละ 600 บาท

ที่ขาดไม่ได้คือแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ที่รัฐบาลกู้เงินธนาคารในประเทศนำมาลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 7 ด้าน ตามรายละเอียดที่เคยเป็นข่าว

เมื่อครั้งรัฐบาลพยายามผลักดันพ.ร.ก.และ พ.ร.บ.กู้เงินรวม 8 แสนล้าน ในช่วงปลายสมัยประชุมสภาครั้งที่แล้ว เช่นเดียวกับมาตรการหรือโครงการอื่นของรัฐบาล

การจัดแถลงผลงานครั้งนี้จึงเป็นเพียงพิธี กรรมรวบรวมเอาสิ่งที่รัฐบาลทำมาในรอบ 6 เดือน แล้วเป็นข่าวกระจัดกระจายอยู่ตามสื่อต่างๆ มาจัดระเบียบเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่

แล้วถ่ายทอดด้วยสำนวนและลีลาตามสไตล์อภิสิทธิ์

นายกรัฐมนตรีเปรียบเทียบว่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน เสมือนกับเข้ามาแก้ปัญหาอาคารที่กำลังไฟไหม้

อันดับแรกคือต้องช่วยคนติดอยู่ในอาคารซึ่งหมายถึงคนอ่อนแอที่สุด จากนั้นค่อยดับไฟ ควบคู่ไปกับการออกแบบสร้างอาคารใหม่

รัฐบาลมีแผนงานในอนาคตในเรื่องสวัสดิ- การประชาชน การแก้ปัญหาโครงสร้างที่ดินทำกิน การปฏิรูปการแทรกแซงราคาพืชผล รวมถึงความมั่นคงในการจัดการพลังงาน ส่งเสริมพลัง งานทดแทน เป็นต้น

นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าถ้าวัดจากตัวเลขเศรษฐกิจ จะเห็นว่าไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและน่าจะกลับมาอยู่แดนบวกได้ในปลายปีนี้

ซึ่งสวนทางกับมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจอย่าง "ดร.โกร่ง"วีรพงษ์ รามางกูร ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงจุดต่ำสุด และน่าจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี เนื่องจากมีปัจจัยรุมเร้าทั้งภายในและภายนอก

นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องเฝ้ารอดูว่าใครจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิด

กับอีกเรื่องที่สำคัญคือปัญหาด้านการเมือง ซึ่งนายกฯ เองยอมรับว่า 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่สามารถขจัดปัดเป่าความขัดแย้งทางการเมืองให้หมดไปได้

ที่ยิ่งไปกว่านั้นประชาชนยังรู้สึกว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง นอกจากจะไม่ได้บรรเทาเบาบางลงไปแล้ว นับวันยิ่งร้ายแรงและขยายวงกว้างออกไปมากกว่าแต่ก่อนเสียด้วยซ้ำ

บางเรื่องรัฐบาลแทนที่จะเป็นฝ่ายดับไฟ กลับเป็นฝ่ายสาดน้ำมันเข้าใส่เสียเอง อย่างเช่นการสนับสนุนกระทรวงมหาดไทยตั้งโต๊ะล่ารายชื่อคัดค้านการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง

ถ้าว่าจำนวนตัวเลขผู้ร่วมลงชื่อถวายฎีกา ที่ฝ่ายเสื้อแดงอ้างว่ามีมากกว่า 5 ล้านคน กับตัวเลขผู้คัดค้านที่มหาดไทยตั้งเป้าไว้ที่ 5 ล้านรายชื่อ

หากเป็นเช่นนั้นจริงเท่ากับว่าเราจะได้เห็น การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ระหว่างประชาชนซึ่งถูกรัฐบาลจับแยกออกเป็น 2 ฝ่าย

เป็นที่รับรู้กันว่าการที่รัฐบาลชุดนี้ยืนหยัดอยู่มาได้นานเกิน 6 เดือน

ส่วนหนึ่งเพราะนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ที่มีต้นทุนทางสังคมสูง ถึงการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองจะไม่ค่อยสง่างามเท่าใดนักก็ตาม

แต่ระยะหลังมานี้ดูเหมือนต้นทุนดังกล่าวเริ่มหดหายลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งจากฝีมือการผลาญของนายอภิสิทธิ์เอง กับ อีกส่วนที่คนใกล้ชิดแอบเบียดบังเอา ไปใช้

ต้นทุนนายกฯ ลดลงอย่างฮวบ ฮาบจากการถลำลงไปล้วงลูกคดียิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ลงท้ายด้วยความพยายามจะกำจัด พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เพื่อตอบสนองคนบางกลุ่มที่ต้องการเข้ามาแสวงผลประโยชน์จากการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ

การถลำของนายกฯ ครั้งนี้ เป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามฉวยโอกาสยื่นถอดถอนและฟ้องร้องกันขนานใหญ่ ข้อหาแทรก แซงการแต่งตั้งโยกย้าย และการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ

กับอีกเรื่องที่ร้อนขึ้นมาพรึบคือโครงการชุมชนพอเพียง ที่มีชื่อคนในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับความไม่โปร่งใสของโครงการ

กำลังถูกจับตาว่าจะซ้ำรอยกรณี ส.ป.ก.4-01 หรือไม่

ยังไม่รวมถึงปัญหาการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญที่เป็นเสมือนระเบิดเวลาลูกใหญ่

ไม่เพียงแต่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความหนักใจแทนรัฐบาลกับสิ่งที่จะต้องเผชิญ หลังจากพ้นช่วง 6 เดือนไปแล้ว

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ยังส่งสัญญาณให้ลูกพรรคระมัดระวังเนื่องจากการเมืองช่วงนี้มีความเข้มข้นมาก

อันมีเหตุจากความขัดแย้งระหว่างนายกฯ กับตำรวจและกองทัพ ซึ่งลุกลามมาจากคดียิงนายสนธิ กับอีกเรื่องคือการถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจพัฒนาเป็นความรุนแรงรอบใหม่

การเมืองระยะนี้จึงเสี่ยงที่จะพลิกผันเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ถ้ายึดตามทฤษฎีที่ว่าการเมืองคือปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจโดยตรง ถ้าการ เมืองนิ่ง เศรษฐกิจก็เดินหน้า ถ้าการเมืองวุ่นวาย เศรษฐกิจก็หยุดชะงัก

ดังนั้น ถ้าวัดจากสถานการณ์การเมืองตอนนี้

ถือเป็นเรื่องท้าทายรัฐบาลอย่างมาก ว่าจะได้อยู่ดูอาคารหลังใหม่ที่อุตส่าห์ออกแบบไว้หรือไม่