ที่มา ประชาไท
13 ก.ย. 52 – มติชนออนไลน์ รายงานว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้ลงตรวจพืนที่ชายแดนเขาพระวิหาร และได้เจรจากับ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประเทศกัมพูชา ยันทหารไทยปฏิบัติหน้าที่เข้มแข็ง ซัดคนบางกลุ่มอย่าคลั่งชาติ แล้วยุแหย่ให้เกิดความแตกแยก "มาร์ค" ลั่นพร้อมเดินหน้าให้พื้นที่ทับซ้อนไทย-เขมร ที่มีการก่อสร้างให้กลับคืนสภาพเดิม แต่ยันใช้สันติวิธีแก้ปัญหา ลั่นไม่ยอมเสียอธิปไตยแน่
"กษิต"ลงพื้นที่คุยบิ๊กทหารเขมร
เมื่อวันที่ 13 กันยายน เวลา 10.00 น. ที่สนามหน้าโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ จากนั้นเดินทางโดยรถยนต์ไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร รับฟังการบรรยายสรุปจากพล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพน้อยที่ 2 ว่าการก่อสร้างอาคารบริเวณตลาดชุมชน และวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ ด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหารนั้น ทางการไทย ได้ประท้วงต่อรัฐบาลกัมพูชา แล้ว 20 ครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2543
จากนั้นนายกษิต เดินทางขึ้นไปที่วัดแก้วศิขาคีรีสวาระ หารือกับ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประเทศกัมพูชา โดยนายกษิต กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่ายินดีว่าหากมีเหตุเสียงปืนดังก็จะสอบสวนร่วมกันก่อนว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แสดงว่ามีความต้องการและมุ่งมั่นในการที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติในพื้นที่และรัฐบาลไทยมีความตั้งใจอย่างมากที่จะแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก่อประโยชน์สุขแก่ประชาชนในด้านต่างๆ
พล.อ.เจีย ดารา กล่าวว่า ขอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นในนามประเทศกัมพูชา โดยสมเด็จนฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บอกว่ากัมพูชาและไทยจะร่วมมือกัน เพื่อการพัฒนาและเพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศอยู่กันอย่างสงบสุขต่อไป
ติงอย่ายุแหย่ให้คนเข้าใจผิด
นายกษิต ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นภารกิจลงพื้นที่ว่า ประทับใจในความตั้งใจในการปกป้องรักษาอธิปไตยของทหารไทย ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความเข้าใจผิดของคนบางกลุ่มที่ข้อครหาว่าทหารหย่อนยาน ตนขอยืนยันว่าทหารไทยทำงานอย่างเข้มแข็งและมีความรักชาติไม่น้อยไปกว่าใคร ในส่วนของรัฐบาลจะพบปะหารือกันอีกหลายครั้งในเร็วๆ นี้ ทั้งระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ หรือระดับนายกรัฐมนตรี โดยหลังรัฐสภาให้ความเห็นชอบบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(เจบีซี)ไทย-กัมพูชา 3 ครั้งที่ผ่านมา ก็จะสามารถทำงานในพื้นที่ อาทิ การถ่ายภาพทางอากาศ และการเดินสำรวจ
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะให้ความมั่นใจกับคนที่ยังไม่เข้าใจว่าไม่ได้มีการเสียดินแดนได้อย่างไร นายกษิตกล่าวว่า รัฐบาลนี้พูดเรื่องจริง ไม่มีอะไรปิดบัง ผู้นำสองประเทศไม่มีใครประสงค์ให้มีการสู้รบ เราอยากให้กลับไปสู่วันที่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมมรดกโลกซึ่งเป็นที่มาของวัฒนธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เราภูมิใจ เป็นสิ่งที่คิดว่าประชาชนสองประเทศรออยู่
"ปัญหาที่มีอยู่ในวิสัยที่แก้ได้ ต้องแก้ด้วยความเข้าอกเข้าใจ อย่าใช้อารมณ์เป็นตัวตั้ง หรือยุแหย่ให้เกิดความเข้าใจผิดและทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทย รวมถึงระหว่างประชาชนสองประเทศ ฝ่ายกัมพูชาก็บอกว่าทหารของเขาก็อยากกลับไปหาลูกเมีย ไม่มีเหตุผลอะไรที่สองประเทศที่มีรากเดียวกันต้องมาอยู่ในสภาพนี้ รัฐบาลจะพยายามให้สันติภาพกลับมาโดยเร็วที่สุด ปัญหาต้องยุติด้วยการเจรจา" นายกษิตกล่าว
ซัดอย่าคลั่งชาติ-ประณามคนอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงพื้นที่ในวันนี้จะช่วยให้ผู้ที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้เข้าใจข้อเท็จจจริงและยกเลิกการเดินทางไปชุมนุมได้หรือไม่ นายกษิตกล่าวว่า คงห้ามกันไม่ได้ แต่มันไม่มีอะไรเป็นเหตุให้ต้องสงสัยว่าทหารไม่ทำงาน ไม่รักษาอธิปไตย หรือไม่รักชาติ การกล่าวหากันแบบนั้นมันน่าเสียใจ เราไม่อยากให้เอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นการเมืองภายในเพื่อเปิดโอกาสให้มีการโจมตีกันทั้งในไทยหรือกัมพูชา ควรต้องมองภาพกว้างว่ายังมีอะไรอีกมากมาย
"หากมีสันติภาพมันมีแต่ได้กับได้ แต่นี่ทำให้เกลียดชังกัน และพอมีปัญหาขึ้นก็ไม่ใช่จะไม่ชี้แจง นี่พยายามชี้แจงแต่ก็ต้องมีความเข้าอกเข้าใจด้วย ไม่ใช่ยืนกระต่ายขาเดียวแล้วบอกว่าฉันถูกที่เหลือผิดหมด ที่เหลือนั้นเลวและไม่รักชาติ คนที่มีเหตุมีผลมีสติปัญญาพูดอย่างนั้นได้อย่างไร รักชาตินั้นมันก็รักกันทุกคน แต่ไม่มีสิทธิจะไปคลั่งชาติแล้วประณามคนอื่น" นายกษิตกล่าว
"มาร์ค"ลั่นไม่ยอมเสียอธิปไตย
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ถึงปัญหาชายแดนไทยกัมพูชากรณีการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ว่า ในแง่ของกฎหมายนั้น นายเตช บุนนาค อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งกัมพูชายกเลิกการลงนามในแถลงการณ์ร่วมแล้ว และรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาก็มีการหนังสือตอบกลับมาว่าได้รับหนังสือแล้ว ไทยก็ถือว่าแถลงการณ์ร่วมนั้นยกเลิกไปแล้ว และกัมพูชาก็ยอมรับว่าไม่ได้เป็นสนธิสัญญา
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "สำหรับพื้นที่ที่เป็นชุมชนและตลาด (พื้นที่ทับซ้อน) ที่ตอนหลังมีการสร้างถนน แต่ในหลายช่วงก็มีทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาเข้าไปอยู่ เมื่อสถานการณ์ตรึงเครียดก็ตรึงกำลังกันเข้าไป จนมีการปะทะกัน แต่รัฐบาลมีแนวทางชัดเจนในการเดินหน้าที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวคืนสภาพกลับไปเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่จะมีผลต่อเรื่องของอธิปไตยผ่านการเจรจา" นายอภิสิทธิ์กล่าว
หวั่นคนประท้วงทำปัญหาซับซ้อน
ต่อมานายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่กลุ่มคนรวมตัวประท้วงการเข้ามาก่อสร้างของทางกัมพูชาในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งเกรงจะเป็นการยอมรับโดยพฤตินัย ว่า ไม่ เพราะมันไม่ได้มีการยอมรับอยู่แล้ว ขณะนี้ทางกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในขั้นตอนที่จะปรับสภาพพื้นที่ให้เหมือนเดิม แต่เราไม่ต้องการให้มีการสู้รบหรือปะทะ จนเกิดความสูญเสีย จึงบอกว่าใครที่มีความเป็นห่วงเป็นใยมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ และต้องระมัดระวัง เพราะหากเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมา และเกิดการปะทะกันขึ้น จะกลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศและทำให้การแก้ปัญหาสลับซับซ้อนขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่เคลื่อนไหวคัดค้านมีข้อมูลคนว่า ที่เข้าไปก่อสร้างเป็นนายทหารของไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เอามาให้ผมเลยครับ และจะตรวจสอบ เพราะจุดยืนของรัฐบาลชัดเจน คงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามีข้มูลก็เอามา ต้องช่วยกันอย่าให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนมากยิ่งขึ้นŽ นายกฯกล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กัมพูชาที่ตอบมาเขาก็ยอมรับเพียงแค่ว่ามันไม่ใช่เป็นสนธิสัญญา แต่เขาใช้คำว่า มันเป็นอย่างที่มันเป็นŽ แต่ในแง่การแสดงเจตนาของไทย ถือว่ายกเลิก(แถลงการณ์ร่วม)ไปแล้ว เมื่อถามย้ำว่า รัฐบาลไทยทำอะไรได้มากกว่าการประท้วง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำทั้งเรื่องการประท้วง การเจรจา การตรึงกำลัง จะพยายามทำทุกวิถีทางโดยสันติวิธีเพื่อแก้ปัญหานี้
ที่มา: มติชนออนไลน์