ที่มา thaifreenews
ในความมืดนั้นคนชุดดำปรากฏตัวขึ้นแล้ว..แนวปะทะที่สี่แยกคอกวัว มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกหามออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น ภาพที่เห็นจากคลิปวีดิโอ ระเบิดเอ็ม 79 น่าจะตกกลางแถวทหารประมาณแถวที่สอง ทหารล้มลงหลายคน และพยายามลากผู้บาดเจ็บถอยหลังหนี ระเบิดลูกที่สองซึ่งน่าจะมาจากคนยิงคนเดิมยิงลึกเข้าไปทางด้านขวามือของ ระเบิดลูกแรก ลูกนี้ก็น่าจะทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก ส่วนระเบิดลูกที่สามยิงลึกเข้าไปอีกเพื่อจะให้ทหารถอยออกไป ลูกที่สี่ตกที่ทางแยกเข้าถนนข้าวสาร เป็นการสกัดไม่ให้ทหารที่ถนนข้าวสารถอยกลับมาที่ถนนตะนาวได้ ช่วงนี้กระสุนจริงถูกยิงตอบโต้เข้ามาเยอะ และก็น่าจะเป็นช่วงที่คนชุดดำยิงตอบโต้กลับไป ในภาวะนี้ใครหลบไม่ทันก็ต้องเจอลูกปืนจริง ๆแน่นอน มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเวลานี้หลายคน
โดย แรม ราชประสงค์
18 เมษายน 2553
หมายเหตุไทยอีนิวส์:แรม ราชประสงค์ บอกว่า ได้เขียนลำดับภาพรวมของวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่นำไปสู่เหตุการณ์ 10 เมษาฯเลือด ภายหลังจบเหตุการณ์นี้ โดยได้เข้าไปดูสถานที่เกิดเหตุในภายหลังเหตุการณ์ และสัมภาษณ์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ รวมทั้งเปิดคลิปวีดิโอ เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์หน้านี้ ท่านใดเห็นต่างในข้อเท็จจริงสามารถโต้แย้งมาได้ เพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์
ครั้งแรกเมื่อมีการชุมนุม ของคนเสื้อแดงในวันที่ 14 มีนา 2553 คนส่วนใหญ่คาดว่าการชุมนุมคงจะจบสิ้นในสองสามสัปดาห์ คนเสื้อแดงเองก็คาดว่าถ้า 7 วันไม่จบ 15 วันก็ต้องจบ ไม่มีใครคิดว่าคนจำนวนมากมายขนาดนั้นจะยืนหยัดต่อสู้ได้ยาวนานนับเดือน แกนนำคิดว่าเมื่อนำคนมาจำนวนมาก ๆรัฐบาลจะต้องยอมยุบสภาแน่นอน
ส่วน ทางรัฐบาลก็คิดว่าผู้ชุมนุมมากมายขนาดนั้นไม่น่าอยู่ได้นานนัก ถึงอยู่นานก็ไม่น่าทนอากาศร้อนและความยากลำบากได้ไม่เกินสองสามสัปดาห์ก็คง กลับบ้านแล้ว จากความคิดพื้นฐานว่าคนส่วนใหญ่เป็นม็อบรับจ้าง แต่พอผ่านไปสองสัปดาห์ ทุกคนก็เริ่มไม่แน่ใจ แกนนำผู้ชุมนุมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเดินแต้มต่อไปอย่างไรถึงจะถูก ใกล้สงกรานต์แล้วคนจะเหลืออยู่สักเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็สู้ต่อไป ผู้ชุมนุมเสื้อแดงย้ายมาราชประสงค์ การต่อสู้เปลี่ยนเป็นเกมที่หนักขึ้น รัฐบาลออกประกาศเพื่อจำกัดและควบคุมการชุมนุม ดูเหมือนไม่มีผลอะไร กลับทำให้คนกรุงเทพ ฯและปริมณฑลมาร่วมชุมนุมมากขึ้น การยึดสี่แยกราชประสงค์ทำให้รัฐบาลตัดสินใจสลายการชุมนุม เมื่อรู้แน่ชัดว่าคนเสื้อแดงจะชุมนุมยืดเยื้อจนข้ามเทศกาลสงกรานต์อย่างแน่ นอน
วิเคราะห์
-การปะทะกันครั้งนี้ปรากฎผลที่เป็นภาพและ ข่าวออกมาให้คนทั่วไปรู้ก็คือทหารมีการเสริมอาวุธและกระสุนปืนจริงเข้าไปใช้ และถูกจับได้เป็นจำนวนมาก
-ทหารฝ่ายรัฐมีจุดมุ่งหมายอย่างแรงกล้า ที่จะปิดทีวีจอแดงให้ได้ เพราะคิดว่าถ้าไม่มีทีวีจอแดงจะมีคนมาร่วมน้อยลง เพราะไม่มีการปลุกระดมผ่านสื่อ ทีวีที่เหลือทุกช่องรัฐคุมได้หมดแล้ว คุมได้แม้กระทั่งภาพหรือมุมกล้อง
-กลุ่มคนเสื้อแดงได้บทเรียนจากการ ปะทะครั้งแรก มีความเชื่อมั่นในพลังของตนเองมากขึ้น และพอมองออกว่าทหารส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้อาวุธสงคราม หรือใช้ความรุนแรงมากนัก
เหตุการณ์ สลายการชุมนุม 10 เมษา
1.รัฐบาลคิดว่ากลไกที่สำคัญที่เป็นตัวเชื่อม ของคนเสื้อแดงคือพีทีวีหรือทีวีจอแดง ดังนั้นก่อนจะเริ่มแผนสลายการชุมนุม รัฐบาลจึงบุกเข้าไปบังคับปิดสถานี ว่ากันว่างานนี้ถึงขนาดใช้ปืนจี้บังคับดับสัญญาณที่สถานีโทรคมนาคมที่ลาด หลุมแก้ว ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงก็ยกขบวนเข้าไปทวงคืนในวันถัดไปทันที การปะทะกันครั้งแรกเราจะเห็นภาพก้อนดินจากท้องนาที่คนเสื้อแดงระดมขว้างใส่ ทหาร ซึ่งใช้แก๊สน้ำตาโต้ตอบประปราย ในที่สุดฝ่ายทหารก็ต้องยอมถอยและคนเสื้อแดงก็ต่อสัญญาณใช้ได้ต่อมาอีกเพียง หนึ่งวัน หลังจากนั้นก็ถูกวิชามาร คือการปล่อยสัญญาณรบกวนจนใช้การไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะแก้ได้ก็เพียงชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็กลับมาใช้ไม่ได้เหมือนเดิม
2.แนว ความคิดมาจากความต้องการของรัฐในการสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเองยังมีอำนาจ ในการปกครองและบริหารบ้านเมืองได้ ตัวนายกและรัฐมนตรียังมีความสามารถทำงานได้ แต่ผู้ชุมนุมได้แสดงออกโดยไม่สนใจประกาศต่าง ๆของรัฐบาลเลย ไม่ว่ารัฐบาลจะห้ามอะไร ผู้ชุมนุมก็จะทำสิ่งนั้น ห้ามไปที่ไหน ผู้ชุมนุมก็จะไปที่นั่น
มีแรงบีบจากรอบด้านที่ไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อ แดง ว่ารัฐบาลต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบก่อนสงกรานต์ ถ้าหลังเทศกาลสงกรานต์แล้วกลับมา ยังมีผู้ชุมนุมอยู่เต็มเมือง ก็แสดงว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจที่จะดูแลบ้านเมืองได้ แผนการต่าง ๆจึงถูกกำหนดขึ้น การปิดทีวีจอแดงดูจะเป็นบันไดขั้นแรกของการสลายการชุมนุม แม้เสื้อแดงจะทำให้ทหารถอยร่นไปจากสถานีไทยคมได้ แต่ผลที่สุดแล้ว ทีวีจอแดงก็ใช้งานไม่ได้ นี่เท่ากับว่าแผนขั้นแรกของรัฐบาลได้บรรลุผลแล้ว
3.ทุก ฝ่ายคาดว่าหลังวันที่ 9 เมษาจะเป็นวันหยุดยาว จำนวนผู้ชุมนุมคงมีไม่มาก เพราะคนส่วนหนึ่งจะต้องกลับไปเทศกาลสงกรานต์
การชุมนุมสองจุดที่ ผ่านฟ้าและราชประสงค์ ทำให้กำลังคนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ช่วงบ่ายที่อากาศร้อนจะมีผู้ชุมนุมน้อยมากทั้งสองแห่ง มีคนสรุปว่าผู้ชุมนุมกลัวอากาศร้อนมากกว่าคำประกาศข่มขู่ของศอฉ.
ทำไม ต้องเป็นวันที่ 10 เมษา ไม่ใช่ 11 หรือ 12 เรื่องนี้ไม่มีใครรู้แน่ชัดแต่เข้าใจว่าแผนการสลายการชุมนุมอาจจะตั้งเวลา ไว้กว้าง ๆ จังหวะเหมาะสมวันไหนก็ทำได้เลย วันที่ 10 อาจจะเป็นเพียงการทดลองก็ได้
4.วันที่ 10 เมษา มีการออกข่าวว่าจะสลายผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ เพราะรัฐบาลขอร้องมาหลายครั้งหลายวันแล้ว ให้ผู้ชุมนุมย้ายจากราชประสงค์ไปรวมที่ผ่านฟ้า ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและการจราจร ตอนสายของวันที่ 10 มีการส่งกำลังตำรวจจำนวนมากไปที่เพลินจิต ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากราชประสงค์นัก ทางกลุ่มผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์จึงส่งคนเสื้อแดงจำนวนมากไปกดดันให้ตำรวจออก จากที่ตั้ง
ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมที่ผ่านฟ้าก็รู้ว่ามีการส่งกำลัง ทหารเข้ามาเสริมที่กองทัพภาค 1 บนถนนราชดำเนินจำนวนมาก จึงใช้แผนเดิมคือส่งกำลังไปกดดันให้ออกจากที่ตั้งเหมือนเคย เพราะเคยทำได้สำเร็จเมื่อครั้งที่กดดันให้ทหารออกจากวัดต่าง ๆ แต่คราวนี้ทหารไม่ยอม ใช้รถฉีดน้ำและเคลื่อนกำลังออกมากดดันให้ผู้ชุมนุมถอยร่นไปอย่างไม่เป็นขบวน
5.เวลาบ่ายโมงเศษ กองทหารเคลื่อนมาจากกองทัพภาค 1 และรุกไล่ผู้ชุมนุมเสื้อแดงให้ถอยร่นไปอย่างไม่ยากนัก ช่วงเวลานี้เองน่าจะเป็นจุดตัดสินใจว่าสามารถปฏิบัติการได้เพราะยังมีเวลา อีกสี่ถึงห้าชั่วโมงกว่าจะมืดค่ำ เป้าหมายการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้าก่อนหกโมงเย็นจึงถูกกำหนดขึ้น และแผนที่วางเอาไว้จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้บรรลุผลตามเวลาที่กำหนด
การ บุกกลับของทหารในชั่วโมงแรกได้ผล แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ทำให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงถอยร่นไปได้พอสมควร แม้ได้รับบาดเจ็บแต่ก็ไม่มีผู้เสียชีวิต
6.การปฏิบัติการรุกต่อบนถนน ราชดำเนินนอกของฝ่ายทหารยังดำเนินต่อไป แต่ปฏิกิริยาของคนเสื้อแดงที่ราชประสงค์คือยังนิ่งอยู่ไม่มีการส่งกำลังมา ช่วยเพราะเนื่องจากช่วงบ่ายเป็นช่วงที่มีคนน้อย
บ่ายสองโมงครึ่ง รถไฟฟ้าประกาศหยุดเดินรถ รถเมล์ที่วิ่งผ่านที่ชุมนุมทั้งสองแห่งเปลี่ยนเส้นทาง นั่นหมายความว่าผู้ที่จะเดินทางเข้าไปร่วมกับผู้ชุมนุมสมทบทั้งสองแห่งจะ เดินทางเข้ามาได้ยากขึ้น
แกนนำผู้ชุมนุมคาดการณ์ว่าฝ่ายรัฐบาลต้อง การให้ทางราชประสงค์ส่งคนไปช่วยผ่านฟ้า แล้วนำกำลังมาสลายที่ราชประสงค์ จึงยังไม่ส่งคนไปสนับสนุนผ่านฟ้า แต่กลับเตรียมแผนไว้ว่า ถ้าที่ผ่านฟ้าถูกกดดันหนัก ๆก็จะยอมถอยจากผ่านฟ้ามารวมกันที่ราชประสงค์ โดยถอยเป็นแนวตรงจากหลานหลวงมาที่ราชประสงค์ซึ่งเป็นระยะทางไม่ยาวนัก
7.การ บุกของฝ่ายทหารเริ่มพบแรงต้านที่มากขึ้น ผู้ชมจะเห็นได้ผ่านจอโทรทัศน์ เสียงปืนที่ยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตาดังสนั่นหวั่นไหว เริ่มมีการใช้กระสุนจริงเล็กน้อย ผู้สื่อข่าวได้ถ่ายภาพรถที่ถูกกระสุนและนำหัวกระสุนออกมาให้ดู
ประมาณ สี่โมงเย็น เวลาเหลือน้อยแล้วกองทหารที่เข้าเคลียร์พื้นที่ เปิดแนวรุกเพิ่มขึ้นโดยการตีโอบด้านหลังอีกสองแนวคือเจาะเข้าทางถนนดินสอมา โผล่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตรงหน้าโรงเรียนสตรีวิทย์ อีกแนวหนึ่งเข้าทางบางลำพูผ่านถนนตะนาว โผล่ที่สี่แยกคอกวัว ถ้าถึงถนนราชดำเนินกลางทั้งสองจุดจะร่วมผลักดันผู้ชุมนุมให้ถอยร่นไปที่หน้า เวทีบนสะพานผ่านฟ้าและจะบีบให้ถอยออกไปทางถนนหลานหลวงซึ่งคาดว่าจะเป็นทาง ถอยของผู้ชุมนุมอยู่แล้ว
8.สิ่งที่ไม่คาดคิดสิ่งแรกก็คือ การต่อสู้ต้านทานอย่างทรหดชนิดไม่ยอมถอย ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถนนวิสุทธิกษัตริย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ทหารเคลื่อนเข้ามา สาว ๆที่แต่งตัวเพื่อประกวดนางสงกรานต์ก็ยังแต่งตัวกันอยู่ไม่ไปไหน แต่สักครู่หลังจากกระสุนยางปลิวว่อน เสียงกระสุนปืนและแก๊สน้ำตา ทำให้สาวทั้งหมดที่ยังแต่งหน้าไม่เสร็จวิ่งกันสไบปลิว ชาวบ้านชาวช่องปิดประตูร้านกันอุตลุด สำหรับคนเสื้อแดง วัตถุสิ่งของทุกอย่างที่ขว้างได้ จะถูกนำมาขว้างใส่ทหาร แต่ก็ถูกยิงโต้ตอบด้วยกระสุนยางและแก๊สน้ำตาใส่อย่างไม่ยั้งเช่นกัน ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก แต่ในที่สุดฝ่ายเสื้อแดงก็ต้านไม่ไหว รถสายพานหุ้มเกราะสามคันได้บุกมาจนถึงข้างโรงเรียนสตรีวิทย์ แถวสองยังมีอีกสามคันและยังมีรถฮัมวี่สองคันที่น่าจะเป็นของผู้บัญชาการ ระดับสูง รถลำเลียงทหารอีกต่างหาก ทางด้านถนนตะนาว กองทหารก็บุกตะลุยเข้ามาแล้ว แต่ไม่มีรถสายพานหุ้มเกราะ ด้านนี้ฝ่ายเสื้อแดงนำรถห้าหกคันมาจอดขวางไว้ ดังนั้นแม้หากเอารถสายพานเข้ามาก็ไม่มีประโยชน์เพราะไม่น่าจะฝ่ารถห้าหกคัน นั้นเข้ามาได้
ช่วงเวลานั้นบนเวทีก็ยังมีการปราศรัยกันอยู่ ฝ่ายเสื้อแดงคิดว่าใกล้ค่ำแล้วทหารคงจะหยุดปฏิบัติการ และมีการพูดเตือนจากเวทีว่าฝ่ายทหารไม่ควรสลายการชุมนุมในตอนค่ำเพราะจะควบ คุมไม่ได้
ช่วงเวลานั้นยังไม่มีการปะทะหนัก ผู้ควบคุมการเคลียร์พื้นที่คงเห็นว่ายังไม่มืดสนิท และไหน ๆก็บุกมาจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยซึ่งเป็นด่านสุดท้ายแล้ว อีกนิดเดียวก็น่ะผลักดันผู้ชุมนุมให้ถอยไปจากผ่านฟ้าได้ จะเป็นผลงานที่ทำให้รัฐบาลไม่เสียหน้า ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถสลายฝูงชนที่ราชประสงค์ได้ก็ตาม และก็จะเป็นการข่มขวัญให้ผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์หวาดกลัว อาจยอมพักรบในช่วงสงกรานต์ การเคลียร์พื้นที่จึงดำเนินต่อไป การตัดสินใจณ.เวลานั้น ไม่ทราบว่ามีใครได้โทรศัพท์ปรึกษากับใครบ้าง และการตัดสินใจลุยต่อในขณะที่จะมืดค่ำนี้เป็นการตัดสินใจของใคร ? อันนี้ต้องไปสืบกันเอาเอง
9.ในที่สุดความมืดก็มาเยือน ถึงตอนนี้มีการใช้กระสุนจริงบ้างแล้ว มีการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม แล้วพวกผู้ชุมนุมก็จะคว้ากระป๋องแก๊สน้ำตาขว้างเข้าใส่รถหุ้มเกราะและทหาร ซึ่งอยู่บริเวณนั้น ซึ่งลมพัดไปทางทหารพอดี ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว แนวรับที่สี่แยกคอกวัว เสื้อแดงยังต้านทหารไว้ได้เหลืออีกเพียง20-30 เมตร ทหารก็จะถึงถนนราชดำเนิน ในขณะที่แนวถนนดินสอรถสายพานหุ้มเกราะสามารถพาทหารเข้าสู่ถนนราชดำเนินได้ แล้ว แต่มวลชนเสื้อแดงก็ไม่ยอมถอย ระดมขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ทหารอย่างไม่คิดชีวิต สำหรับฝ่ายทหารแล้ว อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จ การใช้กระสุนจริงขณะนี้มีมากขึ้น ผู้ชุมนุมหลายคนชี้ให้ดูกระสุนที่วิ่งกระทบพื้น และชี้ไปตามตึกข้างบน ทหารบางคนที่อยู่บนรถหุ้มเกราะก็แหงนหน้าขึ้นมองเช่นกัน แต่ลูกปืนยังพุ่งใส่ประชาชนที่ยังอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแต่ก็ไม่ มากนัก และเป็นการยิงทีละนัด แต่ส่วนที่เดินเท้าก็บุกตะลุยเข้ามาบนถนนหน้าแมคโดนัลด์
ข่าวผู้ เสียชีวิตไปถึงรัฐบาลแล้ว รัฐบาลน่าจะรู้ข่าวนี้ก่อนคนเสื้อแดง เพราะเป็นการเสียชีวิตจากคนที่บาดเจ็บและไปตายที่โรงพยาบาลของรัฐ คนเสื้อแดงก็รู้ว่ามีคนเสียชีวิตเช่นกันเพราะมีคนวิ่งมาบอกที่เวทีว่า มีผู้เสียชีวิตในแนวปะทะ
แกนนำที่ราชประสงค์ระดมคน เข้าไปช่วยสกัดทหารที่ผ่านฟ้า ทางฝ่ายรัฐบาลพยายามติดต่อแกนนำเสื้อแดงเพื่อหย่าศึกชั่วคราว
วิเคราะห์
ช่วง เวลานี้ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารซึ่งอยู่ในสนามคงต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร ต่อไป ในเวลาเดียวกันแกนนำเสื้อแดงก็ต้องตัดสินใจว่าจะสู้ไหวมั้ย ถ้าถอยจะถอยอย่างไร แต่ละนาทีในช่วงนี้มีความหมาย เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการผันแปรที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้าง หน้า
10.สภาพเหตุการณ์จริงในสนาม เหตุการณ์ที่ดูจากคลิปวีดิโอที่ถ่ายมา ขณะนี้มืดสนิทแล้ว ถ้าไม่มีแสงไฟกล้องจะจับภาพได้ไม่ชัด การดันกันทั้งสองแนว คือที่สี่แยกคอกวัวทหารยังรุกเข้ามาไม่ได้ แต่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทหารรุกคืบมาถนนราชดำเนินได้แล้ว การปะทะทั้งสองแนวยังดำเนินต่อไป สิ่งของทุกชนิดที่ใช้ขว้างปาได้ ถูกระดมขว้างใส่ทหาร
ในความมืดนั้นคนชุดดำปรากฏตัวขึ้นแล้ว
แนว ปะทะที่สี่แยกคอกวัว มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกหามออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น ภาพที่เห็นจากคลิปวีดิโอ ระเบิดเอ็ม 79 น่าจะตกกลางแถวทหารประมาณแถวที่สอง ทหารล้มลงหลายคน และพยายามลากผู้บาดเจ็บถอยหลังหนี ระเบิดลูกที่สองซึ่งน่าจะมาจากคนยิงคนเดิมยิงลึกเข้าไปทางด้านขวามือของ ระเบิดลูกแรก ลูกนี้ก็น่าจะทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก ส่วนระเบิดลูกที่สามเห็นไม่ชัดเจน แต่ยิงลึกเข้าไปอีกเพื่อจะให้ทหารถอยออกไป ลูกที่สี่ภาพจากคลิปวีดิโอตกที่ทางแยกเข้าถนนข้าวสาร เป็นการสกัดไม่ให้ทหารที่ถนนข้าวสารถอยกลับมาที่ถนนตะนาวได้ ช่วงนี้กระสุนจริงถูกยิงตอบโต้เข้ามาเยอะ และก็น่าจะเป็นช่วงที่คนชุดดำยิงตอบโต้กลับไป ในภาวะนี้ใครหลบไม่ทันก็ต้องเจอลูกปืนจริง ๆแน่นอน มีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเวลานี้หลายคน
ที่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตยทหารดูเหมือนจะยึดพื้นที่ได้เกือบครึ่งหนึ่งแล้ว เสียงทหารพูดผ่านลำโพงดังสนั่นว่าให้ประชาชนออกไปจากพื้นที่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แก๊สน้ำตาปลิวว่อน เศษไม้ ก้อนหิน ขวดน้ำก็ปลิวว่อน ช่วงขณะหนึ่งกำลังของฝ่ายเสื้อแดงผลักดันให้ทหารถอยร่นกลับไป ทำให้ทหารจากบริเวณอนุสาวรีย์ทั้งหมดถอยเข้าไปอยู่หลังรถหุ้มเกราะข้าง โรงเรียนสตรีวิทย์ ในแนวถนนดินสอ ฝ่ายเสื้อแดงรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับชัยชนะแล้ว
คนเสื้อแดงประมาณ สองสามพันคนมาชุมนุมกันอยู่รอบฐานอนุสาวรีย์ บางส่วนไปยืนออกันอยู่หน้ารถสายพานหุ้มเกราะ ห่างจากทหารไม่กี่เมตรเพราะทหารก็ยืนอยู่ท้ายรถสายพานหุ้มเกราะ คนเสื้อแดงส่งเสียงไชโยโห่ร้องและก็มีการเปิดเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ทั่วถนนรอบอนุสาวรีย์ ทหารก็ไม่ได้ถอยไปไหนยืนอยู่หลังรถหุ้มเกราะและตั้งแนวรับอยู่ในถนนดินสอ
เสียง เพลงของคนเสื้อแดงยังไม่ทันจบเพลงแรก บรรยากาศก็เปลี่ยนไป มีเสียงปืนดังขึ้น ขวดน้ำและสารพัดวัสดุก็ถูกเขวี้ยงเข้าใส่ ช่วงนี้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บรรยากาศที่สงบและมีเสียงเพลงจึงเปลี่ยนเป็นฉากบู๊อีกครั้ง มีเสียงจากบนรถตะโกนว่าทหารอย่าฆ่าประชาชน เหตุการณ์อย่างนี้ดำเนินต่อไปครู่หนึ่ง จากคลิปวีดิโอจะเห็นมีแสงสว่างวาบอยู่ไกลด้านหลังกองทหาร เหมือนมีการระเบิด จากนั้นอีกครู่หนึ่งก็มีการระเบิดระหว่างรถหุ้มเกราะซึ่งมีผลให้ทหารบาดเจ็บ ระเบิดลูกที่สองมีผลทำให้ทหารถอยทันที
พวกเสื้อแดงบุกตามแต่คนบนรถ ได้ตะโกนห้ามไว้ บอกว่าถ้าใครบุกตามเข้าไปถือว่าแดงเทียม เหตุการณ์ตรงนี้เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งถ้ามีการบุกตะลุมบอนกันเข้าไป น่าจะมีคนบาดเจ็บและเสียชีวิตมากมายทั้งสองฝ่าย แต่เหตุการณ์ยุติเพียงแค่นั้นทำให้ทหารที่ถนนดินสอถอยออกไปได้ พวกเสื้อแดงลำเลียงผู้บาดเจ็บที่มีทั้งทหารและคนเสื้อแดงขึ้นรถของมูลนิธิไป โรงพยาบาลต่าง ๆ
ทหารบางส่วนที่ยังติดอยู่ในรถสายพานหุ้มเกราะก็ถูก เรียกให้ออกมาโดยไม่ทำอันตราย สภาพการณ์คล้าย ๆจะสงบลงแล้ว แต่ยังมีการยิงจากที่สูงลงมาประปราย หลายนัดยิงใส่ผนังตึก และบางนัดยิงใส่ผู้ชุมนุม ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า การซุ่มยิงอย่างนี้มีต่อไปอีกหลังจากทหารถอนกำลังไปแล้วประมาณหนึ่งชั่วโมง จากคลิปวีดิโอ จะมีภาพชายเสื้อแดงคนหนึ่งถูกยิงที่ศีรษะบนถนนรอบอนุสาวรีย์ และคลิปอีกอันหนึ่งมีผู้ชุมนุมตะโกนห้ามปรามกันว่า
“อย่าเข้าไป พวกมันลงมาจากตึกแล้ว เดี๋ยวพวกมันจะยิงเอา”
ในขณะที่มองเห็นเป็น เพียงเงาดำ ๆของคนที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างตึก
หลังจากนั้นเสื้อแดงก็ เข้าไปรื้อทำลายรถ ก่อนหน้านี้มีการติดต่อขอรถคืน มีเสียงคนที่ยืนอยู่บนรถหุ้มเกราะตะโกนว่า “ทหารเขาติดต่อขอรถคืน” เสียงผู้ชุมนุมตะโกตอบไม่ยอมให้รถคืน เข้าใจว่ารถคงถูกรื้อพังหลังจากนั้นไม่กี่นาที แต่มีคนห้ามไม่ให้เผา เพราะอาจมีการระเบิดหรือไฟไหม้รอบบริเวณนั้นได้ ขณะนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝ่ายทหาร
วิเคราะห์
ช่วง เวลาต่างๆที่เกิดเหตุการณ์หลายเหตุการณ์น่าจะใกล้เคียงกัน ระบบของฝ่ายเสื้อแดงไม่น่าจะบันทึกเวลาได้ แต่ฝ่ายทหารน่าจะบันทึกเวลาได้ ปรากฏว่ามีระเบิดซึ่งยืนยันไม่ได้ว่าเป็นชนิดใดตกที่เต็นท์บัญชาการ ทำให้มีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาเสียชีวิตหนึ่งคน บาดเจ็บสองคน และจุดนี้น่าจะเป็นผลให้เกิดการถอยและยกเลิกปฏิบัติการในค่ำนั้นทันที การตกลงหย่าศึกระหว่างคนเสื้อแดงกับรัฐบาลจึงเกิดขึ้นและมีผลในทางปฏิบัติ ณ.เวลานั้น
ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสน่าจะถูกยิงในชั่วโมงสุดท้าย ของการสลายผู้ชุมนุม
คำถาม นินจาที่ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ทั้งสองจุด (บางจุดอาจเป็นการขว้างระเบิด )ยังไม่มีใครรู้แน่ว่าเป็นใคร ? แต่พอเหตุการณ์สงบก็หายไป คนชุดดำที่ยิงปืนใส่ทหารเป็นใคร? พลซุ่มยิงที่อยู่บนตึกยิงใส่คนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นใคร ?
ใน ความเป็นจริงคนบาดเจ็บต้องมีเกินหนึ่งพัน ไม่ใช่แค่แปดร้อยกว่า แต่มีคนจำนวนมากที่ถูกกระสุนยางแล้วไม่ไปแจ้งความ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เขาอาจถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายก็ได้
ก่อนสี่ทุ่มผู้ ที่อยู่ในเหตุการณ์ประเมินว่า อาจมีผู้เสียชีวิตถึงสามสิบราย เขาสังเกตคนที่ถูกหามขึ้นรถว่าบาดแผลที่ถูกยิงมีอาการสาหัสมาก ขณะนั้นผู้ประเมินไม่รู้ว่าฝ่ายทหารมีคนบาดเจ็บเท่าไหร่ เขาประเมินจากฝ่ายประชาชนเท่านั้น วันนี้เรียบเรียงเหตุการณ์และลำดับภาพเพื่อให้ผู้อ่านได้มองภาพรวมได้ ส่วนการวิเคราะห์จะหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อเขียนต่อตอน 2
โปรดติดตาม เมื่อหายนะมาเยือน...ตอน 2 ต่อไป
เพื่อไทย
Monday, April 19, 2010
เมื่อหายนะ...มาเยือน เบื้องหน้าเบื้องหลังการสลายการชุมนุม 10 เมษายน 2553
เมื่อหายนะ...มาเยือน เบื้องหน้าเบื้องหลังการสลายการชุมนุม 10 เมษายน 2553