WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, August 8, 2010

นักเรียน ม.5 ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่เชียงราย ถูกนัดเข้าบำบัดจิต

ที่มา ประชาไท

สถานพินิจฯ ชร.นัด นักเรียน ม.5 เข้าบำบัดจิต 16 - 17 ส.ค.นี้ หลังไปรายงานตัวคดีผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรณีชูป้าย “ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์” เจ้าตัวงงไปตรวจสภาพจิตผลยังไม่ออก ทำไมต้องเข้าบำบัด เผยแม่หนักใจคดีอาจยืดเยื่อ แต่ยันกำลังใจยังดี

วันนี้ (2 ส.ค.53) นายกอ (นามสมุติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ผู้ตกเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืน พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) กรณีชูป้าย “ผมเห็นคนตายที่ราชประสงค์” “นายกครับอย่าเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นะครับ ไม่งั้นรัฐบาลจะพัง” และ “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องคงไว้เพื่อไม่ให้ความจริงปรากฏ” ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายซึ่งยังมีการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่อยู่ในขณะนี้ ได้เข้ารับการตรวจสภาพจิตกับเจ้าหน้าที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย หลังจากที่ได้ไปรายงานตัวที่สถานพินิจฯ แล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา

ภาพจาก Danny Chiangrai
นายกอให้ข้อมูลว่า ในช่วงเช้าวันนี้ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ เชียงราย และได้ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา ซึ่งมีทั้งการตอบคำถาม ให้วาดรูป และให้นำภาพมาประกอบกัน ซึ่งคิดว่าเพื่อดูความมีเหตุมีผลในการคิดตัดสินใจ จากนั้นเมื่อได้ทำการคืนแบบทดสอบถาม เจ้าหน้าที่ก็ส่งใบนัดให้ไปบำบัดจิต ในวันที่ 16 - 17 ส.ค.นี้ตั้งแต่ 9.00 -16.00 น.ทั้งที่ยังไม่ได้ทำการตรวจแบบทดสอบที่ให้มาก่อนหน้านี้ ทำให้รู้สึกงงที่ต้องไปบำบัดทั้งที่ยังไม่ทราบผลการตรวจ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังย้ำบอกให้มาตามนัดด้วย
เขากล่าวด้วยว่า การที่ต้องไปให้ของมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมา ทำให้ต้องขาดเรียนบ่อยครั้ง และในครั้งนี้เจ้าหน้าที่สถานพินิจก็นัดในวันจันทร์-อังคาร ทำให้เกรงจะมีปัญหากับการเรียน อีกทั้งงานที่ต้องส่งอาจารย์มีมาก เนื่องจากขณะนี้ใกล้ปิดเทอมแล้ว ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเมื่อต้องขาดเรียนจะมีเพื่อนๆ คอยเก็บงานไว้ให้ว่าจะต้องทำอะไร และจากคดีความที่เกิดขึ้นเจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อใดๆ ความสัมพันธ์กับเพื่อนและอาจารย์ที่โรงเรียน
นายกอเล่าถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ไปร่วมทำกิจกรรมกับนักศึกษาในจังหวัดเชียงรายอีก 4 จนกลายเป็นกรณีครึกโครมในขณะนี้ว่า เป็นการนัดกันผ่านทาง Facebook และวันที่ทำกิจกรรมก็เป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก โดยได้ไปทำกิจกรรมชูป้ายกันที่ตลาดสดเทศบาล ที่หอนาฬิกาแห่งใหม่ซึ่งได้เดินไปจนถึงหอนาฬิกาเก่า ซึ่งก็มีคนผ่านไปยกนิ้วและยิ้มให้ จากนั้นก็ไปที่ทางขึ้นศาลากลางจังหวัดโดยยืนถ่ายรูปกันอยู่ราว 10 นาที ไม่คาดฝันว่าเหตุการณ์จะเป็นถึงขนาดนี้

“ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะคิดว่าเป็นการแสดงความเห็นทางการเมืองในพื้นที่ ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน” นายกอกล่าว อีกทั้งยังบอกด้วยว่าตอนที่ทำกิจกรรมนั้นรู้สึกว่าตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้เขาต้องกลับมาตั้งคำถามว่าได้ทำผิดจริงหรือไม่ ผิดอย่างไร? และข้อกล่าวหาที่ว่าทำให้เกิดความหวาดกลัวนั้นคือหวาดกลัวอะไร?

นายกอ เล่าต่อมาว่าช่วงแรกๆ ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเขารู้สึกกลัว เพราะหลังทำกิจกรรมในวันที่ 16 ก.ค.ได้มีตำรวจมาหาที่บ้านถึง 2 ครั้งในวันเดียวกันเพื่อมาสอบถามและขอค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ จากนั้นในวันจันท์ที่ 19 ก็มาที่บ้านอีกครั้งพร้อมกับหมายค้นและหมายเรียกผู้ต้องหา โดยได้ยึดเอาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเขาไปด้วยโดยอ้างว่านำไปตรวจสอบข้อมูลซึ่งถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการรายงานผลการตรวจสอบ และยังไม่มีการคืนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
ส่วนผลกระทบต่อครอบครัว นักเรียนชั้น ม.5 คนดังกล่าวเล่าว่าคุณแม่ของเขาเครียดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับจากปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันว่าจะไปปรึกษาใคร จะทำอย่างไรกันดี เพราะนอกจากคดีความแล้วยังกลัวว่าจะส่งผลกระทบกับหน้าที่การงานของคุณพ่อ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ขู่ว่าถ้าไม่ให้ความร่วมมือพ่อซึ่งเป็นข้าราชการอาจโดนคำสั่งโยกย้าย และขณะนี้ก็เริ่มกลับมาเครียดอีกครั้งเนื่องจากเกรงว่าเรื่องจะยืดเยื้อต่อไปไม่ยอมจบ
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการพูดว่าพวกเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง นายกอกล่าวว่าคนที่พูดไม่มีสิทธิมากล่าวหาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานอะไร ส่วนคนเสื้อแดงที่ถูกหมายเรียกพร้อมๆ กันนั้นเป็นเพียงคนที่เคยพบกันและมีการขอชื่อเพื่อคุยกันผ่าน Facebook ไม่ได้มีการนัดแนะร่วมกันในการทำกิจกรรม ดังที่มีคนพยายามโยงใย
“เราไม่ใช่เครื่องมือ เพราะสิ่งที่ผมทำมันคือความเห็นของผมเอง” นายกอ กล่าว
นายกอกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เขามีกำลังที่ดีจากคนรอบข้างทั้งพ่อ-แม่ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ต่างบอกให้เขาสู้ต่อไป ส่วนคนอื่นๆ ที่ร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน จากที่ผ่านมาได้เจอและได้พูดคุยถามไถ่ว่ากำลังใจยังดีอยู่ไหม คำตอบที่ได้คือกำลังใจยังดีกันทุกคน
“ผมจะพูดตามความจริง ข้อกล่าวหาอะไรที่ไม่ใช่ความจริงจะปฏิเสธ" นักเรียนชั้น ม.5 กล่าวเมื่อถามถึงสิ่งที่เขาจะทำต่อไปในการต่อสู้กับข้อกล่าวหา ส่วนจะทำกิจกรรมอะไรต่อไปหรือไม่คงต้องรอให้มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่เสียก่อน
ทั้งนี้ จากกิจกรรมชูป้ายคัดค้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นายกอและนักศึกษาอีก 4 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมือง จ.เชียงราย ตั้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามมาตรา 9 (1) และ (2) คือ ชุมนุมหรือมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยง ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ประกาศกำหนด ร่วมกันเสนอข่าว ทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งพิมพ์หรือสิ่งอื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน มีโทษสูงสุดคือจำคุก 2 ปีและปรับไม่เกิน 20,000 บาท