สุดกังขา มติ กกต. ตัดสินคน ปชป. ซื้อเสียง 1.3 ล้านที่เพชรบูรณ์ แค่ใบเหลือง ทั้งที่ยอมรับเองว่าผู้สมัครมีส่วนรู้เห็น แถม กกต.จังหวัดยังไปจับมาเองกับมือ จี้เปิดตัว 2 กกต. พร้อมชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณชนให้คลายข้อสงสัย ด้านนักกฎหมายไล่ กกต.กลับไปอ่านรัฐธรรมนูญใหม่ ระบุคนแค่ 5 คน ไม่มีสิทธิ์ทำลายอำนาจอธิปไตยที่เป็นของคนไทยทั้งประเทศ ส่วนกรณี ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 2 ร้องถูกสร้างพยาน-หลักฐานเท็จ มีเค้าความจริง หลัง กกต. ยกคำร้องแล้ว
จากกรณีการพิจารณาความผิดเงินซื้อเสียง 1.3 ล้านบาท ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ของนายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการพิจารณาแจก “ใบเหลือง” ทั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คน มีมติให้ใบแดง 3 คน ให้ใบเหลือง 2 คน เป็นประเด็นที่ทำให้สังคมเกิดความกังวลสงสัย และเพิ่มความไม่สบายใจในการทำงานของ กกต. มากยิ่งขึ้น
โดยมีการตั้งข้อสังเกตุว่า กกต. มีการทำงานหลายมาตรฐาน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปรียบเทียบกับการพิจารณาให้ “ใบแดง” ว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชน ที่ จ.บุรีรัมย์ เขต 1 ซึ่งถูกร้องเรียนด้วยจำนวนเงินเพียง 300 บาท รวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นยังไปสอดคล้องกับข่าวที่มีออกมาก่อนหน้านี้ว่ามี “ใบสั่ง” ให้ กกต. สกัดกั้น ส.ส. พรรคพลังประชาชนให้ได้มากที่สุด
กรณีดังกล่าว นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน ในฐานะทีมกฏหมายของพรรค แสดงความคลางแคลงใจต่อการให้ใบเหลือง กับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ในจังหวัด เพชรบูรณ์ ที่เจ้าหน้าที่ กกต. จังหวัดเพชรบูรณ์ นำทีมไปจับมาได้ ด้วยตัวเอง พร้อมกับข้าราชการตำรวจอีกหลายคน แต่กกต.กลับแจกเพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้น
“ผมทราบมาว่า เจ้าหน้าที่หลายคนในจังหวัด เพชรบูรณ์ มีความอึดอัดใจ เพราะว่า มีการดำเนินการจับกุม แล้ว ได้หลักฐานคือเงินสด 1.3 ล้านบาท พร้อมโพยหมายเลข แต่มีการนำสำนวนนี้ไปให้ ตำรวจจากส่วนกลางที่ กกต.ส่งไป ในจังหวัดเขาพูดกันถึงว่า กรณีนี้ โดนใบแดง แน่ แต่ผลที่สุดกลับได้แค่ใบเหลือง เป็นเรื่องที่พรรคพลังประชาชน จะเก็บข้อมูลเอาไว้ เพื่อนำไปเป็นกรณีศึกษาต่อไป”
จี้กกต.แจงแจกเหลืองปชป.
นายศุภชัย กล่าวว่า ในวันนี้ ผมเรียกร้องให้ กกต. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต และ เที่ยงธรรม เพราะหากนำกรณีของ จังหวัดบุรีรัมย์ มาเทียบเคียง และ การตัดสินของ กกต. ในอดีต เราจะพบว่า หากผู้สมัครไม่ได้ทำเอง จะให้แค่ใบเหลือง แต่ที่บุรีรัมย์ ผู้อื่นที่ไม่ใช่ผู้สมัครเป็นคนทำกลับให้ใบแดง อันนี้คือสิ่งที่ไม่ปกติในการดำเนินการ
“ในการลงมติของ กกต. ก็ยังเป็นข้อที่น่ากังวลสงสัย ซึ่งผมเชื่อประชาชนคงอยากรู้ว่า กกต. ทั้ง 2 คนที่เห็นว่าควรจะแจกใบเหลืองเป็นใคร และมีเหตุผลอย่างไรในการตัดสินเช่นนั้น” รองโฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ยังได้บอกเองว่าการพิจารณาของ กกต. อยู่บนพื้นฐานพฤติกรรมและเห็นว่าผู้สมัครมีส่วนรู้เห็น
ฉะ!ขบวนการฉุดรั้งปชต.
ด้านนายคณิณ บุญสุวรรณ นักกฎหมายและอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงเรื่อวงเดียวกันนี้ ว่า การปฏิบัติหน้าที่ของกกต.ควรมีความโปร่งใสมากกว่านี้ เพราะการพิจารณาให้ใบเหลือง- ใบแดงแก่ผู้สมัครสส.นั้นยังดำเนินการอย่างไม่รอบคอบ
เนื่องจาก ระยะเวลาในการพิจารณาพยานหลักฐานนั้นรวดเร็วเกินไป และมีหลายสิ่งที่แสดงว่าอำนาจประชาธิปไตยตกอยู่ในอำนาจของ กกต.เพียง 5 คน ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะชลอกระบวนการประชาธิปไตยให้ล่าช้าลง และเป็นการทำร้ายประเทศชาติในทางอ้อม
การกระทำเช่นนี้ทำให้กระบวนการในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความล่าช้า และกระบวนการประชาธิปไตยมัวหมอง และหากมีการเลือกต้งซ่อมใหม่ ก็จะทำให้สูญเสียงบประมาณแผ่นดินโดยใช่เหตุ
ไล่กกต.กลับไปอ่านรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 5 ท่าน ควรกลับไปพิจารณารัฐธรรมนูญ ว่าอำนาจประชาธิปไตยเป็นของประชาชน จะไม่สนใจเลยไม่ได้ หรือหากว่าจะรับหน้าที่จากฝ่ายใดก็ตามแต่ แต่สุดท้ายแล้วประชาชนก็คือผู้กุมอำนาจประชาธิปไตยที่แท้จริง
การที กกต.จะไม่สนใจเสียงของประชาชน ที่เป็นผู้เลือก ส.ส.มานับแสนเสียง ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และการให้ใบแดง-ใบเหลืองอย่างไม่รอบคอบ เท่ากับเป็นการประหารชีวิตนักการเมืองคนหนึ่ง ที่อาสาเข้ามาพัฒนาประเทศ และเป็นการทำลายประชาขนอย่างแท้จริง
นอกจากนี้นายคณิน กล่าวด้วยว่าหากมีการระบุว่าผู้สมัคร ส.ส.มีการกระทำความผิด กกต.เองก็น่าจะมีความผิดด้วย ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งแต่กลับปล่อยให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เป็นความบกพร่องต่อหน้าที่
นายคณิน ยังฝากถึง กกต. ด้วยว่าควรปล่อยให้กระบวนการจัดต้งรัฐบาลดำเนินต่อไปตามครรลอง ส่วนการพิจารณาความผิด ส.ส. ที่เข้าข่ายทุจริตการเลือกตั้งนั้น ก็สามารถดำเนินการย้อนหลังได้ หากมั่นใจในพยานและหลักฐานที่อยู่ในมือ เพราะประเทศษชาติต้องเดินหน้าต่อไป
ยกคำร้องบุรีรัมย์เขต2พปช.
สำหรับความเคลื่อนไหวที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมยังคงเดินหน้าพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านว่าที่ ส.ส.อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน อีก 17 สำนวน รวมถึงการเข้าชี้แจงข้อร้องเรียนของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน และกรณีของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ที่ต้องเข้าชี้แจงต่อ กกต.หลังถูกลูกพรรคมัชฌิมาธิปไตย ร้องเรียนว่าพ้นจากหัวหน้าพรรค ด้วย
โดยผลการพิจารณามีการแจกใบแดงอีก 1 ใบ ให้กับ นายสุนทร วิลาวัลย์ รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่าที่ส.ส. เขต 1 จ.ปราจีนบุรี กรณีแจกเงินให้แก่ประชาชนเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนเสียง ทำให้ถึงขณะนี้ มีว่าที่ ส.ส.เจอใบแดงไปแล้วรวมเป็น 6 ใบ
ขณะเดียวกันก็มีการยกคำร้องอีก 7 สำนวน รวมทั้งเขต 2 บุรีรัมย์ พรรคพลังประชาชน ที่ว่าที่ ส.ส.ของพรรค ได้ไปร้องต่อกกต. กรณีถูกสร้างพยานหลักฐานเท็จ ที่เกี่ยวโยงไปถึงนายเปียง โสมวิเศษ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดด้วย
“ประชัย” โผล่แจงสถานภาพ
ขณะที่วันเดียวกัน นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้เดินทางไปยังสำนักงาน กกต. พร้อมนำเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจงกับนายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพรรคการเมือง เกี่ยวกับสถานภาพการเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายธนพร ศรียากูล รองหัวหน้าพรรคและนายทะเบียนพรรค ได้ร้องเรียนไปยัง กกต.ว่า นายประชัย ได้สิ้นสุดจากการเป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากได้เขียนใบลาออกจากจำแหน่งสมาชิกพรรคแล้ว จึงไม่สามารถที่จะลงนามและสั่งการในเรื่องต่างๆ ได้
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวด้วยว่า ในวันที่ 9 ม.ค. นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับ กกต. ในเรื่องนี้ด้วย
ร้องยุบพรรคประชาราช
ด้านนายอัมรินทร์ ยี่เฮง เลขาธิการองค์กรประชาธิปไตยภาคประชาชน ได้ยื่นเรื่องต่อกกต. ให้เพิกถอนการประกาศรับรองผลนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช และส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 5 นายฐานิสร์ เทียนทอง นางสาวตรีนุช เทียนทอง และนายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.เขตพรรคประชาราช จ.สระแก้ว พร้อมทั้งขอให้ยุบพรรคประชาราช เนื่องจากส.ส.พรรคประชาราชทั้ง 3 คนมีพฤติกรรมผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแจกเงินซื้อเสียง ซึ่งตนได้ยื่นเรื่องร้องคัดค้านไปที่จังหวัดและส่วนกลางแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการพิจารณา
ติงกกต.อย่าพยายามโยงพรรค
ทางด้าน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคในวันเดียวกันนี้ว่า หลังจากที่ กกต.ให้ใบเหลืองและใบแดงแก่ว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้มีความพยายามที่จะโยงมาเป็นความผิดของพรรคด้วย เพื่อความชัดเจนจึงขอยืนยันว่าพรรคพลังประชาชนไม่เคยสนับสนุน ยุยงส่งเสริมให้กระทำความผิดใดๆ ทั้งสิ้น
โดยทันทีที่เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง พรรคได้ประกาศข้อห้าม 45 ข้อแก่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกราย หาก กกต.ลงโทษว่าที่ ส.ส.รายใดต้องถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค จึงไม่ควรนำมาเป็นสาเหตุโยงให้เป็นการกระทำของพรรคพลังประชาชน
ร้องศาลระงับเลือกซ่อมบุรีรัมย์
ด้านนายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน และนายรุ่งโรจน์ ทองศรี ว่าที่ส.ส. พรรคพลังประชาชน เขต 1 จ.บุรีรัมย์ที่ถูก กกต.ให้ใบแดง พร้อมด้วย นายธนชาติ ธรรมโชติ ทนายความ เดินทางยืนคำร้องต่อศาลฎีกาคดีเลือกตั้งเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกกต.ที่มีมติให้ใบแดงและขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการประกาศเลือกตั้งใหม่ใน จ.บุรีรัมย์ เขต 1 ไว้ก่อน
โดยศาลฎีกาแผนกคดีการเลือกตั้ง ได้นัดให้มาฟังตามคำร้องคำร้องเพิกถอนใบแดงในวันศุกร์ที่ 11 ม.ค.
จองเวรพปช.บุรีรัมย์ไม่เลิก
ส่วนความคืบหน้าภายหลัง กกต.กลางมีมติแจกใบเหลืองให้นายสุทัศน์ จันทร์แสงสี ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์ เขต 1 นั้น ร.ต.ต.อิศเรศฤทธิ์ นิลวงศ์ ประธาน กกต.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า กกต.เพชรบูรณ์ พร้อมจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ เพียงรอให้ กกต.กลางประกาศวันเลือกตั้งออกมาเท่านั้น
เช่นเดียวกับว่าที่ ร้อยตรี ดุสิต พรหมสิทธิ์ กกต.ประจำ จ.อุดรธานี ฝ่ายบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง ความคืบหน้าภายหลัง กกต.กลาง มีมติแจกใบเหลืองให้ผู้สมัครพรรคพลังประชาชน เขตเลือกตั้งที่ 1 , 2 และ 3 จำนวน 8 คน ว่ามีความพร้อม 100% ทั้งบุคลากรและอุปกรณ์
ขณะเดียวกันมีรายงานว่านายเกษม วัฒนธรรม ประธานกรรมการเลือกตั้งจังหวัดบุรีรัมย์ เตรียมนำเอกสารหลักฐานในเรื่องของการทุจริตเลือกตั้งจังหวัดบุรีรัมย์ อีก 1 เขต เข้ามาชี้ต่อคณะกรรมการเลือกตั้งในวันที่ 9 มกราคมนี้