ความหวาดระแวง ตั้งแต่ครั้งเมื่อเกิดวิกฤติการเมือง ทำให้เสถียรภาพทางการเมืองบ้านเราไม่ค่อยจะมั่นคง ยกตัวอย่างจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมว่าบรรยากาศภายในทางการเมืองจริงๆ ก็อยากจะเจรจาสงบศึก เพียงแต่ว่า อะไรบางอย่างที่ค้ำคออยู่ อะไรบางอย่างที่ร่วมมือกันก่อขึ้นมา ภารกิจบางอย่างที่ต้องสานต่อให้จบ ทำให้ ต้องเดินหน้าเป็นเส้นขนานระหว่างพรรคการเมืองสองขั้ว
ระหว่างพลังประชาชนกับประชาธิปัตย์
ถึงแม้พลังประชาชน หรือไทยรักไทยเดิมจะถูกยุบพรรคอีกกี่ครั้ง ก็ยังเป็นขั้วการเมืองที่อยู่ตรงกันข้ามกับประชาธิปัตย์ ยิ่งอำนาจนอกระบบเข้ามากดดันมากเท่าไหร่ ยิ่งเล่นการเมืองกันพลิกแพลงเท่าไหร่
ยิ่งพลังประชาชนถูกทุบมากเท่าไหร่
ก็จะทำให้ขั้วการเมืองขั้วนี้แข็งแรงยิ่งขึ้น อย่างหนึ่งที่มองเห็นคือ การรวมตัวกันเป็นปึกแผ่น ไม่เฉพาะคนในพรรคเท่านั้นแต่หมายรวมไปถึง ประชาชนที่เลือกข้างพรรคนี้ด้วย อย่างที่ผมเคยย้ำไปแล้วว่าจะเข้าทำนอง การเมืองภาคนิยม ไประยะหนึ่ง
ซึ่งจะทำให้พรรคการเมืองต้องระวังตัวมากขึ้น และจะต้องใช้ผลงานเป็นตัวตัดสินมากขึ้น ในวิกฤติจากการยึดอำนาจที่ผ่านมาก็มีโอกาสที่แทรกอยู่
คือการพัฒนาทางการเมืองไปสู่พรรคใหญ่สองหรือสามพรรค
ปัจจัยหนึ่งก็คือ การเมืองภาคนิยมเป็นตัวบังคับ ใครที่จะลงภาคใต้ถ้าไม่สังกัดประชาธิปัตย์ก็ต้องคิดมากหน่อย ใครจะลงภาคเหนือภาคอีสานถ้าไม่สังกัดพลังประชาชนก็หืดขึ้นคอ
จะเพราะกระแสหรือกระสุนก็เป็นอีกเรื่อง
คนระดับหัวหน้าพรรคหรือแกนนำคนดังๆยังเดี้ยงมาแล้ว เป็นบทเรียนราคาแพงที่สุด ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นการเมืองภาพรวมในอนาคต
และอนาคตทางการเมืองต่อจากนี้ไปจะถูกล็อกโดยอำนาจของประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้อีกนั่นแหละ แม้จะมีม่านสีเขียวเข้ามาบดบังอย่างไรก็ทานอำนาจประชาชนไม่อยู่ ที่พลังประชาชนได้มาถึง 233 ที่นั่งกลายเป็นเกราะป้องกันตัวที่เหนียวแน่น
ประการแรกได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แม้จะถูกพิษใบแดง สมมติให้ 63 ใบเลยก็ยังเหลือเสียงสนับสนุนอีกตั้ง 170 เสียง ยังชนะประชาธิปัตย์อยู่ดี
หรือถ้าถูกใบเหลือง โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคอีสาน เชื่อว่าพลังประชาชนก็นอนมาเหมือนเดิมหรือถ้าโดนใบแดง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการรับรองผลการเลือกตั้ง ก็ไม่ได้เพิ่มเสียงให้กับประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะเป็นโดยวิธีเลือกตั้งใหม่ หรือเลื่อนลำดับคะแนนขึ้นมา
ถ้าหนักหนาสาหัสถึงขนาด ถูกยุบพรรค อีกกระทอกเชื่อว่า ส.ส.ที่ได้การรับรองผลการเลือกตั้งจาก กกต.แล้วก็คงไม่เข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน น่าจะไปหาพรรคใหม่สังกัดหรือไม่ก็เข้าไปอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลที่จับขั้วกันไว้แล้ว และนี่คือความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่มีวันตาย.
“หมัดเหล็ก”
คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก