รายงานพิเศษ
กำลังเป็นที่จับตาในเรื่องการแจกใบแดง-ใบเหลือง อีกทั้งยังมีกลุ่มมวลชนออกมากดดันการทำหน้าที่ของกกต.จังหวัด และกกต.กลาง จนกลายเป็นที่วิตกกังวลของสังคมว่าสุดท้ายผลจะออกมาอย่างไร จะโน้มเอียงตามกระแสกดดันหรือไม่
อดีต กกต.ชุดแรกได้แจกแจงถึงหลักการทำหน้าที่ของกกต. ไว้ดังนี้
สวัสดิ์ โชติพานิช
อดีตกกต.ด้านสืบสวนสอบสวน
ขั้นตอนการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงของ กกต. ขั้นตอนแรกต้องตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนก่อน มีพนักงานป้องปราม พนักงานหาข่าวจากหลายหน่วยงาน โดยจะดูจังหวัดที่มีการแข่งขันสูงเป็นเป้าหมายหลัก หรือจังหวัดมีการซื้อเสียงมาก
การทำงานนั้น ทางกกต.จังหวัดทำ หน่วยงานส่วนกลางก็ทำ เพราะการร้องเรียนไม่แน่ว่าจะร้องที่กกต.กลางหรือกกต.จังหวัด แต่เรามีระเบียบว่าหลังเลือกตั้ง 3 วัน กกต.จังหวัดต้องรายงานผลมาว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่
หลักในการทำงานต้องเร็ว เพราะรัฐธรรมนูญเก่ากับปัจจุบันคล้ายกันว่าหลังเลือกตั้ง 30 วันต้องเรียกประชุมรัฐสภา มาตรการตรงนี้ไม่ได้บังคับแต่เร่งรัดการทำงาน แต่เราต้องรู้ความจำเป็น ประเทศชาติต้องมีรัฐบาล ต้องเรียกประชุมภายใน 30 วัน ต้องรู้ว่าต้องตั้งประธานสภา แล้วภายใน 30 วันต้องตั้งนายกรัฐมนตรี
ประธานสภาต้องตั้งโดยพรรคที่มีเสียงข้างมาก เราต้องเคลียร์ตรงนี้ให้ได้ จะปล่อยให้พรรคเสียงข้างมากมีเรื่องร้องเรียนค้างคาอยู่มากไม่ได้ ถ้าปล่อยให้ค้างคาแล้วเอาไว้สอยทีหลัง คิดดูว่าจะเกิดปัญหามากมายแค่ไหนกับประเทศชาติ เราต้องเร่งทำ ต้องทำหามรุ่งหามค่ำ
การทำงานของเรามีอยู่อย่างหนึ่งว่า แม้จะแบ่งงานกันทำแต่ทุกคนมีสิทธิ์ ผมทำด้านสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ของผมไปสอบสวนอย่างไร ใครสนใจอยากรู้ข้อมูลก็เอาไปได้เลย ไม่ต้องผ่านผม ท่านอยากจะดูสำนวนเรื่องไหนก็มาดูได้เลย
ยกตัวอย่างเช่นที่ราชบุรี กรณีนายบุญมาก ศิริเนาวกุล ที่โดนใบแดง เรื่องก็ไม่ได้ผ่านผม ร้องเรียนผ่านอาจารย์โคทม อารียา ท่านก็เอาพนักงานสอบสวนไป เราถือว่ารับผิดชอบร่วมกัน แต่สุดท้ายต้องผ่านกกต.ทั้ง 5 คน
การทำงานแตกต่างจากชุดนี้หรือไม่
ไม่ทราบ ไม่รู้ว่าทำงานอย่างไร แต่พวกผมทำงานอย่างนี้ เราจะเรียกอบรมชุด 3 ทหารเสือ คือเราจะตั้งพนักงานสอบสวนเขตละ 3 คนเข้าไปช่วยกกต.จังหวัด เพราะต้องยอมรับว่าในพื้นที่อาจมีระบบเกรงใจกันหรือมีอิทธิพลครอบงำ ชุดของเราจะอยู่ตรงกลางและไม่ใช่คนในพื้นที่ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งมา
นอกจากนี้ยังมีทหารพระธรรมนูญเข้าไปร่วมด้วย ตรงไหนที่สงสัยก็ส่งชุดนี้ไป ผู้ใหญ่ก็ลงไปด้วย ผมลงไปด้วยเกือบทุกจังหวัด ไปให้กำลังใจ กกต.จังหวัดจะได้มีกำลังใจทำงาน และยังมีชุดวินิจฉัย เราขอมาจากกรมบังคับคดี เพราะกรมบังคับคดีทำงานแบบศาล ขอตัวมาช่วยโดยตรงเพราะเรามีอำนาจตามกฎหมาย
เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เราสั่งให้ใครไปช่วยที่ไหนก็ได้ ทหารกรมพระธรรมนูญเหมือนงานพนักงานสอบสวน แต่จำกัดอยู่ในเรื่องคดีทหาร มีการสืบสวนสอบสวนเหมือนกัน ไม่ได้ระบุแล้วแต่จัดส่งมาให้ งานก็เรียบร้อยในระดับหนึ่ง ถึงไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
การพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงอยู่ที่กกต.จังหวัดส่งมาหรือไม่
สมัยผมไม่จำเป็น ถ้าเราให้กกต.จังหวัดทำ พูดกันง่ายๆ ประสบการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าส่งมาแล้วเราเห็นว่าบกพร่องก็ต้องส่งกลับ เราจึงใช้วิธีเรียกผู้สมัครมาชี้แจงกับเราเลย ดูหน้าตาท่าทาง น้ำเสียง ผู้สมัครที่เราเรียกมาเอง ถ้าให้กกต.จังหวัดทำเราก็มืดเหมือนกัน ประสบการณ์กกต.จังหวัดอาจไม่ต้องประสงค์กับของเรา อาจต้องย้อนกลับมาอีก เสียเวลา ดังนั้น เรื่องการชี้แจง เรานำมาทำเอง
การพิจารณาใบเหลืองใบแดงไม่จำเป็นต้องเป็นกกต.จังหวัดชงเรื่องเข้ามา เพราะเขาอาจมาร้องเรียนกับเรา เรามีคนของเราอยู่แล้ว ฟังประกอบแล้วเราก็ทำ ไม่อย่างนั้นก็ยิ่งช้า มาได้หลายทาง ทั้งกกต.จังหวัด ผู้สมัครมาร้องว่าซื้อเสียง หรือจากบุคคลภายนอก เราก็รับเรื่องร้องเรียนมาสอบสวนและพิจารณาเอง
มองอย่างไรที่มีม็อบกดดัน กกต.ชุดนี้
ของผมก็มีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าไม่มี เอารถบัสมาจอดใต้ทางด่วน แต่เราไม่หวั่นไหว เราไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เราทำตามหลักฐาน ซึ่งหลักฐานที่เรามีก็รอบคอบพอ นอกจากนั้นเราให้โอกาสเขา ให้มาพบผม พวกเราก็อยากได้ประโยชน์จากเขา สังเกตลีลาท่าทางของเขา
อยากฝากให้กำลังใจกกต.ทั้ง 5 คน อยากให้เขาทำงานให้ดีที่สุด แต่วิธีการทำงานอาจจะแตกต่างกัน แต่ในเรื่องความซื่อสัตย์ เชื่อว่าทั้ง 5 คน ไม่น่าต้องระแวงสงสัยกัน 4 คนมาจากศาล สนิทกันทั้งนั้น อีกท่านมาจากอัยการ ถึงไม่เคยทำงานร่วมกันแต่รู้ว่าอัยการกับศาลอยู่ใกล้ชิดกัน
การที่ม็อบลุกฮือเป็นเพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ใกล้จะกลับมาหรือไม่
เข้าใจว่าเป็นม็อบของพรรคหนึ่งที่โดนใบแดงใบเหลือง เป็นพรรคที่ทราบว่าเกี่ยวพันกับใคร แต่ประสงค์อย่างไรไม่ทราบ ทำงานอย่างนี้ให้ทุกฝ่ายพอใจคงไม่ได้ จิตใจเราต้องเข้มแข็ง ต้องอธิบายหลักกฎหมายได้ว่าทำไม
มีจุดหนึ่งที่ผมเห็นว่ายังไม่เข้าใจข้อกฎหมาย เช่น มีข่าวว่ากกต.จังหวัดให้ใบเหลือง แต่กกต.กลางให้ใบแดงนั้น ความจริงเป็นอำนาจ กกต.กลางจะตัดสินให้ใบเหลืองหรือใบแดง กกต.จังหวัดอาจบอกว่าไม่ผิด แต่กกต.กลางบอกว่าผิดได้ เป็นเรื่องปกติเพราะเป็นอำนาจของกกต.กลางทั้ง 5 คน อำนาจสูงสุดอยู่ตรงนี้ บางคนบอกว่าผิดปกติ ความจริงไม่ใช่ การตัดสินใจอยู่ที่ทั้ง 5 คน ไม่ใช่กกต.จังหวัด
สมัยผม กกต.จังหวัดกับกกต.กลางก็มีบ้างที่เห็นแย้งกัน แต่กกต.จังหวัดก็เข้าใจ โดยหลักเราฟังจากกกต.จังหวัดมาประกอบเพราะถือว่าอยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์ หรืออย่างบางจังหวัดรายงานมาว่าการเลือกตั้งสุจริต กกต.จังหวัดนั้นถูกปลดทั้งจังหวัดก็มี เพราะถือว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพ มีการซื้อเสียงมากแต่กลับบอกว่าสุจริตทั้งที่เรามีหลักฐาน
คิดว่าการแจกใบแดงใบเหลืองจะทันกรอบ 30 วันหรือไม่
ถ้าทำกันจริงๆ สมัยผมวันละ 10-15 เรื่อง อยู่ที่เราจะทำงานวันละกี่ชั่วโมง เมื่อก่อนจะรู้ว่าชุดเราทำงานกันอย่างไร กินข้าวกันที่นั่น เราทำอย่างเต็มที่เพราะถือเป็นงานเร่งด่วน และเรายังเลือกตั้งซ่อมได้อีกก่อนครบ 30 วัน พวกที่โดนใบเหลืองใบแดงยังเลือกตั้งได้อีกครั้ง ทำให้ตอนนั้นไม่มีปัญหากับพรรคเสียงข้างมาก เหลือเศษอยู่นิดเดียวก็ไม่เกิดผล
ยุวรัตน์ กมลเวชช
อดีตกกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง
ในสมัยกกต.ยุคผม ท่านสวัสดิ์ (โชติพานิช) ทำสำนวนการให้ใบแดง-ใบเหลือง ต้องยอมรับว่าท่านสวัสดิ์ ทำสำนวนดีมาก เมื่อกกต.มีมติให้ใบแดงแล้วส่งไปให้กฤษฎีกา ก็จะยืนยันตามนั้นทุกครั้ง ไม่เคยมีปัญหา อาจเป็นเพราะท่านสวัสดิ์ มาจากศาล และไม่ได้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญหรือตุลาการ แต่ทำหน้าที่บริหารด้วย พวกผมรอดตัวมาได้ก็เพราะท่านสวัสดิ์ ยอมรับว่าหลังแจกใบแดงไปแล้วก็ถูกกดดันบ้าง แต่เราชี้แจงได้ เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน
ห่วงกกต.ชุดใหม่หรือไม่ เพราะถูกกดดันทั้งจากผู้มีอำนาจและนักการเมือง
ยอมรับว่าเป็นห่วง เรื่องทั้งหมดมันอยู่ที่นักการเมืองด้วยกันเมื่อไหร่จะรู้จักการให้อภัย รู้จักแพ้รู้จักชนะ ถ้ารู้จักแพ้ชนะ คราวหน้าแข่งกันใหม่ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร ทั้งนี้ ผมคงไม่กล้าแนะนำการทำงานของกกต.ชุดนี้ เรื่องภาพลักษณ์ของกกต. มันเป็นความเชื่อของคนที่บอกกันไม่ได้ สมมติว่าเชื่อใครสักคนก็จะเชื่ออยู่อย่างนั้น แต่ผมเชื่อว่าหากกกต.ทำงานทุกอย่างไปตามหน้าที่ ยึดกฎกติกาเป็นหลัก สุดท้ายทุกอย่างจะคลี่คลายไปเอง
มองอย่างไรที่มีการนำม็อบมากดดัน กกต.
กกต.ต้องว่าทุกอย่างไปตามกฎหมาย เป็นเรื่องของการเมือง การเมืองก็สู้อย่างนี้ คนทำงานเป็นกกต. เหมือนเป็นกรรมการฟุตบอลต้องใจเย็น เราว่าไปตามกติกาก็จบ เชื่อว่าจะคลี่คลายและจบไปในทางที่ดี แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นก็เหนื่อย
สิ่งที่ผมรออยู่คือคำตัดสินของศาลฎีกาในวันที่ 15 ม.ค.นี้ อยากดูว่าคำพิพากษากรณีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้สมัครส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องกกต.ทั้ง 5 คน พรรคพลังประชาชน และนายสมัคร สุนทรเวช ใน 4 ประเด็น คือ พรรคพลังประชาชนและนายสมัคร เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ขอให้การเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 15-16 ธ.ค. และการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.เป็นโมฆะ และขอให้มีคำพิพากษาว่าการแจกซีดีให้กับประชาชนเป็นการผิดกฎหมาย ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม และห้ามมิให้กกต.ประกาศรับรองผลทั่วประเทศ หรือ เพิกถอนการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของผู้สมัครพรรคพลังประชาชน
ต้องรอดูคำตัดสินวันที่ 15 ม.ค.นี้ เชื่อว่าหลายเรื่องจะคลี่คลาย ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดหรือตั้งลำว่าผลที่ออกมาจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ขอให้รอดูก็แล้วกัน