WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 10, 2008

คนยิงไทยรัฐ บงการ... เล่นผม

ขมขื่น และเกรี้ยวกราด
คืออาการของ “พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล” รองผบ.ช.สันติบาล ที่ได้แสดงอารมณ์ออกมาตลอดการนั่งแถลงข่าว ที่สำนักงาน กกต. เมื่อเย็น 8 ม.ค.51“ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล” คือ “พระเอก” ในหนังเรื่อง“พิฆาตยงยุทธ ติยะไพรัช”“เนวิน ชิดชอบ” ขุนพลอีสานของ “ทักษิณ ชินวัตร”หมดน้ำยาไปแล้ว เมื่อคนของเขา ประกิจ พลเดช,รุ่งโรจน์ทองศรี, พรชัย ศรีสุรยันโยธิน โดน 3 ใบแดง ในเขตเลือกตั้งที่1 บุรีรัมย์ ซึ่งก็ดีอยู่บ้างที่ “ลูกพี่ลูกน้อง” ผู้มีชื่อว่า “ทรงศักดิ์ทองศรี” ที่เขามอบหมายให้เป็น “หัวหน้า” คณะผู้สมัคร ส.ส.อีสานของพรรคพลังประชาชน รอดตัว

กกต.ออกใบรับรองเป็นส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์ ให้แล้วตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.51ก็เหลืออยู่แต่ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ขุนพลเหนือ ของ“ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งบรรดาเซียนการเมืองทั้งหลายเชื่อว่าโดนแน่ ไม่เหลืองก็แดงเพราะว่าไปแล้วยงยุทธมีความสำคัญต่อทักษิณเหนือกว่าเนวิน เพราะยงยุทธ คือ “รองหัวหน้าพรรคคนที่1” และมีเสียงซุบซิบกันว่า หาก “สมัคร สุนทรเวช” มีอันเป็นไปเพราะผลจากคดีทั้งหลาย ก็ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” คนนี้แหละที่ทักษิณวางตัวไว้ให้เป็น “นายกรัฐมนตรี”

คนไทยต้องติดตามข้อร้องเรียนที่ประเคนเข้าใส่ยงยุทธอย่างเกาะติดมาก เพราะไม่ใช่ยงยุทธเท่านั้นจะโดนแต่คดีหมายความว่าจะต้องเดินไปให้ถึงขั้น “ยุบพรรคพลังประชาชน” ให้จงได้ เพราะไม่เช่นนั้น การจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ “พลิกขั้ว” มาเป็น “ประชาธิปัตย์ได้เป็นผู้จัดรัฐบาล”ดังที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ ได้พูดแสดง “ความเชื่อลึกๆ”เอาไว้ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.50 หลังวันเลือกตั้งแค่วันเดียวโน้นแล้ว

“ยงยุทธ ติยะไพรัช” ถูกร้องเรียนว่า จัดกำนันผู้ใหญ่บ้าน จากเชียงราย มาพบที่โรงแรมเอสซีปาร์ค กรุงเทพฯ โดยใช้ “รถตู้” ของ “ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม”กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่เขาเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการเป็นยานพาหนะในการขน จากสนามบินสุวรรณภูมิ มาโรงแรมโดย หัวคะแนนของยงยุทธเป็นคนจ่ายค่าเครื่องบินทั้งไปกลับ และที่โรงแรม หัวคะแนนของยงยุทธมอบเงินให้กำนันผู้ใหญ่บ้านหัวละ 20,000 บาทและในระหว่างนี้ชื่อเสียงของ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผบ.ช.ส.ก็โด่งดังขึ้นมา เมื่อ “สมัคร สุนทรเวช” ยื่นหนังสือไปถึง “อภิชาต สุขัคคานนท์” ให้ถอดออกจากหน้าที่“ประธานคณะอนุกรรมการสืบสวนและสอบสวนกกต.” เพราะวางตัวไม่เป็นกลางรองชัยยะ เป็นผู้รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลเชียงรายและจังหวัดอื่นๆ นับร้อยเรื่อง

ส่วนที่เราบอกว่า “ขมขื่นและเกรี้ยวกราด” คือ อารมณ์ของ พล.ต.ต.ชัยยะ ระหว่างแถลงข่าวที่ กกต.เมื่อเย็น 8ม.ค.ต่อคิวทันทีหลังจากที่ยงยุทธ จบการแถลงข่าวนั้นก็เพราะพล.ต.ต.ชัยยะ จวกแหลก กกต.ที่เรียกตัวเขามาทำงานอย่างด่วน ซึ่งก็มา โดยรับงานให้ก็เพื่อพยุงองค์กรกกต.เอาไว้ แต่กลับมากล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง และไม่มีความรู้ในการสืบสวนสอบสวน เพียงเพราะกระดาษใบเดียวที่ “สมัคร สุนทรเวช” ยื่นเข้านั้น เป็นการไม่ถูกต้องพร้อมกับประกาศจะไม่ยอมลาออกจากหน้าที่“อนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องร้องคัดค้าน” ของกกต.เด็ดขาดนอกจากนี้ ชัยยะ ยังปูดไปถึงเรื่องที่มี กกต.คนหนึ่งไม่ยอมคืนสำนวนสอบสวนคดีของยงยุทธ อันนำมาซึ่งข้อสงสัยว่า สำนวนรั่วไปถึงยงยุทธ จนสามารถแก้เกมได้ถูกเป้าอีกด้วยแต่การ “สาวไส้” กกต.ของ พล.ต.ต.ชัยยะ ก็เบาลงทันที

เช้า 9 ม.ค. “อภิชาต สุขัคคานนท์” บอกนักข่าวว่า พล.ต.ต.ชัยยะ “ถอนตัว” ออกไปแล้ว ถอนตัวออกไปเอง ไม่ใช่กกต.กดดันให้ออกและเชื่อว่าเมื่อถอนตัวออกไปแล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ น่าจะลดน้อยลง หรือหมดไปคำพูดของประธานกกต.นี้ ทำให้ พล.ต.ต.ชัยยะ เหลือตัวนิดเดียวหมดราคาทันทีแต่ว่าไปแล้วศึกที่ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” โดนมันยิ่งใหญ่มาก เพราะ “อภิชาต สุขัคคานนท์” บอกกับนักข่าวว่า ได้แยก เป็น 2 ปมคือ ผิดส่วนตัว กับผิดโยงไปถึงการยุบพรรค ซึ่งหากกกต.เห็นว่า เมื่อยงยุทธเป็นกรรมการบริหารพรรค และความผิดที่เกิดขึ้นเกี่ยงโยงถึงพรรค และ กกต.เห็นว่าควรให้ยุบพรรคพลังประชาชน ก็จะส่งเรื่องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน

บรรดา “คอการเมือง” ทั้งหลายเชื่อว่า พลังประชาชนโดนยุบเหมือนพรรคไทยรักไทยแน่นอนเพราะยังไง คมช.กับ “อีแอบ” ก็ไม่ยอมให้ พรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลแต่ “หมอเลี้ยบ” น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชนกลับมองไปอีกทาง โดยเชื่อว่า ยงยุทธไม่ผิด และพรรคไม่โดนยุบ แกนนำพรรคไม่วิตกเรื่องนี้ และในที่ประชุมแกนนำก็ไม่ได้ยกปมนี้มาพิจารณา มีการพูดแต่ถึงคดีที่ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” ฟ้องเป็น “นอมินี”เสียมากกว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง “ดอกเตอร์กฎหมาย” จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็เชื่อว่า ยงยุทธไม่โดนแต่ถ้าไปแปลคำพูดของ “อภิชาต สุขัคคานนท์” กับ“สดศรี สัตยธรรม” ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อตอนเช้า 9 ม.ค.แล้ว จะเกิดความรู้สึกว่ายงยุทธโดนแน่พลังประชาชนยุบแน่“ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยกำลังสรุปข้อมูลที่ได้รับจากการชี้แจงของนายยงยุทธ และพยานที่นำเข้ามาสืบ หากข้อมูลพร้อมเมื่อใด ก็จะเสนอเข้ามายังกกต. ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้มีการพิจารณากรณีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่า รถตู้ที่นายยงยุทธใช้เป็นรถของกระทรวงจริง โดยกกต.จะพิจารณาไปพร้อมกัน หากเป็นความผิดว่า ความผิดนั้นแป็นความผิดส่วนบุคคล หรือความผิดที่อาจเชื่อมถึงพรรคพลังประชาชนเพราะนายยงยุทธมีฐานะเป็นรองหัวหน้าพรรคกระทำ อาจส่งผลถึงขั้นยุบพรรคได้ เรื่องนี้ถูกรายงานเข้ามานานแล้ว จึงพอมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไรและเชื่อมโยงไปถึงไหน รวมทั้งผ่านการพิจารณามาหลายครั้ง ส่วนที่นายยงยุทธแถลงว่า เรื่องทั้งหมดเป็นการจัดฉากนั้น ก็ถือเป็นความคิดของนายยงยุทธผมยืนยันว่ากกต.ต้องมีหลักฐานที่เพียงพอที่จะอธิบายต่อสังคมได้แน่นอน และหากกกต.มีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชนจริง กกต.ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจาณาต่อไป

“ถ้าหากกกต.มีมติให้ใบเหลืองนายยงยุทธ เรื่องนี้มีปัญหามาก เพราะไม่สามารถจัดเลือกตั้งใหม่ได้ และไม่สามารถเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นมาแทนได้ ดังนั้น เราต้องคำนวนคะแนนกันใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร เพราะถือว่าเป็นกรณีแรก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป”ประธานกกต.ร่ายยาวว่าไว้อย่างนี้ขณะที่ “เจ๊สด” ดุเดือดกว่า โดยกล่าวว่า“คาดว่าในวันที่ 11 ม.ค. กกต.จะสามารถพิจารณาและลงมติได้ว่า จะให้ใบเหลือง ใบแดง หรือยกคำร้อง ดังนั้นกกต.จะต้องแยกพิจารณาในความผิดส่วนตัวและความผิดในฐานะกรรมการบริหารพรรค สมมุติว่า หากการพิจารณาแล้วพบว่า นายยงยุทธได้ใบแดง กกต.จะตั้งคณะอนุกรรมการฯขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเพื่อตรวจสอบว่า ความผิดจะโยงถึงพรรคหรือไม่ เช่นเดียวกับกรณีปลอมแปลงลายเซ็นของนายสิทธิชัยโควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่นอกจากจะให้ดำเนินคดีอาญาแล้ว ยังได้ตั้งอนุกรรมการฯ ขึ้นมาดูว่าความผิดถึงผู้บริหารของพรรคพลังประชาชนหรือไม่ ทั้ง 2 เรื่องนี้ก็จะสอบสวนว่า ถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่”“จากที่ได้ดูสำนวนจากฝ่ายสืบสวนสอบสวน วัตถุพยานและหลักฐานอื่น คิดว่าเพียงพอให้วินิจฉัยได้ ซึ่งขณะนี้ได้

ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.ไปร่วมสอบปากคำร่วมกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงของสันติบาล ในส่วนของพยานของนายยงยุทธ และเมื่อฝ่ายสืบสวนสรุปสำนวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กกต.ก็จะพิจารณารับฟังการสรุปของทั้งสองฝ่าย ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องถามสันติบาลว่า จะยืนยันตามคำวินิจฉัยเดิมของตัวเองอยู่หรือไม่ เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว ส่วนตัวเท่าที่ได้ฟังนายยงยุทธชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ก็ยังไม่สามารถสรุปได้เนื่องจากต้องฟังการสอบปากคำพยานอีก 8 ปาก และจะพิจารณาอีกครั้งว่า กกต.จะมีมติอย่างไร”“การพิจารณาลงมติในเรื่องดังกล่าว ยอมรับว่ากฎหมายของ กกต.ยังมีช่องโหว่ เพราะเราไม่สามารถที่จะสั่งเลือกตั้งใหม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้หากสอบไปแล้วมีการกระทำ แต่ไม่เกี่ยวกับผู้สมัคร ทำให้ กกต.พิจารณา และลงมติไม่ได้ เราก็อาจจะยื่นให้กฤษฎีกาตีความ นอกจากนี้ในส่วนที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันว่านายยงยุทธได้ประสานขอรถตู้ไปใช้จริงนั้น หากท่านมีความพร้อมก็มาให้ข้อมูลได้”“ส่วนที่นายยงยุทธระบุว่า การทำสำนวนของตำรวจสันติบาลมีการจัดฉาก เรื่องนี้ต้องมีการพิสูจน์ว่า การที่กำนันเดินทางมาพบนายยงยุทธนั้น เหตุใดจึงได้นำรถตู้ของทางราชการมาใช้ มีข้อน่าสังเกตว่ารถหลวงเข้ามาเกี่ยวข้องในฉากนี้ได้อย่างไร”ถือว่า “เจ๊สด” พูดได้เจ็บและมองเห็นอนาคตของยงยุทธ กับพรรคพลังประชาชนชัดเจนยุบแหงๆ__เพราะ “บุญชอบ สุทธมนัสวงษ์” ผอ.ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรฯ ผู้รับผิดชอบ “รถตู้”ก็หาใช่ใครที่ไหน เป็นอำเภอแม่จัน บ้านเดียวกับยงยุทธ

นอกจากนี้ “เจ๊สด” ยังยืนยันด้วยว่า “ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช” ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ จะมาเป็นพยานว่า ยงยุทธคือ คนขอใช้รถตู้ด้วยตัวเองฟังยังกับว่า พยานของตำรวจสันติบาลแน่นหนามากก็ไม่นึกว่าจะมาตกม้าตายอย่างง่ายพลิกด้วยคำว่าตำรวจสันติบาลทำซีดีล่องหนวันที่ 8 ม.ค.51 หลังจากที่เข้าให้การแก่เจ้าหน้าที่สอบสวนของกกต.4 ชั่วโมงแล้ว ยงยุทธ ได้ลงมาแถลงข่าวที่ชั้นล่างอาหารศรีจุลทรัพย์นั้นเลยเตรียมการแถลงมาดีมาก มีการทำชาร์ต แสดงแผนผังขั้นตอนต่างๆ ของการสืบสวบสอบสวนให้นักข่าวได้ทัศนาด้วยยงยุทธ ซัดโครมว่าทุกอย่างจัดฉากขึ้นมาเรื่องเกิดวันที่ 28 ต.ค.50 แต่เพิ่งร้องเรียน 21 ธ.ค.50เฉพาะอย่างยิ่ง ซีดี ที่ตำรวจสันติบาลอ้างประกอบสำนวนว่า แอบถ่ายขณะกำนันผู้ใหญ่บ้านขึ้นรถมาพบตนที่กรุงเทพฯ ก็เป็นการตัดต่อ ถ่ายมาจากคนละสถานที่แล้วเอามาตัดต่อเป็นเรื่องเดียวกันยงยุทธ ได้ขอดูหลักฐานต่างๆ โดย กกต.ก็รับปากจะให้ดูรวมทั้ง ดูซีดีของสันติบาลด้วย ในเวลา 15.00 น.วันที่ 9 ม.ค.

ยงยุทธ มาตามนัดพร้อมผู้เชี่ยวชาญ แล้วก็ขึ้นไปยังชั้น19 แป๊บเดียวก็กลับลงมา แล้วเปิดแถลงกับนักข่าวโดยมีการตั้งสแตนกางชาร์ตประกอบการแถลงข่าว เป็นครั้งที่ 2 โดยบอกนักข่าวว่านี่คือแผนใส่ร้าย“วันนี้ผมมากกต. เพื่อจะมาดูพยานหลักฐานการกล่าวหาผม โดยเฉพาะเรื่องซีดี ซึ่งผมได้ประกาศต่อเพื่อนส.ส.ที่พรรคพลังประชาชนว่า หากผมกระทำผิดในข้อหาแจกเงินแจกทอง ก็อย่าว่าแต่ให้ใบแดงเลย ให้ตัดคอผมได้เลย เพราะมันไม่จริงวันนี้ผมได้นำเจ้าหน้าที่ทางด้านเทคนิคการตัดต่อภาพมาด้วย และได้มีการนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ได้ไปถ่ายทำวิดีโอร่วมกับ จนท.ความมั่นคงบางฝ่าย นัดกันตั้งแต่เมื่อวาน ซึ่ง กกต. ก็ได้มีคำสั่งให้สันติบาลเอาวีซีดีมาให้ผมดูในฐานะผู้ถูกกล่าวหา แต่ปรากฏว่ามาถึงวันนี้ซีดีล่องหน สันติบาลยังไม่นำวีซีดีมาให้กกต.ทั้งที่ถือเป็นคำสั่งของกกต. แต่กลับมีการเก็บไว้กับตัวเองถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะมีการตั้งข้อกล่าวหาแล้ว แต่พยานหลักฐานก็ควรพร้อมด้วยต้องขอขอบคุณ กกต. ที่ให้ความเป็นธรรม และให้ความชัดเจนว่า ถ้าชี้แจงไม่เสร็จ พยานไม่ครบ จะไม่ตัดสินซึ่งถือว่าท่านมีความยุติธรรม โดยกกต.บอกผมว่า จะแจ้งให้ผมมาดูวีซีดีอีกครั้งในกระบวนการรวบรวมหลักฐานมีการบิดเบือน และข่มขู่ด้วยการร่างคำให้การไว้แล้วนำมา

ให้ประชาชนเซ็นยอมรับว่ามีการรับเงินจากผม ซึ่งบางคนบอกว่ามากเกินไป และรับไม่ได้ผมขอท้าให้ไปถามประชาชนในพื้นที่ไม่มีใครเชื่อว่า ตนจะทำเช่นนั้นส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าสำนวนดังกล่าวรั่วทำให้ผมสามารถรู้รายละเอียดสำนวนได้นั้น มันน่าแปลกที่คนรู้เรื่องเอกสารแทนที่จะเป็นผม กลับเป็นนายถาวร เสน
เนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ออกมาระบุว่าเอกสารรั่ว ทำให้ผมได้ประโยชน์ ขอยืนยันผมไม่เคยเห็นสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้าง”จากนั้นนายยงยุทธ ได้โชว์ชาร์ตกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยกล่าวอธิบายประกอบว่า“ผมจะได้ใบอะไรก็ไม่เป็นไร แต่จะชี้แจงให้สังคมได้รู้ขบวนการ โดยผู้บงการคนนี้ เคยบงการยิงถล่ม สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ด้วย เอ็ม 79 สมัยอภิปรายเรื่องสปก.ซึ่งเขาเอาเงินมาจ่าย 2 เรื่อง เป็นงบที่สร้างความชอบธรรมให้รัฐบาล และจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่สันติบาล 35 ล้าน อันนี้เป็นการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง เพราะเขาโอดครวญว่าเบี้ยเลี้ยงที่จ่ายไปนั้นไม่พอเพียง ก็มีการจ่ายเงินจ่ายทองไป เสร็จเรียบร้อยก็มีกระบวนการ พล.ต.ท.ที่ชอบอุ้มฆ่า ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ปาระเบิดหนังสือพิมพ์ข่าวสดสมัยที่ลูกพี่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นผู้รับงานและมีขบวนการสอบสวนโดย พล.ต.ท.ช. และพ.อ.พิเศษ...

ที่กดดันกำนันผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้ร่วมกับเขา ถ้าไม่ร่วมก็จะถูกตรวจค้นบ้านโดยนายชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นคนติดติดยาและอยู่ซุ้มมือปืน จะโทรศัพท์หากำนันผู้ใหญ่บ้านให้มา ถ้าใครไม่มาก็จะกดดัน และถูกตรวจค้นบ้านทุกคนผมได้ให้การกับ กกต. แล้ว ไม่ต้องกลัวหมิ่นประมาทเขาบอกว่าตายเป็นตายทั้งหมดชุดนี้วางงานกัน 6 เดือน แล้วใช้นกต่อคือนายชัยวัฒน์ ที่เข้ารับการบำบัดยาเสพติด ทั้งในฐานะผู้ค้าและผู้เสพ แล้วประวัติที่มีคนส่งมาให้คือเป็นซุ้มมือปืน ซึ่งไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับเขาเพราะกลายเป็นผู้มีอิทธิพล หลังจากที่ผมถูกปฏิวัติรัฐประหารแล้ว นายชัยวัฒน์ ก็ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงบางฝ่าย ใช้เป็นตัวกลาง รวมคนมาพบผม ซึ่งเป็นการวางแผน และกระบวนการสอบทั้งหลาย สำนวนอยู่ในมือ พล.ต.ต.ช. เพื่อนำเสนอ กกต. และเอาสำนวนทั้งหลายไป

ส่งให้ลูกพี่ แล้วปล่อยข่าวว่า กกต.รับเงิน เพื่อกดดันให้กกต.ไม่มีความชอบธรรมในการตัดสินว่าผมเป็นฝ่ายถูก เพื่อด่ากกต.ไว้ก่อน และอีกด้านหนึ่งก็เอาข่าวให้ทีมงานแถลง มีผังมีชาร์ต เพื่อทำให้คนสังคมเห็นว่าผมซื้อเสียงและเป็นคนชั่วโดยที่ผมก็สงบปากสงบคำไม่ตอบโต้ เพราะเคารพ กกต. และยืนยันว่าหลักฐานต่างๆ นั้นไม่จริง แต่วันนี้เหลือจะอดแล้ว ผมมาขอตามดูเพื่อจะถามว่าวีซีดีมีภาพอะไรบ้าง ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่ได้รับ ซึ่งผมเห็นใจ กกต.อย่างมากที่เจ้าหน้าที่สันติบาลบางคนไม่นำมาให้ ทั้งที่นัดหมายเป็นคำสั่งของกกต.หากแผนการบนชาร์ตสำเร็จแล้วคนที่จะได้ประโยชน์ก็คือ ผู้สมัครเขตพรรคชาติไทย พรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อแผ่นดินด้วย ซึ่งประกาศเป็นพันธมิตรกันที่ร้านช้อนเงินช้อนทองแต่กลับปรากฏว่าเมื่อการเลือกตั้ง พรรคพลังประชาชนได้เสียงข้างมากทำให้ขั้วสลาย แต่แผนการเหล่านี้ก็ยังดำเนินอยู่ ส่วนต่อมาถ้าพรรคพลังประชาชนถูกยุบ คนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผมก็ได้ประโยชน์ เพราะตามกฎหมายถ้าผู้บริหารทำผิดถือว่าพรรคทำผิดเสียเอง จะถูกยุบพรรค เพราะฉะนั้นเดิมพันของผมนั้นสูงมากขบวนการที่เกิดขึ้นคือ การสร้างข่าว กดดัน กกต. ถ้า

กกต.ตัดสินไม่เป็นอย่างที่ว่า ก็หาว่ากกต.รับสตางค์ ปล่อยข่าวว่าสำนวนรั่ว แล้วพอรั่วก็ไปโผล่ที่พรรคอื่นทุกที ทำไมไม่รั่วอยู่ที่ผม ผมตามหาซีดีอยู่กี่วันแล้วยังไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น