แค่ชั่วข้ามวันหลังมีกระแสข่าวกระเส็นกระสาย
ล่าสุดคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 603 จากฮ่องกงถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงสายวันที่ 8 มกราคม
ท่ามกลางนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และทีมอารักขาพรึบเต็มสนามบิน
เงียบเชียบ ปุบปับฉับไว
ในทันทีที่กลับถึงประเทศไทย คุณหญิงพจมานได้เดินทางไปมอบตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
สู้คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ในฐานะจำเลยที่ 2
โดยศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาหลักประกันบัญชีเงินฝาก 5 ล้านบาท พร้อมมีคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ยกเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล กำหนดการพิจารณาคดี ครั้งแรกในวันที่ 23 มกราคม 2551
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เช่นเดียวกับการเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีการปกปิดโครงสร้างการถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเซส ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก่อนจะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 1 ล้านบาท พร้อมสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
คดีขึ้นสู่ศาล
ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายพิชิฏ ชื่นบาน หนึ่งในทีมทนาย ยืนยันการเดินทางกลับเมืองไทย ของคุณหญิงพจมาน
เป็นไปตามเวลาที่เหมาะสมเพื่อต่อสู้คดี
แต่ยังมีเหตุผลที่นอกเหนือไปจากนั้น อดีตนายกฯทักษิณ ร่อนแถลงการณ์ตามหลัง ชี้แจงเหตุผล 3 ประการในการตัดสินใจส่งภริยากลับเมืองไทย
เพื่อจะได้มีโอกาสเข้าถวายสักการะและถวายอาลัยพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ร่วมกับพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศด้วยตนเอง ในฐานะตัวแทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบครัวชินวัตร และครอบครัวดามาพงศ์
ต้องการมอบตัวต่อสู้คดีและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมที่ชอบด้วย กฎหมายและหลักนิติธรรม
ต้องการกลับมาใช้ชีวิตโดยสงบกับครอบครัว เพื่อดูแลลูกๆอย่างใกล้ชิด
พร้อมๆกับตบท้ายแถลงการณ์ อดีตนายกฯทักษิณระบุ มีความปรารถนา สูงสุดที่จะเดินทางกลับไปใช้ชีวิตใต้เบื้องพระยุคลบาทร่วมกับครอบครัวใน ประเทศไทย และเพื่อที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์และต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปตามหลักนิติธรรม เมื่อได้เวลาอันสมควร
ส่งเมียปูทางล่วงหน้า
ตามรูปการณ์ที่น่าจะชั่งน้ำหนัก เช็กระดับความชัวร์กันแล้วว่า ปลอดภัย
ถ้าไม่มั่นใจคงไม่กลับ
ที่แน่ๆโดยเงื่อนไขที่พอดิบพอดี การจับขั้วรัฐบาลเริ่มนิ่ง ในสูตรรัฐบาล ผสม 6 พรรค ชาติไทย เพื่อแผ่นดิน รวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย และประชาราช
แพ็กกันแน่นกับพรรคพลังประชาชน
ตัวเลขใบแดง ใบเหลือง ไม่มีผลต่อการพลิกขั้วรัฐบาลแต่ อย่างใด
พลิกเกมสกัดยังไงก็เอาไม่อยู่
อย่างดีก็แค่เชือดไก่ให้ลิงดู กับคิวของพรรคชาติไทยที่เจอไป 2 ใบแดง ที่จังหวัดชัยนาท และอีก 1 ใบเหลืองที่จังหวัดชัยภูมิ ไล่หลัง “บิ๊กเติ้ง” นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ได้ประกาศแสดงตัวแสดงตน
เลือกข้างร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน
ในชะตากรรมเดียวกัน ถึงคิวของพรรคมัชฌิมาธิปไตย ผู้โชคดีถูกหวย กกต. กลายเป็นนายสุนทร วิลาวัลย์ ส.ส.ปราจีนบุรี คนที่ได้รับมอบหมายให้ เป็น 1 ใน 3 ของผู้มีอำนาจการเจรจาเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน
ว่าที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลโดนสอยร่วงระนาว
แต่ที่เหนียวกลายเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ วัดจากกรณี ของนายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์ ที่ตำรวจจับเงินสด 1.3 ล้านบาท ในบ้านหัวคะแนน แต่ผลออกมา กกต.เสียง 3 ต่อ 2 มติไม่เป็นเอกฉันท์
ได้แค่ใบเหลือง
กกต.ชักใบแดงไม่ออก.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน