WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, January 9, 2008

นายกฯ 'บรรหาร'

'ผู้คนที่เลือกเส้นทางการเมือง เป้าหมายสูงสุดย่อมเป็นนายกรัฐมนตรี...แม้แต่บุคคลที่เคยผ่านมาแล้ว ก็ยังกระหายเก้าอี้เป็นสมัยที่สอง' !!!

บรรหาร ศิลปอาชา เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ในช่วง 13 ก.ค.2538 ถึง 24 พ.ย. 2539 และถึงวันนี้เขามีโอกาสนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แม้พรรคชาติไทย จะไม่ได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งเมื่อ 23 ธ.ค.2550 ก็ตาม

การตัดสินใจเปลี่ยนขั้วจากพรรคประชาธิปัตย์ มาเข้าร่วมกับพลังประชาชน มีข้อเสนอจาก 'คนไกลใจเหงา' ที่ดีเลิศจนยากที่จะปฏิเสธ

เพราะอย่าลืมว่าหากพรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดิน ยังผนึกกันแน่น จะมีอำนาจต่อรองมหาศาล เนื่องจากรัฐบาลใหม่ที่จะมีเสถียรภาพได้นั้น เสียงในสภาต้องอยู่ระดับ 300 ที่นั่งขึ้นไป

ดังนั้นหาก 2 พรรคเลือกยื่นข้างไหน ฝ่ายนั้นจะได้เป็นรัฐบาล แต่ถึงขณะนี้หัวหน้าพรรคชาติไทย เลือกที่จะนำลูกพรรคซบพลังประชาชน แล้วปล่อยให้ 'ประชาธิปัตย์' ยึดตำแหน่งอาชีพฝ่ายค้านต่อไป

โดยที่ปัจจัย 'ใบเหลือง-ใบแดง' หรือ 'ยุบพรรค' ไม่มีผลแต่ประการใด

เพราะถึงแม้ว่าพรรคพลังประชาชน จะโดนใบเหลืองเลือกตั้งใหม่ ก็คาดว่าว่าที่ส.ส.ส่วนใหญ่จะกลับมาได้ ขณะที่ใบแดง ในทางปฏิบัติสามารถถ่ายคะแนนโอนให้พรรคพันธมิตรได้ โอกาสที่จะทำให้คะแนน พรรคประชาธิปัตย์เพิ่มขึ้นจึงเป็นการยาก เพราะใบเหลือง หรือแดงส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและอีสาน

พรรคเพื่อแผ่นดิน มัชฌิมาธิปไตย หรือจะเป็นรวมใจไทยชาติพัฒนา น่าจะมีโอกาสรับผลจากใบแดง ของพลังประชาชนมากกว่า...โดยเฉพาะเพื่อแผ่นดิน น่าจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้นหากชาติไทย และเพื่อแผ่นดิน เลือกยื่นข้างพรรคพลังประชาชน จะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองแต่อย่างใด แต่จะหนุนให้อำนาจต่อรองมากขึ้น!!!

ส่วน 'ยุบพรรค' หากเกิดขึ้นจริง สถานะส.ส.ไม่ได้ถูกยุบไปกับพรรคการเมืองนั้นๆ สามารถหาสังกัด พรรคใหม่ได้ ซึ่งในทางปฏิบัติ จะคล้ายกรณีของใบแดง...คือสั่งส.ส.ในสังกัดเข้าพรรคพันธมิตร

เพราะความจริง ของส.ส.ไทยหาความอิสระในความคิดค่อนข้างยาก...ยิ่งประเทศที่ผูกพันกับระบบอุปถัมภ์ มายาวนาน...แม้แต่หายใจยังต้องถามเจ้านาย?

จุดเปลี่ยนของขั้วอำนาจ ณ วันนี้จึงอยู่ที่พรรคชาติไทยและเพื่อแผ่นดิน...ซึ่งบรรหาร ศิลปอาชา ก็ทราบตั้งแต่ต้นดี จึงเลือกที่จะจับมือ 2 พรรคให้แน่นกันก่อน ส่วน กรณี 5 เงื่อนไขในการเข้าร่วมพรรคพลังประชาชน กระทำขึ้นเพียงหวังว่าจะดูดีขึ้นบ้างในสายตา 'คนชั้นกลาง' และคนเมืองหลวง (ส่วนใหญ่) ที่ไม่หนุนพลังประชาชน...

ที่สำคัญการเข้าร่วมกับพรรคพลังประชาชน ครั้งนี้ต้องแลกกับแผนพัฒนา 'คนรุ่นใหม่' ในพรรคชาติไทย ที่ต้องสะดุดไประยะหนึ่ง จึงไม่แปลกที่มีกระแสข่าวภายในพรรคออกมาต่อเนื่องว่า...'ไม่พอใจหัวหน้า'

นอกจากหัวหน้าพรรคชาติไทย น่าจะได้รับข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธแล้วชื่อ 'บรรหาร ศิลปอาชา' อาจจะเป็น 'ตัวเลือกที่ลงตัว' เพื่อทำหน้าที่ประสานรอยร้าวของ 2 ขั้วอำนาจ

เพราะประวัติศาสตร์ของชนชั้นสูงในสังคมไทย ไม่เคยขัดแย้ง จนถึงขั้นแตกหักหากสามารถประสานผล ประโยชน์ลงตัว มีเพียงภาคประชาชนเท่านั้นที่เจ็บปวดในฐานะเหยื่อ!!!

นาทีนี้โฟกัส จึงน่าจะอยู่ที่ 'บรรหาร ศิลปอาชา'

นอกเสียจากพรรคประชาธิปัตย์ ลองเสนอยกตำแหน่งนายกฯให้หัวหน้าพรรคชาติไทยดู อาจจะทำให้ขั้วจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนบ้างก็เป็นได้