WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, January 10, 2008

สุดแสบ!‘ยงยุทธ’แฉจัดฉากล่อซื้อหวังผลไกลถึงขั้นยื่นฟ้องยุบพรรคฯ

ยงยุทธบุก กกต. ชี้แจ้ง กกต. แฉ พฤติกรรมเลวทราม สุดแสบ เป็นกระบวนการ ทั้งสร้างพล็อต - สร้างเรื่อง - สร้างฉาก วางแผนล่อซื้อให้ติดกับดัก สร้างหลักฐานหวังเป้าหมายถึงขั้นยุบพรรค โดยใช้ตนเองเป็นเหยื่อ พร้อมเตรียมยื่นพยานเสนอ กกต. เพิ่มเติมอีกรอบ


สำหรับการเข้าชี้แจ้งข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 1 พรรคพลังประชาชน เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา บรรยากาศเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าที่หน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ ที่ตั้งของสำนักงาน กกต. มีกลุ่มผู้ชุมนุมสนับสนุนเดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมป้ายผ้า และปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงให้กำลังใจ กว่า 20 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ประทุมวัน จำนวน 40 นาย คอยดูแลความสงบเรียบร้อยโดยรอบบริเวณ


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่นายยงยุทธ จะเดินทางมาถึง กกต. กลุ่มผู้สนับสนุนนายยงยุทธ ได้หันมาเห็นนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ขณะรอรถจะเดินทางกลับหลังมารับเอกสารรับรอง จึงพร้อมใจกันต่อว่านายชวน เป็นเผด็จการ ขอให้เลิกสร้างภาพ และเลิกอิจฉาพรรคพลังประชาชนได้แล้ว


โดยนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. ได้เตือนผู้สนับสนุนนายยงยุทธให้อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย เพราะกระบวนการต่างๆ ใกล้สิ้นสุดแล้ว ซึ่งกกต.ทำงานโดยยึดความโปร่งใสและเที่ยงธรรม ไม่มีใครมาวิ่งเต้นหรือกดดันได้ หากใครไม่พอใจควรใช้ช่องทางตามกฎหมาย ไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ไม่ควรใช้วิธีนอกระบบ


อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุม กกต. ในช่วงเช้า นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ได้กล่าวยืนยันต่อผู้สื่อข่าวว่า ถึงกรณีของนายยงยุทธ ว่า ที่ผ่านมา นายยงยุทธ ไม่เคยพยายามวิ่งเต้น หรือดำเนินการใดๆ กับ กกต. เพื่อให้หลุดพ้นจากการพิจารณาจากใบเหลือง-แดง อย่างใดทั้งสิ้น และก็ไม่รู้สึกหนักใจการพิจารณาสำนวนของนายยงยุทธเช่นกัน เพราะหากนายยงยุทธ อ้างพยานหลักฐาน ก็สามารถส่งให้ กกต.พิจารณาภายหลังได้


ขณะที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า แม้การกกล่าวหาขณะที่นายยงยุทธเป็นกรรมการบริหารพรรคฯ แต่ตนมองว่า นายยงยุทธได้รับเลือกเป็นให้เป็น ส.ส.เฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้นายยงยุทธยังไม่ได้ชี้แจงและตนเองก็ยังไม่เห็นสำนวนการสืบสวนสอบสวน ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่าความผิดของนายยงยุทธจะถึงขั้นไหน


อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาชี้แจ้งของนายยงยุทธในครั้งนี้ มาพร้อมแกนนำจากพรรคพลังประชาชนหลายคน อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ผู้สมัครแบบสัดส่วน เขต 7 รวมถึงนายสุธรรม แสงประทุม อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้ง ได้เดินทางมาให้กำลังใจด้วย


โดยก่อนเข้าห้องประชุมชี้แจ้ง นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนมั่นใจและเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตนเองและเชื่อในความสุจริตเที่ยงธรรมของ กกต.โดยไม่ขอกล่าวอะไรมากนัก เพราะตนต้องขอเข้าไปฟังข้อกล่าวหากับ กกต.ก่อน เพราะข้อกล่าวหากว้างเกินไป ซึ่งในการที่มาชี้แจงในครั้งนี้ ได้นำพยานหลักฐาน ทั้งตัวบุคคลและเอกสารมาชี้แจงต่อ กกต.ด้วย


กระทั่งเวลาประมาณ 15.20 น. หลังจากเข้าชี้แจงต่อ กกต.ประมาณ 1 ชม.ครึ่ง นายยงยุทธ ได้ไปเซ็นรับคำให้การ จนประมาณ 16.45 น. นายยงยุทธ จึงเปิดแถลงต่อสื่อมวลชนที่มารออยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีสมาชิกพรรคพลังประชาชนและทีมงานตามติดอยู่ตลอดเวลา อาทิ นายสุธรรม แสงประทุม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ และ ร.ต.ท. เชาวรินทร์ ลัทธิศักดิ์ศิริ


นายยงยุทธ กล่าวว่า ตนมาพบกับสื่อมวลชนโดยที่การสอบพยานของ กกต. ยังไม่แล้วเสร็จ หากพูดอะไรที่เป็นประเด็นเสมือนไปกดดัน กกต. คงไม่ดี โดยพรุ่งนี้พยานจะมาชี้แจงอีกและตนจะเล่าให้สื่อมวลชนฟัง


อย่างไรก็ตาม นายยงยุทธ ได้กล่าวเป็นเรื่องย่อๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทั้งหลายซึ่งเดิมพันของตนสูงมาก เพราะหากตนกระทำผิด จะมีคนยื่นเรื่องเพื่อยุบพรรคพลังประชาชนต่อไป


หาก ส.ส.สัดส่วน กระทำผิด ได้ใบแดงจะต้องเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.ลำดับถัดไปขึ้นมา แต่หากได้ใบเหลืองก็ไม่มีสิทธิที่จะลงแข่งขัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า นกแลหรือ ส.ส.หน้าใหม่ทั้งหลาย ตอนอยู่ที่บ้านพบปะปราศัยกับประชาชนไม่ได้เข้มข้นเท่ากับส.ส.เก่า ถือว่ายังไม่มีผลงาน ก็ยังได้เป็นผู้แทน เพราะความนิยมในนโยบายและกระแสของพรรคที่มาแรงมาก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหงไม่ใช่เฉพาะที่เชียงราย


นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่ใหญ่โตพอสมควร ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องของผู้ร้องมาแจ้งความเพื่อให้ตนมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่ตนคิดว่าหลังจากนี้ไปคงดูการเชื่อมโยง เพราะเขาอ้างว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม แต่กลับมาร้องเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ซึ่งใช้เวลาถึง 54 วัน กว่าจะเข้ามาร้อง


กลุ่มพยานทั้งหลายมีการนำมาออกข่าวอยู่ตลอดเวลาว่าถูกอิทธิพล แต่ปรากฎว่าหลายท่านถูกกดดัน โดยเฉพาะจากเจ้าหน้าที่บางฝ่าย ซึ่งตนคิดว่าคำชี้แจงของพยานคงจะเป็นเครื่องยืนยันได้ ตนคงไม่พูดให้มากกว่านี้ คาดว่าจะสามารถเล่าให้ฟังได้หลังจากนี้


นายยงยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างพรรคการเมืองทั้งหลาย โดยเฉพาะบุคคลสำคัญของพรรคที่แข่งขันกันจัดตั้งรัฐบาล ไม่มี ส.ส.ลงสมัครในพื้นที่ โดยอ้างว่าข้อมูลรั่วบ้างอะไรบ้าง หมายถึงนักการเมืองบางฝ่ายที่เป็นฝ่ายตรงข้าม แต่ท้ายที่สุดข้อมูลที่ออกไปตามสื่อเป็นข้อมูลจากฝ่ายเขาทั้งหมด ซึ่งทางเรายังไม่ได้เห็นพยานหลักฐานหรือข้อกล่าวหาเลย แต่พยานเหล่านี้กลับตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงกันข้าม จึงเป็นเรื่องน่าคิด


สิ่งเหล่านี้ขอฝากไว้เป็นการบ้านว่า หลังจากที่ผลของ กกต.ออกมา ไม่ว่าจะเป็นใบอะไรก็ตาม ผมจะออกมาชี้แจงให้สังคมได้เห็น เพราะหากผมเอาสิ่งเหล่านี้มาพูดตอนนี้ จะเป็นการกดดัน กกต. จึงให้พรรคที่แย่งกันจัดตั้งรัฐบาลพูดข้างเดียวไปก่อน ผมขอรอฟังข่าวก่อน


นอกจากนั้น บุคคลที่เกี่ยวข้องมีตัวตน มีขบวนการ หากเอ่ยชื่อ ทุกคนต้องรู้ว่ามีใครบ้าง ซึ่งวันนี้แม้กระทั่งพยานเองก็กล้าระบุชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าใครไปกดขี่ข่มเหง กดดัน ข่มขู่พยานบ้าง ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องสามารถเชื่อมโดยงผู้บงการที่อยู่ข้างหลังได้ด้วย


โดยผู้บงการ หมายถึงผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการกระทำครั้งนี้ เพราะฉะนั้น คนที่ร่วมขบวนการที่มาร้องเรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่า เป็นผู้ร่วมขบวนการที่ได้รับประโยชน์ จากการกระทำแต่ก็หากการกระทำสำเร็จผลตามที่เขาต้องการแล้ว ผู้ที่มาร่วมยังได้ประโยชน์น้อยกว่าไอ้โม่งที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งอันนี้ตนขอพูดแค่นี้


นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ความเป็นจริงกลุ่มบุคคลที่มาพบ มีคนที่ชักนำมา หรือมีนกต่อ ชักชวนให้มาเยี่ยม โดยเมื่อมารอที่พรรคอยู่ครึ่งวันแล้วก็ไม่เจอตน จากนั้นจึงไปตามหาตนซึ่งประชุมอยู่ที่โรงแรมตามที่เป็นข่าว แต่ก็ยังไม่เจอตน จนกระทั่งประชุมเสร็จแล้วได้เข้าไปทักทายแล้วพูดคุย


ผมบอกว่า ขอบคุณนะ เพราะผมยังกลับไปเยี่ยมบ้านไม่ได้ เนื่องจากเดี๋ยวถูกยิงกะบาล เพราะพ่อแม่พี่น้องก็เป็นห่วงผม ผมได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 18 ตุลาคม ตอนที่ท่านสมัคร ไปปราศัย แล้วหลังจากนั้นก็ลงพื้นที่ช่วงเดือนธันวาคมซักครั้งสองครั้งเอง ก็ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เลย ซึ่งหลังจากขอบคุณแล้วก็ได้พูดคุยเรื่องอื่นอีก ซึ่งผมจะไม่นำมากล่าวในที่นี้ เพราะผมให้การ กกต. ไปแล้วนายยงยุทธ กล่าวและว่า


หลังจากนั้นก็มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ แม้กระทั่งการสร้างบิลบ้าง อะไรบ้าง มีการชี้แนะ เป็นการพล็อตเรื่องเหมือนกับการล่อซื้อของพนักงานสอบสวน พูดง่ายๆว่า มันเกินธรรมชาติ มันเกินจริง พอคนมาเห็นเข้าทุกคนจะตกใจ มีแผนผัง มีชาร์จ เหมือนขบวนการใหญ่ แต่สุดท้ายโอกาสที่จะมาเจอผมมันนิดเดียว แทบจะไม่มีอะไรเลย ใจผมก็อยากจะพูด แต่ว่าจะทำให้การทำงานของ กกต.มีความลำบาก เอาไว้ให้เสร็จก่อนจะเล่าให้ฟัง


ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงมีการจัดฉากใช่หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า เชื่อว่ามีขบวนการที่สร้างเรื่องขึ้นมา ร้อยเปอร์เซ็นครับ ไม่ใช่แค่จัดฉาก แต่ทั้งหมดเป็นขบวนการ เพราะผมเป็นเป้าหมาย เนื่องจากผมเป็นรองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 เพราะกฎหมายบอกว่า ถ้าผมกระทำผิดอะไร ถือได้ว่าพรรคทำผิดด้วย เพราะฉะนั้นเดิมพันผมมันสูง พอผมไม่ลงพื้นที่แล้ว ก็เอาฉากมาสร้างที่กรุงเทพเสียเลย


ต่อข้อถามกรณี ซีดี นายยงยุทธ กล่าวว่า ซีดีเป็นการถ่ายทำตอนที่ผู้นำทั้งหลายขึ้นเครื่องและลงเครื่อง และก็ถ่ายว่ามีราชการไปรับ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่เขามากัน เพราะมีบุคคลที่มาติดต่อกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวกับมลพิษ ซึ่งเขานัดกันและมาประจบกันพอดี เลยเอา 2 เรื่องนั้นมารวมกัน เพื่อให้รู้ว่าเป็นการใช้อำนาจเท่านั้นเอง ซึ่งตนมีหลักฐานทั้งหมด เพราะการติดต่อของเจ้าหน้าที่ของผมที่เขาดูแลเรื่องนี้อยู่กับบุคคลที่มาแล้วมาประจวบเหมาะ


อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวเปิดเผยด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนนายยงยุทธ เข้าชี้แจ้งต่อ กกต. นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนได้จัดประชุมแกนนำและฝ่ายกฎหมายของพรรค ที่อาคารไอเอฟซีที ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การพิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดงกับว่าที่ ส.ส.พรรค ของ กกต. โดยนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรค ได้รายงานในที่ประชุมยืนยันความบริสุทธิ์ และเตรียมหลักฐานชี้แจงกับ กกต.ไว้ทั้งหมดแล้ว


โดยนายยงุยทธ กล่าวกับที่ประชุมว่า หลักฐานมีการอ้างเหมือนเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้น มีการโชว์ตั๋วเครื่องบิน และหลักฐานอื่นประกอบจำนวนมาก แล้วที่บอกว่ามีการขนแกนนำชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาใน กทม.นำไปพักที่โรงแรมเอสซีปาร์คนั้น วันที่เกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ในพื้นที่ กทม.


ทั้งนี้ แกนนำพรรคในที่ประชุมหลายคน เริ่มพูดคุยย้อนถึงกรณียุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายวิดีโอของนายไทกร พลสุวรรณ คนสนิทของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ยื่นให้ตุลาการรัฐธรรมนูญจนเป็นเหตุให้เกิดการยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งที่ประชุมเป็นห่วงในสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติ จนแกนนำบางคนวิตกว่าสถานการณ์เช่นนี้สุ่มเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคอีกครั้ง


นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงเงื่อนเวลาการเปิดประชุมสภา การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี และการจัดตั้งรัฐบาล โดยเชื่อว่าจะเปิดประชุมสภาได้ทันในวันที่ 22 มกราคมที่จะถึงนี้