โดย กาหลิบ
เห็นจะต้องเล่าต่อจากเมื่อวานนี้อีกสักหน่อย เพราะบ้านเมืองกำลังสติแตก ไม่ได้หมายความถึงพี่น้องประชาชนหรอกครับ คนที่อยู่หลังม่าน 2-3 คน นั่นต่างหาก
ขณะนี้นอกจาก “เขา” จะเตรียมกำลังเพื่อเข้า “ยึด” ได้ทันทีหลังจากสร้างสถานการณ์สำเร็จแล้ว เขายังกำชับว่าครั้งนี้จงอย่าทำผิดพลาดอย่างเดิมอีก
จงตัดกล้วยอย่าให้เหลือกอ
หากสถานการณ์ลุกลามไปจนถึงขั้นนั้นจริง จะต้องทำให้คนสำคัญของฝั่งตรงข้าม “หายตัว” ไปให้หมด ไม่เหลือคนที่จะเป็น “ตัวกลางระหว่างประเทศ” คนที่มีศักยภาพจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ และคนที่สามารถจะออกไปเชิญชวนมวลชนมารวมตัวกันได้
ทรัพย์จะต้องยึดเอามาเลย เพื่อต่อทุนของการรัฐประหาร
ส่วนประชาชนที่จะลุกขึ้นแสดงสิทธิของตนนั้น จงใช้มุมมองแบบเหตุการณ์เทียนอันเหมินในเมืองจีน เพื่อสื่อสารว่า “ความมั่นคงของรัฐ” สำคัญกว่า “สิทธิมนุษยชน”
คราวนั้นรัฐบาลเขาปราบปรามผู้ประท้วงกันจนนองเลือดท่วมแผ่นดินจีน
ของไทยอาจไม่ไปไกลขนาดนั้น แต่ให้มุ่งทำลายตัวบุคคลที่ประชาชนรักและผูกพันเหลือเกิน เพื่อกำจัดศัตรูหลักโดยตรงเสียก่อน ถ้าประชาชนเกิดลุกฮือขึ้นมา ก็ให้กำจัดกวาดล้างอย่างเหี้ยมเกรียม โดยให้ถือหลักว่าประชาชนที่กล้าแสดงความเป็นปฏิปักษ์อย่างเปิดเผย เป็นประชาชนที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร ก็ 6 ตุลาคม 2519 รอบสองนั่นเอง ถ้า “ศัตรู” ส่งคนในครอบครัวมาวัดอุณหภูมิของน้ำเสียก่อน ก็จะดูแลอย่างดีไม่ให้มีอะไรกระโตกกระตาก เพื่อล่อให้ตัวเขากลับเข้ามา เพราะเผลอคิดไปว่า “แนวรบด้านตะวันตกเหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง” พอกลับมาจริงก็บิงโก ถ้าไม่หมดสิ้นไปเดี๋ยวนั้น เหมือนเบนิญโญ อาคีโน ก็รอให้หมด ต่อมาเหมือนเบนาซีร์ ภุตโต ก็ได้ เรื่องนี้ถามเพื่อนฟิลิปปินส์ หรือพรรคพวกในปากีสถานจะได้รู้อะไรดีๆมาก อย่าลืมว่า “เขา” เริ่มคิดแบบระบอบทหารของพม่าหรือ SPDC แล้ว ทัศนคติต่อโลกก็ละม้ายคล้ายคลึงกับพล.อ.อาวุโสตัน ฉ่วย ขึ้นทุกวัน นั่นคือเห็นว่าเมืองไทยไม่ควรพัฒนาไปตามกระแสโลกมากนัก เพราะจะสูญเสียความเป็นไทยไป แกล้งลืมอธิบายว่า “ความเป็นไทย” ที่ว่าถูกสร้างขึ้นมานานปี เพื่อรับใช้โครงสร้างทางสังคมที่ตนเองเป็นใหญ่ที่สุดและร่ำรวยที่สุดเป็นหลัก เพราะภายใต้ “ความเป็นไทย” ในทรรศนะแคบๆนั้น คนจนในเมืองไทยไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากหรือ “เลื่อนชั้น” ทางสังคมแต่อย่างใดทั้งสิ้น ลูกคนจนก็ต้องสืบเชื้อสายขึ้นมาเป็นคนจนรุ่นใหม่ต่อไป จะ “สะเออะ” ข้ามวรรณะมาไม่ได้เป็นอันขาด ลูกคนจนสมองดีๆก็เอามารับใช้ใกล้ชิด เพื่อจำกัดกรอบให้มันเป็นคนฉลาดที่โลกแคบ ด้วยการหาปลอกคอทองคำให้มันสวมใส่ พอโตขึ้นมามันจะได้เห่าปกป้องตนเองด้วยเสียงอันดังกังวาน ทำให้คนที่สมองดีไม่เท่าเขาต้อง “หด” ลงไป พูดง่ายๆก็คือเขาเตรียมการทั้งหมดนี้ โดยไม่ห่วงเลยว่าประชาคมระหว่างประเทศจะคิดอย่างไรกับประเทศไทย
เพราะอยากจะตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนพม่าอยู่แล้ว การแบ่งปันผลประโยชน์และอำนาจอันล้นพ้นจะได้ดำเนินต่อไปในวงแคบๆ ไม่ต้องมารับมือกับ “เศรษฐีใหม่” เมื่อฐานความคิดเป็นเช่นนี้ ก็อย่าได้แปลกใจเลยครับถ้าเขาจะสั่งยึดอำนาจซ้ำ หรือก่อความรุนแรงใดๆขึ้นมา เขาไม่ได้สนใจผลกระทบเหล่านั้นอยู่แล้วแต่เดิม ระวังเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลไว้ด้วยนะครับ แนวรบด้านนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหญ่ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่จะมีอำนาจโดยตรงต่อการโยกย้ายข้าราชการในกองทัพ โดยเฉพาะในเดือนเมษายนนี้ ต้องเป็นของพรรคพลังประชาชน ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่จะต่อท่อกับโลกภายนอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนไทยส่วนใหญ่ ต้องเป็นของพรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะเมื่อเขาวางคนไว้เป็นประธานบอร์ดของหน่วยงานที่เป็นขุมทรัพย์มหาศาลอย่าง ปตท. ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการต่างประเทศในแง่ของการระดมทุนต่างชาติเป็นอันมาก ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างเตือนพรรคพลังประชาชนว่า เมื่อ “เขา” เตรียมทำสงครามเต็มรูปแบบอย่างนี้แล้ว ตัวจะยังคิด “เจรจา” อยู่อย่างเดียวไม่ได้ แต่จะทำอะไรคงไม่ต้องบอก โตๆกันแล้วนี่ครับ.
คอลัมน์ เลือกคบไม่เลือกข้าง
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข
ปีที่ 9 ฉบับที่ 2200 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 11 มกราคม 2008