นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) วันนี้ (4 ก.พ.) ว่า ที่ประชุม กกร.มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการของทั้ง 3 สถาบัน คือ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส.อ.ท.และสมาคมธนาคารไทย รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ 3 สถาบันได้เตรียมการไว้ เพื่อนำไปพูดคุยกับรัฐบาลใหม่ โดยจะขอให้รัฐบาลคงคณะกรรมการภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อให้ทำงานร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนข้อเสนอของ ส.อ.ท.คือ เสนอให้รัฐบาลดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยให้เร่งดำเนินการอย่างเข้มข้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ส่วนภาวะการลงทุน อยากให้รัฐบาลเร่งส่งเสริมเอกชนลงทุนทั้งการลงทุนใหม่และขยายการลงทุนของผู้ประกอบการเดิม รัฐบาลควรกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคก่อน
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลใหม่อยู่ระหว่างร่างนโยบายเพื่อแถลงต่อรัฐสภา กกร.จะประสานแนวความคิดที่หารือกันไปเสนอต่อรัฐบาล แต่หากรัฐบาลไม่เห็นด้วย ภาคเอกชนจะมาปรึกษากันภายหลังว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่เห็นว่ารัฐบาลควรต้องทำ คือ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ให้ดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากการส่งออกจะชะลอตัวลง เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ดี จึงต้องเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในเป็นสำคัญ โดยกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุน และให้พิจารณาเพิ่มงบประมาณอีก 80,000 ล้านบาท ทำโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สร้างงาน เพื่อให้มีรายรับเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มงบประมาณดังกล่าวจะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตได้ร้อยละ 0.5-1.0 อย่างไรก็ตามงบประมาณที่นำไปใช้จะต้องใช้ให้ถูกต้อง แม้ใช้ในระยะสั้น แต่ไม่ใช่เพื่อประชานิยม
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวต่อถึงนโยบายรัฐบาลจะพักหนี้ให้เกษตรกรรายย่อย 3 ปี ว่า เห็นด้วยหากจะพักหนี้ให้เกษตรกรที่จำเป็นจริงๆ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่พักหนี้เกษตรกรทั้งหมด เพื่อตอบแทนในบางเรื่อง ขณะที่การสร้างรายได้ให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยไม่ขัดข้อง แต่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างหนี้แล้วไม่คิดจะจ่ายคืน พร้อมอยากเห็นค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ หากรัฐบาลใหม่จะยกเลิกมาตรการกันสำรองเงินทุนร้อยละ 30 เพราะเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ก็อยากให้มีมาตรการอื่นรองรับ ขณะที่การปรับเปลี่ยนค่าเงินบาท ควรเป็นไปตามกลไกตลาด และความเปลี่ยนแปลงของของค่าเงินบาทควรจะใกล้เคียงกับสกุลเงินในประเทศเพื่อนบ้าน ที่เป็นคู่แข่งขันทางการค้า หากไม่ใกล้เคียงจะไม่ส่งผลดีต่อการแข่งขันของไทย
ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลใหม่ในเรื่องประชานิยม และการหาทางให้เศรษฐกิจฟื้นตัวรวมทั้งการลงทุนโครงการเมกกะโปรเจกต์ ภาคเอกชนเห็นด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นปัญหาและยังมีอยู่ที่ควรแก้ไขคือ กฎระเบียบที่เกิดจากกฎหมายและประกาศต่าง ๆ ภาครัฐและเอกชนจะต้องหารือและแก้ไขร่วมกันต่อไป เพื่อให้การทำธุรกิจของธนาคารและลูกค้าสะดวกยิ่งขึ้น