พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
“...ที่ผ่านมาสันติอโศกเข้มแข็งมาก เข้มแข็งกว่าที่เราคิด สันติอโศกเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้...”
เรารู้จักสันติอโศกมากว่า 30 ปีแล้ว จึงต้องถามตัวเองว่าที่ผ่านมาเราได้ทำอะไรกันไปบ้าง เราไม่ได้ทำอะไรเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสันติอโศกเข้มแข็งมาก เข้มแข็งกว่าที่เราคิด สันติอโศกเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
การตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิสันติอโศก เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2518 นายรักษ์ ซึ่งยังไม่ได้ลาสิกขา และยังอยู่ในสังกัดวัดหนองกระทุ่ม แต่ไม่ได้อยู่ในบริเวณวัด กลับประกาศใช้บ้านพักใกล้วัด เป็นพุทธสถาน แดนอโศก ประกาศแยกตัวออกจากคณะสงฆ์ไทย ประกาศไม่อยู่ภายใต้กฎระเบียบและการปกครองของมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์ โดยอ้างว่ายึดเอาพระธรรมวินัยเป็นหลักปกครองกลุ่มตนเอง หลังจากการประกาศแยกตัวจากคณะสงฆ์ครั้งนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าโพธิรักษ์ได้สละสมณเพศซึ่งบวชตามขั้นตอนของคณะสงฆ์แต่อย่างใด ยังคงถือตนเองเป็นนักบวชอยู่ และได้มีพฤติกรรมแปลกๆ ออกมาอีกมากมาย ตั้งแต่การตั้งตนเองเป็นพระอุปัชฌาย์ ทั้งๆ ที่พรรษาไม่ถึง
นายรักษ์วางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าถ้าตนได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในคณะสงฆ์จะนำประเทศชาติ จะนำคณะสงฆ์ไปตามแนวทางที่ได้คิดและวางแผนไว้ อดทนรอมาตั้งแต่ปี 2513 คือตั้งแต่บวช ได้วางแผนไว้แล้ว และไม่ได้อยู่อย่างสบายๆ ใช้สมองคิดตลอดเวลา
เราและพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเคยคิดถึงเรื่องนี้กันบ้างหรือเปล่า ภัยกำลังจะคืบคลานเข้ามาใกล้กับความเป็นจริงแล้ว นายรักษ์และพล.ต.จำลอง คิดว่าคงยังทำอะไรไม่สำเร็จในรุ่นนี้ แต่รุ่นต่อไปไม่แน่ ความก้าวหน้าสู่ความสำเร็จใกล้มาแล้ว เพราะวันนี้เขามีสันติอโศกมากมายทั่วประเทศแล้ว ตั้งตัวเป็นคอมมูน ยังชีพอยู่ด้วยกันเอง นำเรื่องพระพุทธศาสนามาเป็นตัวตั้งให้คนศรัทธา เชื่อถือ เขาไม่ให้บูชาหรือไหว้พระพุทธรูป แต่ให้ไหว้นายรักษ์ ซึ่งนายรักษ์ได้ตั้งตนเองเป็นศาสดาแทนพระพุทธเจ้า ใครอากบวชเขาบวชให้ ในอาณาจักรสันติอโศกจึงเรียก ท่านพ่อโพธิรักษ์
พวกเราประมาทไม่ได้ เพราะวันนี้ยิ่งขยายไปทั่วประเทศแล้ว ตลอดเวลา 38 ปี ไม่ใช่ธรรมดา สันติอโศกได้จัดตั้งเครือข่ายและกองทัพธรรมมูลนิธิ ที่นำโดย พล.ต.จำลอง มีความเข้มแข็ง และเมื่อต้องการที่จะติดอาวุธทางความคิดให้ก็สร้างโรงเรียนผู้นำทางการเมืองขึ้นที่ จ.กาญจนบุรี อาจารย์ใหญ่ก็คือ พล.ต.จำลอง สอนมาแล้วหลายร้อยรุ่น และเพื่อให้ตนเองขับเคลื่อนได้มีเงินมีทองจึงได้ตั้งบริษัทและร้านค้าขึ้นมาภายใต้ชื่อ บริษัทเท่าทุน บริษัทพลังบุญ มูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน มีหลายชื่อหลายมูลนิธิ ส่วนใหญ่ทำงานในรูปของอาสาสมัคร ใส่เสื้อม่อฮ่อม กางเกงขาก๊วย คนพวกนี้มีความอดทนสูง ตรงนี้เกิดขึ้นได้เพราะความเชื่อความศรัทธา ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดา
เป็นเรื่องใหญ่ที่คนเป็นหมื่นเป็นแสนจะเข้ามาหลงใหลได้ สมัยหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยหลงเชื่อและศรัทธา พล.ต.จำลอง จึงมอบหมายให้เป็นประธานโครงการพัฒนามนุษย์ ตั้งศูนย์คุณธรรม เป็นองค์กรมหาชนที่ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ เป็นศูนย์ที่ขับเคลื่อนทางสมองพัฒนาคนให้เป็นไปตามแนวทางของสันติอโศก สิ่งเหล่านี้ทำเกือบสำเร็จแล้ว แต่โชคดีที่ พ.ร.บ.คุณธรรมแห่งชาติ ที่พวกเราร่วมกันทำถูกผลักดันตกไป ไม่เช่นนั้นหากกฎหมายฉบับนี้นำออกมาใช้กับคนทั่วประเทศเราคงจะมีศาสดาองค์ใหม่ชื่อโพธิรักษ์ เขาจะพัฒนาคนไปในทิศทางที่ต้องการ
ทุกวันนี้ก็ยังมีตลาดนัดคุณธรรม สมัชชาคุณธรรม พยายามทำแผนพัฒนาคุณธรรมแห่งชาติ แต่ไม่สำเร็จ จึงปรับเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นไหมว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา คนพวกนี้กำลังปฏิวัติคุณธรรม ปฏิวัติสังคมไทย เป็นพระพุทธศาสนาในลัทธิสันติอโศก ภายใต้การนำของศาสดาองค์ใหม่ที่โพธิรักษ์ กำลังพลมากมายนำโดย พล.ต.จำลอง สร้างอาณาจักรมากว่า 30 ปี และตอนนี้เขากล้าที่จะออกมาเล่นเกมข้างนอกแล้ว จึงนำสันติอโศกออกมาเล่นการเมืองภายใต้ชื่อ พรรคพลังธรรม
จากนั้น พล.ต.จำลอง ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้วเริ่มมีการขยายผล ขยายสำนัก มีสาขา บึงกุ่ม บางกะปิ ที่ จ.ศรีสะเกษ นครปฐม ฯลฯ และมีการตลาดทางด้านระบบสหกรณ์ เอามังสวิรัติเป็นตัวตั้ง และเสื้อม่อฮ่อมเอาไว้ขาย โดยสัญลักษณ์คือ กลุ่มปฏิบัติธรรมมักน้อย สันโดษ ในหลักพุทธศาสนามักน้อยสันโดษ ถือเป็นแนวปฏิบัติอหิงสาไม่เบียดเบียน ใครทำได้ผู้นั้นจะได้คุณด้านจิตใจและร่างกาย และได้ศรัทธาจากการประพฤติปฏิบัติ แต่เป็นอำนาจของคุณของศีลในทางพุทธศาสนาที่ประพฤติปฏิบัติ
ณ สถานการณ์ปัจจุบัน สันติอโศกได้สร้างกลยุทธ์ใหม่ และมาตรา 100 บังคับอะไรไม่ได้ ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่สุดทนไม่ไหวตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาชื่อ พรรคเพื่อฟ้าดิน สถานที่ตั้งอยู่สันติอโศก แนวทางนี้ไม่ธรรมดา ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีถูกสร้างมาควบคู่กัน อาจจะกล่าวได้ว่า สันติอโศกได้นำเวทีที่ได้ประโยชน์ในภาคประชาชนมาก่อประโยชน์ให้กับตัวเอง นอกจากนั้นยังนำหลังแห่งพระพุทธศาสนามาเป็นประโยชน์ในการสร้างแนวร่วม
สันติอโศกมีครบทุกอย่างแล้ว แนวร่วม มันสมอง และเครือข่ายทั่วประเทศ จึงพร้อมในทุกส่วน ดังนั้นการที่เราจะล้มสันติอโศกจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะทำกันอย่างไร ประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาพร้อมๆ กัน วิวัฒนาการของสันติอโศกเราคงยอมไม่ได้เพราะเป็นภัยกับความมั่นคงของศาสนา ของชาติ สันติอโศกจะไม่ยอมหยุดนิ่ง สิ่งที่มุ่งสูงสุดคือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงทางศาสนา
สันติอโศกกินมังสวิรัติ กินมื้อเดียว กินน้อยใช้น้อย รับใช้สังคม ปลูกผัก และแบ่งให้โรงเรียนต่างๆ ซื้อใจประชาชนให้มาเป็นสาวกด้วยหลักการนี้ โพธิรักษ์อ้างว่า คำสอนของตนเองไม่เคยเรียน แต่รู้ได้ด้วยญาณวิเศษ อวดอ้างว่าตนเองเป็นพระสารีบุตร สาวกของพระพุทธเจ้า กลับชาติมาเกิด แล้วยังเป็นผู้ที่เง็กเซียนฮ่องเต้ส่งมาเกิดเพื่อช่วยมวลมนุษย์ อ้างว่าตนเองเป็นทั้งพระอรหันต์และพระโพธิสัตว์ในเวลาเดียวกัน หลายคนก็เชื่อว่าโพธิรักษ์บรรลุเป็นอริยะบุคคลแล้ว วัฏจักรของการเดินทางของโพธิรักษ์ที่ควบคู่กับจำลองเมื่อปฏิวัติวัฒนธรรมสำเร็จก็จะเปลี่ยนเป็นสังคมพุทธแนวสันติอโศก
เถรวาทจะอยู่ที่ไหน ธรรมยุทธ์ มหายาน จะอยู่ตรงไหน
พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ออกมาได้ โพธิรักษ์ก็ออกกฎหมายมาแก้ได้ ถ้ามีอำนาจก็สามารถทำได้ แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร มันเป็นภัยที่ทุกคนต้องยอมรับอย่างปฏิเสธไม่ได้ แม้เราจะไม่ยุ่งกับเขา แต่เขาเข้ามายุ่งกับเรา
พระเถรและประชาชนชาวพุทธต้องรวมตัวกันแสดงตัวออกมา จัดประชุมกันอย่างนี้ทั่วประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นว่าสันติอโศกคืออะไร ชาวพุทธเป็นพลังเงียบ พลังบริสุทธิ์ที่ไม่ค่อยออกมาต่อสู้ แต่ถ้าเราออกมาสันติอโศกจะอยู่ไม่ได้ อย่าปล่อยให้สันติอโศกทำผิดจนกลายเป็นถูก เรามีกฎหมายสงฆ์ แต่สันติอโศกบอกว่าไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายพระสงฆ์ไทย เขาจึงไม่ต้องเคารพกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้เปรียบ โพธิรักษ์เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว อะไรๆ ก็ง่าย
พระสงฆ์ต้องออกมาพูดกันบ้าง อย่าเงียบอยู่เฉยๆ ควรออกมาตรการทางสงฆ์และมาตรการทางกฎหมายเพื่อเล่นงานคนพวกนี้ ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ องค์กรชาวพุทธทั่วประเทศมีเป็นพันๆ องค์การ ทำไมเราไม่ปลุกขึ้นมาขับไล่สันติอโศก เราต้องเริ่มเคลื่อนไหวกันได้แล้ว
สื่อต่างๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน ควรช่วยกันขานรับให้เห็นภัยนี้
พวกสันติอโศก พวกกองทัพธรรม มีวินัย ศาสดาของเขาคือ โพธิรักษ์ บอกให้กางเต็นท์ก็กางพรึ่บพร้อมกัน พล.ต.จำลอง บอกตำรวจจะมารื้อเต็นท์ พวกนี้เกาะเสาเต็นท์ไว้แน่น กลัวเต็นท์หาย บอกใหย้ายที่ก็ย้ายอย่างรวดเร็ว ให้ทำอาหารก็ทำอย่างรีบเร่ง การสร้างสมความรู้สึกของเขาน่าห่วง หากปล่อยให้โพธิรักษ์ครอบงำจิตใจอย่างนี้ต่อไป
เราต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน เพราะที่ผ่านมาประชาชนไม่ทราบและไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เรามองไม่ออกเลยว่าถ้าสันติอโศกขยายตัวมากขึ้น มีแกนนำที่เป็นบุคคลสำคัญมากขึ้น สามารถประสานประโยชน์กับกลุ่มการเมืองมากขึ้น คนกลุ่มน้อยพวกนี้ก็สามารถล้มรัฐบาลได้ สามารถสถาปนาการปกครองอันมีสันติอโศกเป็นแนวทางได้ สามารถทำลายองค์กรฝ่ายสงฆ์ได้ทั้งสิ้น ชาวพุทธจึงต้องตื่นตัว ถึงเวลาแล้วที่สันติอโศกต้องออกไป
ขอยืนยันว่า ภัยร้ายแรงขณะนี้คือ ภัยจากสันติอโศก ซึ่งจะกระทบต่อพระพุทธศาสนาและกระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผศ.เสถียร วิพรมหา เลขาธิการองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนพิทักษ์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ที่มหาเถรสมาคม (มส.)
“...เราต้องปลุกจิตสำนึกว่าเราถอยไม่ได้แล้ว เรากำลังพูดถึงลัทธิหนึ่ง คือลัทธิความมั่นคง ลัทธินี้คณะสงฆ์จะต้องถูกบั่นทอนและถูกตัดคอ เพราะเป็นลัทธิผีดิบ...พวกนี้เป็นพวกอารยะขัดขืน พวกที่ไม่เปิดถนนให้เจ้าฟ้าเจ้านายเสด็จ คือ พวก... ตะกวด...”
วันนี้ขอใช้แนวทางประชาภิวัตน์ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถยืนอยู่บนแผ่นดินไทยได้ ส่วนตัวเชื่อ อ.สนิท ศรีสำแดง ที่ปรึกษาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่พูดไว้ก่อนเสียชีวิตว่า ยังมีนายทหารและข้าราชการพร้อมที่จะลุยกันเราอีกเป็นล้าน
เราต้องปลุกจิตสำนึกว่าเราถอยไม่ได้แล้ว เรากำลังพูดถึงลัทธิหนึ่ง คือ ลัทธิความมั่นคง ลัทธินี้คณะสงฆ์จะต้องถูกบั่นทอนและถูกตัดทอน เพราะเป็นลัทธิผีดิบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เคยเขียนไว้ในถ้อยแถลงว่า การที่ผู้นำผีดิบของลัทธินี้ 18 คน ประกาศไม่ขึ้นกับมหาเถรสมาคม เป็นพวกอารยะขัดขืน พวกที่ไม่เปิดถนนให้เจ้าฟ้าเจ้านายเสด็จฯ คือ พวก... ตะกวด
ในพระไตรปิฎกหลวง 45 เล่ม พระไตรปิฎกราช ผมไปเปิดทุกหน้าพิจารณาแล้วพิจารณาอีกไม่มีพระพุทธเจ้าสอนให้ผีดิบไปดูดเลือดหรือไปดำเนินการใดๆที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพราะฉะนั้นลัทธินี้เชื่อว่าถ้าวันนี้เกิดขึ้นมาแล้ว วันดีคืนดีบอกเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตย ประเทศนี้เมืองนี้พระสงฆ์ พระเถรสมาคมต้องออกมาเพื่อคนส่วนใหญ่ เราต้องทำงานเป็นทีม เขามีคนเราก็มีคน ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็จะพูดถึงลัทธิสันติอโศก
การที่ศาสนาตั้งพรรคการเมืองและอ้างตัวว่ามีคุณธรรม แสดงว่า ต้องการมีอำนาจ พระที่ไหนต้องการอำนาจ พระพุทธเจ้าบอกว่า อำนาจที่มีธรรมคืออำนาจที่สงบ มันก็เลี่ยงบอกว่า ข้าคือสมนะ อันนี้คือขบวนการที่ทำให้สงสัยว่า พระพุทธศาสนาที่สง่างามยึดโยงกับโครงสร้างที่ประชาชนต้องลุกขึ้นมาอภิวัตน์ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หากวันนี้สันติอโศกขึ้นสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะไม่เหมือน เพราะเป็นพวกคอมมิวนิสต์ เป็นแนวคิดหลายๆอย่างรวมกันแล้วตั้งตนเองเป็นศาสดา ตรงนี้มันน่ากลัวกว่าบางคณะ บางกลุ่ม
การต้องการมีอำนาจก็คือต้องการเปลี่ยนแปลงให้เป็นสังคมนิยม และต้องการเปลี่ยนศาสนา การประชาภิวัตน์ วันนี้พระต้องออกมาเทศนาให้เห็นว่าคณะคนส่วนน้อยทำไม่ถูกต้อง เบียดเบียน ผิดศีลข้อ 1 พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ไปฟ้องพระครูสังฆวินัย ว่าพระมหาโชว์ไปขึ้นเวที ส่วนพระพยอมไม่หลาบจำขึ้นเวทีไปบอกว่า “พันธมิตรหยุดเสียเถิด” เท่านี้ก็ถูกล้อมวัด แต่เราจะไม่อารยะขัดขืนในทางที่จะเกิดความรุนแรง และผมเองก็ปฏิเสธความรุนแรง แต่ใช้แนวทางที่ว่าเราจะต้องรวมกันให้ติด ขยายวงให้กว้าง และไปยืนอยู่ทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพราะเป็นประเทศของเรา ไม่ใช่ของคนส่วนหนึ่งที่จะมากำหนด คนพวกนี้เป็นแนวทางผีดิบ
อีกไม่กี่วันตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.จะว่างลง นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ชู้นโยบาย สร้างชาติ สร้างเมืองด้วยปัญญา แต่เราจะสร้างพระพุทธศาสนาด้วยการเมือง สร้างการเมืองด้วยหลักธรรม ผมขอเสนอ พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
การที่คนไทยจะเชื่อเรื่องศาสนานั้นจะต้องเชื่อด้วยเหตุผล ประชาภิวัตน์ในความหมายของที่นี่คือ การรวมตัวกันเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จริงๆ แล้วกองทัพธรรมเป็นมูลนิธิที่มีตราสาร มูลนิธิที่ใช้ประโยชน์เพื่อสังคม แล้วมูลนิธิจะมาเล่นการเมืองท้องถนนได้หรือไม่ เขาอาจจะเขียนว่าสามารถดำเนินการได้ เพราะคนพวกนี้ชอบขัดขืน
ที่มาคุยกันวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพันธมิตร แต่บังเอิญเหตุเกิดขึ้นที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ชาวโลกเห็นภาพแล้วตำหนิประเทศไทยว่าพระสงฆ์มายุ่งเกี่ยวอะไรกับการเมือง
รัฐธรรมนูญต้องแก้ ไม่ใช่แก้เพื่อตนเองแต่แก้เพื่อ 3 สถาบัน คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์