คอลัมน์ : รายงานพิเศษ
แม้ยืนหยัดประกาศชัดว่า “ไม่ยุบ” และ “ไม่ (ลา) ออก”
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า รัฐบาล ก็ยังต้องเจอมรสุมท้าทาย ประหนึ่งยั่วให้ยุบ ยุให้ออก อยู่ได้ไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งมรสุมทาง “การเมือง” ที่ต้องอาศัยการชิงไหวชิงพริบ
หรือมรสุมทางข้อ “กฎหมาย” ที่เหมือนมีช่องมากมายผุดมาเป็นความผิดได้เสมอ
จนนายกรัฐมนตรี “สมัคร สุนทรเวช” ต้องลดแรงกดดันลงด้วยการประกาศว่า จะปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหม่
ใช้ “คุณภาพ” เป็นปัจจัยหลักในการเลือก มากกว่าเลือกตามขั้วตามมุ้ง
ทำได้จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ประชาชนก็อนุโมทนาสาธุกันทั้งบ้านทั้งเมือง
เพราะปัญหาปากท้องเอย ปัญหาการเมืองเอย ก็กระทบชีวิตประชาชนจนเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า
ดังนั้น หากรัฐบาลยิ่งหามืออาชีพมาแก้ปัญหาได้เร็วมากเท่าไร คนไทยก็พลอยยิ้มได้ไปด้วยมากเท่านั้น
แต่กระนั้น...ก็ได้ยินแต่ข่าวว่า มืออาชีพระดับคุณภาพที่รัฐบาลเล็งแลไว้ ลังเลใจไม่ค่อยอยากมาร่วม “รัฐยานยนต์” สักเท่าไร
จำเลยก็ไม่พ้น รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ฝ่ายอำมาตยาธิปไตยวางกับดักนักการเมืองไว้อย่างโจ่งแจ้งนั่นแหละ
เมื่อกฎหมายสูงสุดของประเทศ ละไว้ในฐานที่เข้าใจเสียแล้วว่า นักการเมืองคือคนไม่ดี ที่ต้องมีกฎระเบียบยุ่บยั่บมาควบคุมให้ทำงานกันไม่ค่อยได้…
แล้ว “คนนอก” ที่ไหน จะอยากเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับการเป็น “นักการเมือง” แม้เพียงชั่วสมัยเดียวก็ตามทีเถอะ
ก็ด้วยเหตุผลนี้อีกหนึ่ง ที่ไม่ว่าอย่างไร เป้าหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเป้าหมายที่ไม่อาจลบไปจากกระดานของรัฐบาลได้
แม้ “ใคร” จะแย้ง แต่ความติดขัดนานัปการที่เกิดขึ้นและเห็นอยู่ ก็ทำให้ตัดสินใจได้แน่แท้มากกว่า
รัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมัคร สุนทรเวช จึงต้องเข้มแข็งและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้มาก ในการบรรลุเป้าหมายนี้
ล่าสุด ก็เหมือนมีฝนทิพย์พร่างพรมลงมาจากฟ้า…
เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตนรี นายสมัคร สุนทรเวช และคณะฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
และมีพระราชดำรัส ความตอนหนึ่งว่า
“...นายกฯ และรัฐบาล ขอให้มีกำลังใจทำงานที่ดี ให้สำเร็จเรียบร้อย และขอบใจที่ตั้งใจทำงานให้กิจการต่างๆ ก้าวหน้าด้วยดี ขอให้ท่านมีผลสำเร็จในการทำงาน เพื่อให้ผลของท่านที่ทำเป็นผลต่อส่วนรวม ให้ชาติบ้านเมืองก้าวหน้า ไม่มีความวุ่นวาย มีความก้าวหน้าต่อไป...”
ร้อยพันเภทภัย ก็คงไม่ทำให้หวั่นไหว เพียงเมื่อได้รับพระพรดังพระราชดำรัสครั้งนี้…
นี่เป็นดังกำลังใจสูงสุดที่รัฐบาลชุดนี้ได้รับ ในห้วงยามที่มรสุมพัดโหม
เพราะเมื่อยึดเอาผลประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ก็จำเป็นยิ่งแล้วที่ต้องหนักแน่น สมดังคำที่ว่า “ไม่ออก” และ “ไม่ยุบ”
ยืนยันและยึดมั่น โดยไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศว่า “รักชาติ” “กู้ชาติ” อย่างเกินความจำเป็นเหมือนที่เห็นๆ กันอยู่
คนที่ต้องเอา “สามสถาบันหลัก” ของชาติบังหน้าอยู่เสมอทุกครั้งที่เคลื่อนไหว บางครั้งก็สะท้อนถึงความไม่จริงใจมากกว่าจะบ่งบอกว่าภักดี
จะมีก็แต่ทองแท้ไม่กลัวไฟเท่านั้น ที่ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อหาอะไรมาปกป้อง
สมแล้วกับการตอบโต้ของ นายสมัคร สุนทรเวช ต่อม็อบพันธมาร ที่โจมตีเรื่องความจงรักภักดีอยู่เสมอ อย่างไม่เกรงกลัวว่าจะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ตอบโต้ ด้วยการ ไม่ตอบโต้…
คือวิธีการแบบ สมัคร สุนทรเวช ที่มีต่อผู้ใช้ประเด็นสกปรกนี้เสมอมา
นั่นคือ ไม่มีสาระและประเด็นมากพอจะให้เต้นแร้งเต้นกาไปด้วยอย่างไร
สู้เอาเวลามาทำงานเพื่อประเทศชาติจะดีกว่า
จะได้สมกับที่ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยให้ทำงานเพื่อแผ่นดิน