นายพงศ์สันต์ กุลพรไพศาล สมาชิกสภาเขตคลองเตย (สข.) พรรคพลังประชาชน พร้อมด้วย นายสมพงษ์ ตั้งสกุลวิวัฒนา ประธานชุมชนตลาดท่าเรือคลองเตย เข้าร้องเรียนผ่าน นสพ.ประชาทรรศน์ กรณีการท่าเรือแห่งประเทศไทย ชะลอการต่ออายุสัญญาเช่าพื้นที่และอาคารพาณิชย์ที่อยู่ในพื้นที่โครงการของการท่าเรือฯ ว่า เรื่องดังกล่าวมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากการท่าเรือไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ ความคิดเห็นของผู้ประกอบการ ซึ่งตนได้รับการมอบหมายจาก น.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส. พื้นที่นั้น ให้ไปดำเนินการตามข้อร้องเรียนของชาวบ้าน ชุมชนตลาดท่าเรือคลองเตย
นายพงศ์สันต์ กล่าวว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตดังต่อไปนี้
1.การท่าเรือฯ ไม่เคยทำประชาพิจารณ์สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ และผู้อยู่อาศัยในชุมนุมตลาดท่าเรือ
2.ถ้ามีการประมูลกันจริง ในการออกระเบียบข้อบังคับกับบริษัทที่ประมูลไว้ ควรมีการตั้งกรรมการโดยให้มีตัวแทนจากชุมชนเข้าร่วมในการกำหนดข้อบังคับ เช่น เรื่องค่าเช่า และผลประโยชน์ที่เจ้าของกิจการคนใหม่จะได้รับแน่นอน
3.เมื่อประมูลตลาดได้ ก็ต้องมีการทำสัญญา แล้วทำไมถึงไม่ต่อสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ เนื่องจากเป็นพื้นที่เดียวกัน
4.ถ้าการท่าเรือฯ อ้างว่าที่ต้องเปิดการประมูล เพราะรายได้เข้าท่าเรือน้อย ถึงจะแก้ปัญหาจริงๆ ไม่จำเป็นต้องเปิดประมูล การท่าเรือฯ ลงมาจัดเก็บผลประโยชน์เองจะได้ไม่ต้องผ่านบริษัทเอกชนที่มาประมูล รายได้จะได้เข้ารัฐเต็มที่ เช่นเดียวกับตลาดซันเดย์ จตุจักร ที่การรถไฟฯ จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดเก็บเอง
นายพงศ์สันต์ กล่าวอีกว่า ตนต้องฝากไปยังพี่น้องชาวตลาดคลองเตยที่เดือดร้อนจากการกระทำที่ไม่โปร่งใสของการท่าเรือฯ ให้ออกมาช่วยกัน อย่าได้ไปเชื่อนักการเมืองที่เข้ามาพูดคำหวานว่าจะนำเรื่องไปเสนอหน่วยงานต่างๆ เพราะวันนี้ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง นักการเมืองบางพรรคไม่ใช่คนตลาดคลองเตย จึงไม่เดือดร้อน เรื่องจะจบอย่างไรก็ไม่เดือดร้อน
“เพราะฉะนั้น วันนี้พี่น้องชาวคลองเตยเราต้องช่วยกันเองก่อน และที่ผมต้องเข้ามา ไม่ใช่เพราะการเมือง แต่มาเพราะผมเป็นลูกหลานคนตลาดคลองเตยที่เดือดร้อน จากการกระทำของการท่าเรือฯ เช่นกัน”
เพื่อไทย
Monday, July 21, 2008
คนคลองเตยกังขาการท่าเรือมุบมิบต่อสัญญา‘ตลาด’
ชาวบ้านคลองเตยสุดทน ร้อง “การท่าเรือฯ” ส่อต่อสัญญาเช่าพื้นที่ไม่ชอบมาพากล แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนย่อยๆ แล้วต่อสัญญาให้เฉพาะส่วนที่เป็นตลาด ขณะที่ส่วนอาคารพาณิชย์ ยังทำเฉยเมยไม่ต่อสัญญาให้ ทั้งที่มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนนับพันครัวเรือน