ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายวานิจ ปิณฑวนิช ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,บริษัทเอเอสทีวี (ประเทศไทย)จำกัด และบริษัทไทยเดย์ดอทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี
โดยโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 ถึงปัจจุบัน จำเลยกับพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกสัยสุข ในนามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันจัดการชุมนุม และเวทีปราศรัยตามสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจำเลยกับพวกได้ออกแถลงการณ์รวม 5 ฉบับ
อีกทั้งจำเลยยังได้กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อคืนวันที่ 25,26และ31 พ.ค.51 มี เนื้อหาให้ร้ายโจทก์ทำนองว่า โจทก์ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบบสาธารณรัฐ โดยโจทก์หวังเป็นประธานาธิบดี
นอกจากนี้ยังให้ร้ายโจทก์ว่าเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่ชอบธรรม พยายามเข้าไปยุ่งเหยิงกับกระบวนการการยุติธรรม และพลักดันให้รัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องไม่ต้องรับโทษ ซึ่งทำให้โจทก์และครอบครัวได้รับความเสียหายจึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดชี้สองสถานในวันที่ 27 ต.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ทั้งนี้โจทก์ยังได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินให้ศาลมีคำสั่ง ห้ามไม่ให้จำเลยที่ 1 กระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์รวมทั้งห้ามนำเอาถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นโจทก์มากล่าวในทางเสียหาย และห้ามจำเลยที่ 2 และ 3 เผยแพร่ถ้อยคำของจำเลยที่ 1 ซึ่งอาจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
โดยทนายโจทก์นำนายวานิจ ปิณฑวนิช ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเบิกความยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากที่ผ่านมาจำเลยได้กล่าวให้ร้ายโจทก์และครอบครัวให้ได้รับความเสียหาย และถูกดูหมิ่นและเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของ โจทก์ โดยหลังตอบคำถามทนายโจทก์เสร็จสิ้น ศาลนัดพยานทำการไต่สวนอีกครั้งเพื่อตอบคำถามค้านทนายจำเลยในวันที่วันที่ 23 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.