* เชื่อ!เอกสาร ’ให้ท้าย’ เปิดไฟเขียวป่วนรัฐบาล
ดาหน้าถล่มซ้ำเอกสาร “ปฐมพงษ์” ที่ทำถึง “ป๋าเปรม-พันธมิตรฯ” เหมือนเป็นการเปลือยให้สังคมเห็นชัดเจนมากขึ้นว่ามีใครเกี่ยวข้องในขบวนการล้มล้างรัฐบาลบ้าง แถมการพูดบนเวทียังชวนให้คิดว่า พล.อ.เปรม รับรู้เรื่องราวทั้งหมด “ณัฐวุฒิ” แนะคนใกล้ชิดป๋า ออกมาแจงสังคมให้ชัด ก่อนจะเกิดความเข้าใจไปในทางเสียหาย ว่าให้การสนับสนุนการขึ้นเวทีม็อบข้างถนนจริงหรือไม่ “จรัล” ติงไม่ควรทำเป็นหนังสือราชการและการตอบรับก็ควรทำเป็นเรื่องส่วนตัวจะเหมาะสมกว่า เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกถึงความเชื่อมโยง ยังเหมือนเป็นการยกระดับและรับรองกลุ่มพันธมิตรฯ
* แนะคนใกล้ชิด ‘ป๋า’ แจงสังคมหนุนม็อบหรือไม่
การเคลื่อนไหวล้มล้างรัฐบาลที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ปิดถนนเปิดเวทีโจมตีรัฐบาลทุกเรื่องจนไม่เป็นอันทำงานให้แก่บ้านเมือง หรือจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทั้งในและนอกสภา รวมไปถึง ส.ว.บางกลุ่ม องค์กรอิสระบางองค์กร ซึ่งมีที่มาต่อเนื่องจากการปฏิวัติรัฐประหาร ล้วนมีเนื้อหาสาระและย่างก้าวที่สอดรับและคล้ายคลึงกัน จนมีการตั้งข้อสังเกตและตั้งข้อสงสัยถึงความเชื่อมโยงดังกล่าวว่าเสมือนเป็นขบวนการเดียวกัน หรือมีเบื้องหลังที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
รวมไปถึงกรณีล่าสุดที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด สามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ อดีต ส.ส.และรัฐมนตรีหลายสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นปราศัยบนเวทีพันธมิตรฯ ด้วยเครื่องแบบเต็มยศ โดยมีการทำจดหมายถึงกลุ่มพันธมิตรฯ มีจดหมายถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะประธานองคมนตรี และยังมีการเกษียนหนังสือสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ด้วยนั้น เป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ทั้งในเรื่องของเจตนาของคนแต่ละฝ่าย ความเชื่อมโยง รวมไปถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.ร้อยเอ็ดพรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (วอร์รูม) ระบุว่า การที่พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ทั้งยังทำหนังสือถึงประธานองคมนตรี และกลุ่มพันธมิตรฯในกรณีเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหารนั้น เป็นการสะท้อนและทำให้สังคมไทยสามารถต่อจิ๊กซอว์ได้อย่างสมบูรณ์ว่า คนที่อยู่ในกระบวนการมีใครบ้าง ใครเป็นตัวละครตัวใด เกี่ยวข้องอย่างไร กับกลุ่มพันธมิตรฯ ชี้ให้เห็นว่าทั้งหมดนี้มีระบบความคิดอย่างไร
“ตอนนี้ตัวละครต่างๆ กำลังเปลื้องผ้าอย่างล่อนจ้อน ให้สังคมไทยได้พิสูจน์ และได้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร พล.อ.ปฐมพงษ์ ก็เป็นสามีของอดีตรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ และตอนนี้ก็ขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ โต้งๆ รวมทั้งทำหนังสือถึงประธานองคมนตรีและพันธมิตรฯ ซึ่งน่าตลกที่เอาทั้งสองคนนี้มาเคียงกัน นี่แหละสังคมจะตัดสินว่าอะไรเป็นอะไร เป็นการต่อยอดทางความคิดของคนในสังคมแบบสมบูรณ์เลยว่าใครอยู่ในกระบวนการบ้าง” นายสุทินกล่าว
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่าการที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ และยังกล่าวอ้างถึง พล.อ.เปรม เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่นำเอาประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ เข้ามาเกี่ยวข้องกับความพยายามล้มล้างรัฐบาล
การกระทำดังกล่าวได้มีขั้นตอนการตรวจสอบจากกระทรวงกลาโหม ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดการกระทำ ทั้งยังได้หยิบเอาเอกสารที่มีชื่อ พล.อ.เปรม ออกมาเผยแพร่ โดยการกระทำดังกล่าวนั้นเท่ากับเป็นการทำให้ประชาชนมองว่า พล.อ.เปรม อาจจะมีส่วนรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวทั้งหมด ยิ่งประกอบกับคำกล่าวอ้างของพันธมิตรฯ ที่พูดบนเวทีถึงเรื่องเมื่อวันที่ 19 กันยายน ยิ่งไม่เป็นผลดีกับ พล.อ.เปรม อย่างแน่นอน
ซึ่ง พล.อ.ปฐมพงษ์ นั้นควรที่จะออกมายอมรับแต่โดยดีว่าการขึ้นเวทีพันธมิตรฯ นั้นทำในนามส่วนตัวแต่การที่อ้าง พล.อ.เปรม โดยหวังว่าจะเป็นยันต์กันภัย แต่จะกลับกลายเป็นผลร้ายทั้งต่อตนเองและพล.อ.เปรม ทั้งสิ้น
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การกระทำของ พล.อ.ปฐมพงษ์ ที่แต่งเครื่องแบบเต็มยศขึ้นเวทีพันธมิตรฯนั้นเป็นกระทำที่ขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับระเบียบวินัยทหาร อีกทั้ง ความพยายามกล่าวอ้างถึงกลุ่มบุคคล ว่าเป็นผู้อนุญาตหรือสนับสนุนยังจะเป็นการชี้นำ ให้คนในสังคมคิดว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง พล.อ.ปฐมพงษ์หรือไม่
ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้น จะให้สังคมมองการเคลื่อนไหวในภาพรวมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าน่าจะมีเครือข่ายเชื่อมโยงสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกลุ่มบุคคลใดบ้าง เพราะฉะนั้น เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย บุคคลผู้ใกล้ชิด พล.อ.เปรม ก็น่าที่จะออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคม ให้สบายใจว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ปฐมพงษ์ อันเป็นการขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด
และไม่ควรให้ พล.อ.ปฐมพงษ์ นำ พล.อ.เปรมไปกล่าวอ้าง ในการเคลื่อนไหวลักษณะเช่นนี้อีก ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของประชาชนในสังคม
ด้าน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ คปพร. กล่าวว่า ขณะนี้เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ ประธานองคมนตรี และกลุ่มพันธมิตรฯ มีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจาก พลงอ.ปฐมพงษ์ ได้กล่าวบนเวทีว่าได้ขออนุญาต พล.อ.เปรมแล้ว นอกจากนี้ยังมีการทำหนังสือ กรณีปราสาทเขาพระวิหารถึงประธานองคมนตรีด้วย ซึ่งเป็นจดหมายทางราชการและประธานองคมนตรี ก็มีการเกษียนหนังสือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณแผ่นดิน
เป็นการเกษียนหนังสือที่เสมือนเป็นหการเห็นชอบ หรืออนุมัติ ซึ่งในทางกฎหมายแล้วไม่มีอำนาจในเรื่องดังกล่าว เท่ากับว่าเป็นการให้คำปรึกษากับ พล.อ.ปฐมพงษ์ ซึ่งเห็นว่าน่าจะเป็นการออกหนังสือส่วนตัวมากกว่าหนังสือราชการ
ส่วนการทำหนังสือถึงกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เท่ากับเป็นการยอมรับและยกฐานะของกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เทียบเท่ากับ ผบ.สส.