WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, July 22, 2008

พรรคประชาธิปัตย์จะปกป้อง ‘สมเกียรติ’ หรือ ‘สถาบัน’

คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยอ้างเอาไว้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เปิดทางให้สมาชิกไปขึ้นเวทีแสดงความคิดความเห็นร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ได้โดยเสรี

แต่ทั้งหลายทั้งปวงนั้น จะต้องเป็นไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย

เป็นคำอ้างข้างๆ คูๆ ที่ใช้โต้แย้งเมื่อคราว สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไปขึ้นเวทีพรรคประชาธิปัตย์ ที่นครศรีธรรมราช แต่กลับไปปลุกระดมนักรบศรีวิชัย และเรียกคนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ

เป็นการใช้ทั้งบทบาท ส.ส. และบทบาทแกนนำม็อบ ผสมปนเปอย่างไม่เหมาะสม

แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ปล่อยให้สมเกียรติแสดงบทบาทบนเวทีข้างถนนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่อีกด้านหนึ่งต้องทำหน้าที่สมาชิกผู้ทรงเกียรติในสภาผู้แทนราษฎร

แม้แต่เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา สมเกียรติหนีการประชุมรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2552 ซึ่งเป็นภารกิจพื้นฐานของ ส.ส. ที่จะต้องดูแลปากท้องของพี่น้องประชาชน เพื่อไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน

ทำเสมือนว่า พรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

และยิ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อของผู้คน ถึงความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงมาตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหาร ไปจนถึงเจตนารมณ์ในการล้มล้างรัฐบาลเพื่อประโยชน์ร่วมกัน

ที่เริ่มฉายภาพชัดมาตั้งแต่ครั้ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำคณะอันประกอบด้วย องอาจ คล้ามไพบูลย์ ศิริโชค โสภา ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ฯลฯ เข้าคารวะ สนธิ ลิ้มทองกุล ถึงบ้านพระอาทิตย์ เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2550

จนถึงวันนี้ ปรากฏเป็นหลักฐานชัดแจ้งว่า สมเกียรติได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ พูดจาจาบจ้วงเบื้องสูง ชวนให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเสียหายต่อสถาบันอันเป็นที่รักและเทิดทูน

มีการแจ้งความดำเนินคดีในความผิดอาญา ตามมาตรา 112

พนักงานสอบสวนมีการพิจารณาต่อเนื่องถึง 17 วัน และที่สุดได้ขอดุลพินิจศาลออกหมายจับกุม

นั่นแสดงให้เห็นว่า การพูดจาดังกล่าวมีมูลความผิดชัดเจน...

ที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องให้ประชาธิปัตย์หยุดเดิมเกมนอกสภา หยุดให้สมาชิกพรรคร่วมเวทีพันธมิตรฯ ทั้งในทางลับและทางแจ้ง และหันกลับมาเคารพในหลักการรัฐสภา

ให้กลับมาเป็นพรรคที่ยึดมั่นในหลักการ และมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เหมือนอย่างผู้บริหารพรรคในอดีตได้สั่งสมคุณงามความดีเอาไว้

แต่การนิ่งเฉย ไม่ตอบสนอง ก็ยังเข้าใจได้เพียงว่า พรรคประชาธิปัตย์ละทิ้งแล้วซึ่งหลักการ

พรรคประชาธิปัตย์ แม้จะเป็นพรรคการเมือง แต่ก็อาจนิยมชมชอบวิธีการข้างถนน

ที่สำคัญอาจเหมือนดังที่หลายคนสงสัย ก็คือ การมีเป้าหมาย และรับใช้คนคนเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม บนเงื่อนไขของวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่นิ่งเฉยต่อไป

เพราะพฤติกรรมของ ส.ส.สมเกียรติ มิใช่เพียงชวนให้เข้าใจผิดในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพวกข้างถนน หรือเป็นเพียงการทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เคารพกติกาประชาธิปไตยเท่านั้น

แต่เป็นการ “หมิ่นสถาบันเบื้องสูง”

หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่คนไทยทั้งประเทศรัก เทิดทูน และมีหน้าที่ปกป้อง

แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังสู้อุตส่าห์ตะแบงว่า เป็นเพียงแค่เรื่องส่วนตัว

หากเป็นเช่นนี้ นายอภิสิทธิ์คงต้องตอบคำถามสังคมให้ชัด

ว่าให้น้ำหนักกับการปกป้องสมาชิกพรรค มากกว่าคิดจะออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างไรกัน?

การอ้างว่าไม่เคยสนับสนุนสมเกียรติในฐานะผู้นำม็อบ แต่ไม่เคยห้ามปราม จะถือเป็นความบกพร่อง หรือจงใจปล่อยปละละเลยของผู้บริหารพรรคหรือไม่?

พรรคประชาธิปัตย์คิดว่าการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงเป็นความผิดหรือเปล่า? ถ้าคิดเช่นนั้นจริง เหตุใดจึงไม่คิดจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดกับคนของตัวเอง ที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น?

ท่าทีต่อสิ่งที่เกิดขึ้นของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เฉยเมยจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นท่าทีที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

พรรคประชาธิปัตย์ต้องรีบออกมาแสดงจุดยืนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะชวนให้คิดได้ว่า

พรรคประชาธิปัตย์ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์