WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, July 21, 2008

ปลุกทั่วประเทศไล่ป.ป.ช.-กกต.


“สมัคร”จี้ใจดำปล่อยกบฎหมิ่นพระราชอำนาจ

“ภาคประชาชน” สุดทน เดินหน้าเล่นงาน ป.ป.ช. พ้นจากตำแหน่ง เหตุมีที่มาจากเผด็จการ ขัดรัฐธรรมนูญ แถมยังส่อละเมิดพระราชอำนาจ ชงเรื่องถึงประธานวุฒิฯ วันนี้ พร้อมยื่นรายชื่อถอดถอน ขณะเดียวกันรวมพลเคลื่อนไหวกดดันหน้าที่ทำการ ป.ป.ช.-กกต. ให้ยุติการทำหน้าที่ พร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวทั่วทั้งประเทศ ประเดิมชุมนุมหน้าศาลากลาง 19 จังหวัดภาคอีสาน และขอรายชื่อประชาชนร่วมถอดถอนด้วย ด้าน “สมัคร” ยังย้ำชัด ป.ป.ช.ขัดกฎหมาย ย้อนถามหรือจะปล่อยให้กบฎหมิ่นพระราชอำนาจ ด้านพปช.จ่อชงเรื่องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ท่ามกลางกับดักทางการเมือง เมื่อเช้าวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมาได้มีการประชุม "สภาประชาชน" ครั้งที่ 2/2551 ขึ้นที่สมาคมศิษย์เก่าอำนวยศิลป์ โดยมีแกนนำองค์กรภาคประชาชนร่วมการประชุมอย่างคับคั่ง อาทิ นายคณิน บุญสุวรรณ ประธานสภาประชาชน พร้อมด้วย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข น.พ.เหวง โตจิราการ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายชินวัตร หาบุญพาด เป็นต้น

ผวาตุลาการภิวัตน์สร้างปัญหา
สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ มี 4 วาระ ประกอบไปด้วยความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการเคลื่อนไหวต่างของกลุ่ม คปพร.ที่ผ่านมา รวมถึงการปรับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อป้องกันและตอบโต้พันธมิตรฯ ที่จะออกมาขัดขวางการแก้ไขรธน.50

นายคณิน กล่าวถึงอำนาจในหลักประชาธิปไตยแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายคือ อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ ซึ่งต้องเป็นสิ่งที่คานอำนาจกันและกัน แต่ในขณะนี้ กำลังอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่นั้น มีอำนาจตุลาการภิวัฒน์เข้าสั่นคลอน โดยเข้ามีบทบาทในทางการเมืองและการปกครองมาขึ้นและจะกลายเป็นผลกระทบที่น่ากลัวตามมา

นอกจากนี้ในส่วนของกลุ่มอำนาจที่ 4 ที่เข้ามาสอดประสานกับการทำงานของเผด็จการคือ องค์กรอิสระ ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อโจมตีรัฐบาลโดยเฉพาะ โดยกำลังทำลายเสถียรภาพทางการเมือง รัฐบาล โดยผลกระทบทั้งหมดเหล่านี้จะนำไปสู่ผลกระทบด้านความมั่นคง และบ้านเมืองเราในขณะนี้กำลังถูกปลุกปั้นจากลุ่มบุคคลที่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพโดยทำลายรัฐธรรมนูญ 40 ที่ทำให้บ้านเมืองไม่มีความมั่นคงแบบถาวร และแทนที่ด้วยรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นโดยเผด็จการ

อีกทั้ง พยายามดำเนินขั้นตอนเพื่อนำไปสู่การยึดอำนาจของเผด็จการโดยขั้นตอนแรกนั้นคือ พยายามยุให้ประชาชนต่อสู่กับประเทศเพื่อนบ้าน ขั้นตอนที่สอง พยายามยุแยงให้ประชาชนเกลียดรัฐบาลและเมื่อบ้านเมืองขาดเสถียรภาพแล้ว กำเนินระบบ "การเมืองใหม่"นั้นเอง

เชื่อกระแสต้านแก้รธน.50หนักแน่
ด้าน อ.จรัล กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ในการประชุมครั้งนี้ซึ่งพวกเราได้กำหนดยุทธศาสตร์ชัดเจนมากขึ้นที่ต้องการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยได้ระดมประชาชนที่ต้องการจะแก้ไขรธน.50 โดยได้รวบรวมรายชื่อ และยื่นต่อประธานสภาฯ และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดที่ได้รวบรวมมา ซึ่งอย่างเร็วที่สุดคาดว่าน่าจะเสร็จสิ้นประมาณปลายเดือนสิงหาคม

ในการประชุมครั้งนี้พวกเราต้องกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่เมื่อถึงคราวเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญ ในวันที่ 1 สิงหาคม และเมื่อการยื่นร่างแก้ไขผ่านเข้าสู่สภาฯได้ นั้นเท่ากับว่าจะต้องโดนกระแสกดดันของกลุ่มบุคคลไม่ประสงค์ที่จะให้มีการแก้ไขรธน.50ได้สำเร็จเหมือนครั้งที่ส.ส.และส.ว.พยายามจะยื่นชื่อเข้าขอแก้ไขแต่ถูกกดดันจนต้องถอย

ดึงปชช.ร่วมแสดงจุดยืนแก้รธน.
ขณะที่ น.พ.เหวง กล่าวว่า ดังได้กล่าวไว้ในขั้นต้นทางที่ประชุมสภาประชาชนมีมติที่จะไปรวมตัวกันเมื่อการผ่านร่างแก้ไขรธน.เข้าสู่สภาฯเพื่อปกป้องให้มีการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปได้จนสามารถผ่านไปได้ทั้ง 3 วาระและไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังที่เกิขึ้นเมืองครั้งที่ความพยายามของส.ส.และส.ว.แต่ล้มเหลวเพราะถูกม็อบพันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์กดดัน

ในคร้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี โดยท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดี กลับมีปรากฎการณ์การเกิดขึ้นของสภาประชาชนทั่วประเทศออกมาร่วมตัวกันเพื่อต่อสู่กับแผนดาวกระจายของพันธมิตรฯ ที่ตระเวณสร้างความวุ่นวายอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นพวกเราต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อตอยโต้การคัดขวางของพันธมิตรฯ ด้วยเช่นกัน ซึ่งตนต้องการที่จะเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงตนที่ต้องการแก้ไขรธน.50และร่วมต่อต้านพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ

จี้สำนึกปปช.ลาออกจากตำแหน่ง
ส่วนกรณีของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งมีที่มาขัดต่อรัฐธรรมนูญ และยังอ้างรัฐาธิปัตย์ ส่อว่าจะเปแนการละเมิดพระราชอำนาจ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่การประชุมครั้งนี้หใความสำคัญ และมีการนำมาพูดจากันอย่างกว้างขวาง

นายสมยศ กล่าวว่า ป.ป.ช.ในวันนี้ควรที่ต้องมีจิตสำนึกได้แล้วว่า ต้องลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้กำจัดพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเผด็จการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับหน้าที่ของป.ป.ช.ชุดดังกล่าวไม่พระราชโองการแต่งตั้งเป็นทางการ ซึ่งเท่ากับว่าไม่คุณสมบัติและขัดกับหลักรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประรัฐธรรมนูญว่าด้วยสำนักป้องกัยและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งผิดกับทั้ง 2 กฎหมาย และทำราวกับว่าไม่แสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัว เพราะไม่ได้มาจากการโปรดเกล้าฯ

เดินหน้ากดดัน ป.ป.ช.พ้นตำแหน่ง
ดังนั้น ในยุทธศาสตร์การกดดันให้ป.ป.ช.ลากออกนั้น ทางสภาประชาชนจะมีการร่วมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ทางกรรมการป.ป.ช มีจิตสำนึกถึงความถูกต้องและลาออกจากการรับใช้เผด็จการ โดยในวันที่ 22 กรกฎาคม จะมีกลุ่มเดินทางไปกดดันที่หน้า ปปช. จะมีการทำพิธีปลดป้าย ปปช.ด้วย เพราะไม่มีความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว

ในส่วนมาตราการกดดันทางกฎหมายนั้น นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ในฐานะตัวแทนของกลุ่ม 5 องค์กร จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้กับประธานวุฒิสภาเพื่อถอดถอนป.ป.ช. โดยจะล่ารายชื่อเพื่อสนับสนุนให้มีการดำเนินการดังกล่าวตามที่มีระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้

ส่วนกิจกรรมการกดดันป.ป.ช.นั้นในส่วนของต่างจังหวัดนั้นจะเริ่มที่ 19 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งองค์กรที่เข้าร่วมนั้นจะนำแผ่นป้ายไปประท้วงที่หน้าศาลากลางจังหวัดทั้ง 19 จังหวัดอีสานและจะรณรงค์ให้ทั่วประเทศนั้นเข้าร่วมในการถอดถอนป.ป.ช.อีกด้วย

ไล่บี้3กกต.-จี้ปชป.รับผิดชอบคดีหมิ่น
นอกจากนี้ นายชินวัตร เสริมว่า ทางสภาประชาชน ยังได้กำหนดกิจกรรมเพื่อเป็นแสดงถึงการปรับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อตอบโต้พันธมิตรฯและเผด็จการ อาทิ ในวันที่ 22 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. ตนเองและประชาชนบางกลุ่มจะเดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยส่วนหนึ่งเพื่อที่ต้องการให้กำลังใจ 2 กกต.ส่วนน้อยที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และอีกส่วนหนึ่งเพื่อเรียกร้องกดดันให้ 3 กกต.ที่รับใช้เผด็จการลาออกเนื่องจากไม่ช่วนเหลือพวกเดียวกันนั้นคือไม่ยอมพิจารณาให้ใบแดงกับนายวิฑูรย์ นามบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

และในวันที่ 23 กรกฎาคม เวลา 10.00 น.นัดร่วมตัวเพื่อกดพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่แสดงความรับผิดชอบที่นายสมเกีรยติ พงษ์ไพบูลย์ ถูกออกหมายจับในข้อหาหมิ่นสถาบันแต่กลับไม่ท่าทีแสดงความรับผิดชอบใด ๆ จากพรรคประชาธิปัตย์แต่กลับอ้างว่าเป็นการกระทำส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับทางพรรค ซึ่งการเดินทางไปในครั้งนี้เพื่อต้องการเรียกร้องในทางพรรคแสดงความรับผิดชอบและขับไล่นายสมเกีรยติ ออกจาการเป็นส.ส.และสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์

“สมัคร” ย้ำ ป.ป.ช.ละเมิดพระราชอำนาจ
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ย้ำในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่พูดถึง ปปช.เพราะตนเองก็มีความคิด มีความรู้เรื่องกฎหมาย ก็ต้องพูด ที่ตนพูดว่าจะต้องผ่านการถวายสัตย์นั้นฯ พูดผิดไปหน่อย จริงๆแล้วจะพูดว่าต้องผ่านการโปรดเกล้าฯลงมาก่อน เพราะก็ยังไม่มีการโปรดเกล้าลงมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วตนมีสิทธิที่จะเอ่ยหรือไม่ว่า คุณทำไม่ถูกต้องตามกฏหมาย เพราะข้าราชการซี 10 เมื่อรับตำแหน่ง ก็จะต้องได้รับการโปรดเกล้าก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่ แต่นี่เป็นการละเมิดพระราชอำนาจ

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "คุยนอกทำเนียบกับทีมโฆษกรัฐบาล" ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ที่มาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ว่า ที่นายกตั้งข้อสังเหตุเรื่องความชอบธรรมของป.ป.ช.คือป.ป.ช.ชุดนี้เข้าดำรงตำแหน่งตามประกาศคปค.ฉบับที่ 19 ในวันที่ 22 ก.ย. 2549 ลงนามโดยพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งในประกาศดังกล่าวระบุข้อหนึ่งว่า “ให้พ.ร.บ.ป.ป.ช. 2542 ยังคงบังคับใช้ต่อไปยกเว้นบทบัญญัติเกี่ยวกับการสรรหา เพราะฉะนั้นป.ป.ช.ชุดนี้จึงเข้าดำรงตำแหน่ง จากนั้นประกาศคปค.ฉบับที่ 31 มีข้อหนึ่งระบุว่าให้พ.ร.บ.ป.ป.ช.2542 บังคับใช้ทั้งฉบับ ก็คือให้ยกเลิกขั้นตอนเกี่ยวกับการสรรหา สรุปคือว่าตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 49 พ.ร.บ.ดังกล่าวบังคับใช้ทั้งฉบับ ทุกมาตรา

กางกฎหมายชี้ชัดคุณสมบัติป.ป.ช.
“ซึ่งในมาตรา 12 ของพ.ร.บ.ดังกล่าว บัญญัติว่าห้ป.ป.ช.ดำรงตำแหน่งนับตั้งแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งวาระละ 9 ปี และดำรงตำแหน่งได้ครั้งเดียว แต่ป.ป.ช.ชุดนี้แต่งตั้งโดยพล.อ.สนธิฯ ไม่มีการลงพระปรมาภิไธโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งแต่อย่างใด เป็นการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งด้วยการก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือไม่”

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในพ.ร.บ.เงินเดือน เงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งข้าราชการ 2541 มาตรา 4 บัญญัติว่า การจะรับเงินเดือนของป.ป.ช.ก็จะต้องรับตั้งแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ดังนั้นตนจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าทุกวันนี้มีรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ป.ป.ช.ยังจะอ้างความชอบธรรมได้หรือไม่ เพราะตอนนี้พล.อ.สนธิก็เป็นคนไทยธรรมดา ทหารนอกราชการคนหนึ่ง แล้วป.ป.ช.จะยังมีความชอบธรรมในวาระที่เหลืออีก 7 ปีหรือไม่ ดังนั้นการที่พล.อ.สนธิยังเป็นเจ้าของคำสั่งอยู่ถือว่าชอบธรรมหรือไม่

“และหากใน 7 ปี พล.อ.สนธิ ตัดสินใจเล่นการเมือง และมีคดียื่นเรื่องเข้าปปช. และปปช.ต้องตรวจสอบพล.อ.สนธิ ถามว่าจะมีการตรวจสอบหรือไม่ และอย่างนี้มีความชอบธรรมหรือไม่ ”นายณัฐวุฒิ กล่าว

พปช.หาข้อสรุปยื่นถอดถอนปปช.
นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองโฆษกพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ก.ค. คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคพลังประชาชน จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปการยื่นถอดถอนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 246 โดย ป.ป.ช.ชุดนี้ตั้งโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ แม้มีบทเฉพาะกาลกำหนดให้ ป.ป.ช.ทำหน้าที่ต่อไปได้ แต่ก็ถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ

นายบุญจง กล่าวว่า ขั้นตอนการยื่นถอดถอนนั้น สส.ของพรรคจะเข้าชื่อยื่นคำร้องขอต่อประธานวุฒิสภาให้ส่งเรื่องถอดถอน ป.ป.ช.ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อพิจารณาว่ากระทำผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ถ้าศาลฎีการับเรื่องไว้จะมีผลให้ ป.ป.ช.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที