คอลัมน์: โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
จับตามองดูการก้าวย่างของ “สมาชิกวุฒิสภา” โดยเฉพาะที่มาจากการ “แต่งตั้ง” ผลักดันโดย “อำนาจเผด็จการ” ที่ฉีก และร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ โดยจงใจจะให้เป็นปัญหาต่อการบริหารราชการบ้านเมือง ต่อการทำงานของรัฐบาล มีการเปิดช่องให้มีการก่อกวน สร้างความสับสนวุ่นวายขึ้น
ซึ่งเป็น “กับดัก” ที่ต้องแก้ไข
สิ่งที่สังคมพบเห็นคือ ส.ว. พวกนี้ตั้งหน้าตั้งตาหาเหตุยื่นเรื่อง “ถอดถอน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นหลัก โดยมี “องค์กรอิสระ” ซึ่งมีที่มาที่ไปในช่องทางเดียวกัน ออกมารับลูกอย่างสอดคล้องเหมาะเจาะ ราวกับว่ามีการเตี๊ยมกันไว้แล้ว
ส่วนวุฒิสมาชิกที่มาจากการ “เลือกตั้ง” จากประชาชนนั้น มีคนเดียวจริงๆ ที่ออกมาปาวๆ เป็นข่าวมาตลอด ถ้ามองย้อนไปดูพฤติกรรมพฤติการณ์ที่ผ่านมา เห็นชัดเจนว่า ส.ว. คนนี้ยืนอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลมาอย่างคงเส้นคงวา เสมอต้นเสมอปลาย ได้ออกมาเล่นเกมการเมืองครั้งนี้กับ ส.ว. แต่งตั้งกับเขาด้วย
ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ กลับไม่มีบทบาทอะไรให้สังคมได้เห็น ไม่เอ่ยอะไรสักแอะ ในขณะที่บ้านเมืองมีสารพัดปัญหาที่จะต้องเร่งรีบแก้ไข ทั้งปัญหาความเดือดร้อนของคนในประเทศ และกรณีพิพาทกับเพื่อนบ้าน ที่มีการขยายความบิดเบือนให้เกิดความแตกแยกในสังคม จนคนไทยต้องเข้าทำร้ายกัน เป็นข่าวอัปยศอดสูเผยแพร่ออกไปทั่วโลก หรือจะพลอยเห็นดีเห็นงามไปด้วยก็ไม่ทราบ
อย่าเป็นฮีโร่ในสายตาโจรเลยครับ
ในเมื่อ “สภา” ที่ประชาชนเลือกเข้ามา ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ “สภาประชาชน” ก็ต้องเข้ามามีบทบาทแทน
ถ้าไม่มี “สภาประชาชน” มีหรือที่ประชาชนจะหูตาสว่างขึ้นได้ เช่น การที่อำนาจที่ 4 ที่เรียกว่า “ตุลาภิวัตน์” ได้เข้ามามีบทบาททางการเมืองการปกครองมากขึ้น และกลายเป็นผลกระทบที่น่ากลัวตามมา เนื่องจากการทำงานมีการสอดประสานกับ “องค์กรอิสระ” ที่มีปัญหาความน่าเชื่อถือศรัทธา พร้อมทำลายเสถียรภาพทางการเมือง ทำลายความมั่นคงของรัฐบาล ไปพร้อมๆ กับการปลุกปั่นจากกลุ่มคนนอกสภา ที่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีเสถียรภาพ มีความมั่นคงเหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ การประชุมของ “สภาประชาชน” จึงนำไปสู่จุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่เผด็จการหยิบยื่นมาให้ ซึ่งจะนำไปสู่ “การเมืองใหม่” ของผู้ที่ไม่เชื่อมั่นศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
รวมทั้งการจี้สำนึก กดดันให้องค์กรอิสระที่เป็นปัญหาอย่าง ป.ป.ช. กกต. พ้นจากตำแหน่ง หรือเรื่อง “ควายไม่มีคอก” ของสันติอโศก ที่ไม่ค่อยมีใครออกมาพูดให้ฟังด้วยภาษาที่เข้าใจได้ง่ายๆ กันบ่อยครั้งนัก
ดังนั้น “สภาประชาชน” จะต้องกระจายออกไปให้มากที่สุด ไปทั่วประเทศได้ยิ่งดี นอกจากเสนอความต้องการและสะท้อนปัญหาของประชาชนแล้ว ยังต้องเป็นแหล่งเรียนรู้ ป้อนข้อมูลให้คนในพื้นที่รับรู้อย่างทันท่วงที และถูกต้องครบถ้วน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ “สงครามข่าว”
อย่าให้ลิ่วล้อของเผด็จการที่มุ่งทำลายประชาธิปไตย มาอ้างความเป็นประชาชนไปเป็นพวก เป็นข้ออ้างอีกต่อไป
โดยเฉพาะกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ที่ชัดเจนว่ามี ส.ว. ออกมาตั้งป้อมเล่นงานรัฐบาล สอดประสานกับกลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่าย ที่ถูกมองว่ามีความแนบแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
การที่พี่น้องประชาคมคนกันทรลักษ์ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย และคัดค้านกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มธรรมยาตรา รวมทั้ง ส.ว. ที่ได้รับการลากตั้งมา ที่จงใจให้เกิดการกระทบกระทั่ง บาดหมาง ความไม่เข้าใจกันในหมู่คนไทย จนมีการบาดเจ็บเกิดขึ้น
ในฐานะของคนในพื้นที่ ได้จัดงานทำบุญ อุทิศผลบุญนี้เพื่อให้แผ่นดินนี้เกิดสันติสุข เนื่องจากเห็นว่า ในเมื่อรัฐบาลแสดงความจริงใจ รับไปจัดการแล้ว การเคลื่อนไหวต่อต้านก็ควรยุติลง ซึ่งวิญญูชนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ในการมีเหตุมีผล เห็นว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ
ไม่ใช่จะตะบี้ตะบันทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ให้เป็นประเด็นบานปลายออกไป อย่างที่ม็อบพันธมิตรฯ และเครือข่ายที่ไม่หวังดีต่อรัฐบาลกำลังทำอยู่
ที่ยกเอากรณีของพี่น้องชาวกันทรลักษ์มาพูดถึง เพราะต้องการให้กลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่ายลิ่วล้อได้เกิดสำนึก และหยุดใส่ไฟโหมเชื้อให้สถานการณ์รุนแรงไปอีก
ขอให้เป็นเรื่องที่รัฐบาลทั้งสองประเทศ จะต้องพูดจาดำเนินการกันไป ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่มาดูแลแก้ไข เพราะนี่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มีความละเอียดอ่อน และที่สำคัญ “สังคมโลก” กำลังจับตามองอยู่ โดยเฉพาะกับประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งประเทศอาเซียน ปัจจุบันมีเลขาธิการเป็นไทย และประเทศไทยกำลังจะเป็นประธานอาเซียน
วันนี้...ชายแดนมีปัญหากับเพื่อนบ้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความไม่สงบ ใจกลางประเทศมี “คอกมนุษย์” มีการปลุกระดม จงใจละเมิดกฎหมาย
หรือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความภูมิใจของฝ่ายที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล
บิ๊กโบ๊ต