WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, July 22, 2008

บทสนอง - การเมืองใหม่ (กว่า)

คอลัมน์ : ฮอตสกู๊ป

นพ.กิติภูมิ จุฑาสมิต กลุ่มปีกซ้ายพฤษภาฯ เขียนข้อเสนอลงเว็บไซต์ประชาไท เป็นการท้าทายพันธมิตรฯ ดังนี้…

1.ตามที่ ท่านสุริยะใส กตะศิลา ผู้นำของกลุ่มเผด็จการ คมช./ครป. และผู้ประสานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้นำเสนอการเมืองใหม่ สูตร 70 : 30 (เลือกตั้งแค่ 30% คัดสรร-แต่งตั้ง-ลากตั้ง 70%) โดยให้เหตุผลอันสวยหรูว่า จะเป็นการลดอิทธิพลของนักการเมือง/พรรคการเมือง และเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนได้มีบทบาทมากขึ้น

ตอนแรกที่ได้ทราบข่าว ผมรู้สึกยินดียิ่งนักที่ได้เห็นคุณสุริยะใสได้ใช้สติปัญญารีดเค้นความคิดออกมาจากสมอง เพื่อแก้ปัญหาของสังคมไทย...

แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นกลับมีการขานรับจากแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 อย่างสอดคล้องต้องกัน...อีกทั้งยังมีการร้องคลอโดยฝ่ายปฏิกิริยาล้าหลัง ตามมาอีกเป็นระลอกๆ...แถมด้วยการเคลื่อนไหวกระตุ้น ยุแยง สร้างสถานการณ์ โดยเห็นได้ชัดว่าต้องการให้เกิดการจลาจลนองเลือด หรือเกิดสงครามขึ้น...และแน่นอน ในสถานการณ์พิเศษเช่นนั้น...พวกเขาจะสามารถสถาปนาระบอบการปกครองใหม่ เป็นระบอบการปกครองแบบ “เผด็จการ 70%”

ภาพที่ปรากฏออกมาทำให้ผมเกิดความสับสนว่า ท่านสุริยะใสได้ใช้สติปัญญาคิดประดิษฐ์ระบอบ “เผด็จการ 70%” หรือระบอบ “ประชาธิปไตย 30%” ขึ้นมาเองจริงๆ

...หรือเป็นเพียงแค่การ “รับงาน” อีกชิ้น มาเผยแพร่แทนเผด็จการอำมาตยาธิปไตยกันแน่!!!

สำหรับบทความนี้...ผมขอตั้งสมมติฐานเบื้องต้นว่า คุณสุริยะใสคงจะคิด 70 : 30 นี้ขึ้นมาเอง...

แต่กระนั้นก็ตาม...หากคุณสุริยะใสตั้ง 70 : 30 ขึ้นมา เพราะรังเกียจนักการเมือง/พรรคการเมืองจริง...ไฉนจึงมาลงโทษเอากับประชาชน โดยการ “ปล้นสิทธิ 70%” ไปจากมือประชาชนเล่า?...

หรือว่าสิ่งที่คุณสุริยะใสรังเกียจเดียดฉันท์อย่างแท้จริง...มิใช่ “พรรคการเมือง” แต่เป็น “ประชาชน”!!!

“ประชาชน” ในสายตาของคุณสุริยะใส คงโง่เขลาเบาปัญญา ชั่วช้าสารเลว เสียจนไม่ควรค่าที่จะมีสิทธิเสรีภาพเต็ม
100%...โยนเศษๆ แค่ 30% ก็เกินพอแล้ว!!!

2.หากคุณสุริยะใสต้องการจะลดอิทธิพลของพรรคการเมืองลงจริงๆ คุณสามารถทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้อง “ปล้น” สิทธิของประชาชนเลยแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว โดย...กำหนดให้ ส.ส. ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง!!!

ง่ายๆ!!!...แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง!!!

แถมเผด็จการอำมาตยาธิปไตยยังสามารถควบคุม/ซื้อตัว ส.ส. ได้ง่ายๆ ด้วย (ซึ่งน่าจะถูกใจทั้ง คมช. ครป. และพันธมิตรฯ เป็นอย่างยิ่ง)

...แต่ถ้าท่านสุริยะใสต้องการรูปแบบที่ซับซ้อน และมีสภาที่สามารถสะท้อนกลุ่มต่างๆ ในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง...ผมก็พร้อมที่จะสนองด้วยการเมืองใหม่ (กว่า) ในรูปแบบ 50 : 50!!!

3.การเมืองใหม่ (กว่า) 50 : 50 ที่ผมจะเสนอต่อไปนี้ หากท่านสุริยะใส และแกนนำพันธมิตรฯ (และผู้อยู่เบื้องหลังทุกท่าน) เห็นด้วย...จะนำไปใช้ ผมก็ไม่ขอคิดค่าลิขสิทธิ์แต่ประการใด (แต่ถ้าจะแบ่งเศษเสี้ยวผลประโยชน์มาบ้างก็ยินดีรับครับ!!!)

หลักการเป็นเช่นนี้ครับ

1) มีสภาเดียว ไม่ต้องมีวุฒิสภา
2) สมาชิกสภามี 1,000 คน
3) มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540...ย้ำอีกที 2540 นะครับ (ไม่ใช่ 2550) 500 คน (ส.ส. เขต และปาร์ตี้ลิสต์ ตามเดิม)
4) อีก 500 คน เป็น “สมาชิกสังคม” ซึ่งผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งหมด จะสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้
5) หลักการมีอยู่ว่า คนทุกกลุ่มในสังคมต้องมีส่วน มีเสียงในรัฐสภา
6) ยกตัวอย่างเช่น หากเห็นว่าลักษณะทางสังคมทางด้านศาสนามีความสำคัญ เราต้องสำรวจว่า ในผู้มีสิทธิเลือกตั้งนับถือศาสนาใด เป็นจำนวนเท่าใด สมมติว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 40 ล้านคน

พุทธ (จะแยกนิกายก็ได้ครับ) 30 ล้านคน

คริสต์ (จะแยกนิกายก็ได้ครับ) 2 ล้านคน

อิสลาม (จะแยกนิกายก็ได้ครับ) 7.5 ล้านคน

ซิกข์ 0.1 ล้านคน

ไม่มีศาสนา 0.1 ล้านคน

สันติอโศก 0.1 ล้านคน

ฮินดู 0.1 ล้านคน

มอร์มอน 0.1 ล้านคน ฯลฯ

สัดส่วน ส.ส. สังคมในสายศาสนา พุทธ : คริสต์ : อิสลาม : ซิกข์ : ไม่มีศาสนา : สันติอโศก : ฯลฯ เท่ากับ 30 : 2 : 7.5 : 0.1 : 0.1 : 0.1 : ฯลฯ

หากจำนวนเต็มของ ส.ส. สังคมสายศาสนาคือ 50 คน เราจะมีผู้แทนพุทธ 38 คน คริสต์ 2 คน อิสลาม 9 คน ซิกข์ 0.1 คน ไม่มีศาสนา 0.1 คน ฯลฯ กรณีไม่ถึง 1 คน อาจรวมกับกลุ่มอื่นแล้วผลัดกันเป็นตามสัดส่วนเวลา (ไม่มีการตัดทิ้งเด็ดขาด)

7) ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องไปลงบัญชีทะเบียนว่าตนเป็นกลุ่มใด และมีสิทธิเลือกและสมัครรับเลือกตั้งในกลุ่มใด...พอถึงเวลาเลือกตั้งก็เลือกเฉพาะในกลุ่มตนเองเท่านั้น จะเลือกข้ามกลุ่มไม่ได้ เช่น ถ้าเป็นพุทธก็มีสิทธิสมัครและเลือกในสายพุทธด้วยกันเท่านั้น จะข้ามไปสมัครและเลือกสายอิสลามไม่ได้

8) ทั้งหมดแบ่งเป็น 10 สาย สายละ 50 คน (รวมเป็น ส.ส. สังคม 500 คน) แบ่งสายตามลักษณะทางสังคมที่สำคัญ 10 ประการ คือ

1.ศาสนา

2.เพศ (ชาย หญิง รักร่วมเพศชาย รักร่วมเพศหญิง รักสองเพศ ชายแปลงเพศ หญิงแปลงเพศ กะเทยตามธรรมชาติ-มี 2 เพศจริงๆ)

3.การศึกษา (ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย ปวช. ปวส. ปริญญาตรี ฯลฯ)

4.อายุ (หนุ่มสาว กลางคน ชรา ฯลฯ)

5.ภูมิภาค (เหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก ใต้ คนไทยในต่างประเทศ)

6.ถิ่นฐาน (เมือง ชนบท เขตทุรกันดาร)

7.ฐานะทางเศรษฐกิจ (คนจน คนชั้นกลาง คนรวย)

8.อาชีพ (แยกแยะตามลักษณะอาชีพด้วย เช่น ทหาร ต้องแยกทหารเกณฑ์ออกจากทหารอาชีพ แยกทหารชั้นประทวนจากทหารสัญญาบัตร ข้าราชการ-ต้องแยกแยะ ลูกจ้าง-ต้องแยกแยะ เอ็นจีโอ โสเภณี ฯลฯ)

9.วรรณะ (เชื้อพระวงศ์/ราชนิกูล นักพรตนักบวช คนธรรมดา)

10.โอกาสทางสังคม (คนพิการ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี คนไร้สัญชาติ คนไร้บ้าน ผู้เจ็บป่วยทางจิต ฯลฯ และคนธรรมดา)

9) เวลาเลือกตั้ง แต่ละคนจะต้องมีบัตรเลือกตั้ง 12 ใบ!!! ส.ส. เขต 1 ใบ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 ใบ ส.ส. สังคม 10 ใบ...มีชื่อในบัญชี 11 บัญชีทะเบียน

10) ยกตัวอย่างเช่น ตัวผมเองก็แล้วกัน นายกิติภูมิ จุฑาสมิต (ส.ส. เขต+ปาร์ตี้ลิสต์ ตามทะเบียนบ้าน...แบบเดิม) พุทธ/ชาย/ปริญญาตรี/กลางคน/อีสาน/ชนบท/ชนชั้นกลาง/รับราชการ-แพทย์/คนธรรมดา/คนธรรมดา...การเลือก ส.ส. สังคมใน 10 สายนั้น ในแต่ละสายผมจะเลือกได้เฉพาะในกลุ่มตัวเองเท่านั้น จะเลือกข้ามกลุ่มไม่ได้ เพื่อให้สภามีคนทุกกลุ่มเข้าไปมีสิทธิมีส่วนอย่างแท้จริง

4.อาจจะวุ่นวาย...อาจจะสับสนบ้างนะครับกับการเมืองใหม่ (กว่า) 50 : 50...แต่น่าจะดีกว่าการเมืองใหม่ 70 : 30 ของท่านสุริยะใสแน่นอน และดีกว่าการเมืองเก่าสามานย์ (รัฐธรรมนูญ 2550) อย่างแน่นอน...เพราะไม่มีการ “ปล้นสิทธิ” ของประชาชน โดยการคัดเลือก-แต่งตั้ง-ลากตั้ง แต่ประการใด แถมยังทำให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันด้วย

แน่นอนครับ หากท่านสุริยะใสและแกนนำพันธมิตรฯ อีก 5 ท่าน มีความจริงใจและปรารถนาดีต่อประชาชน และสังคมไทยอย่างแท้จริง...ผมเชื่อว่าท่านจะต้องรีบกระเหี้ยนกระหือรือกระโดดตะครุบรับข้อเสนอการเมืองใหม่ (กว่า) 50 : 50 ที่ผมเสนออย่างรวดเร็วทันที...

แต่หากการเคลื่อนไหวของท่านเป็นแค่การ “รับจ๊อบ” เอ๊ย “รับงาน” จากผู้ที่อยู่เบื้องหลัง...ก็เชิญกอดการเมืองใหม่ 70 : 30 ของท่านต่อไปเถิดครับ!!!

(สำหรับจุดยืนของกลุ่ม “ปีกซ้ายพฤษภาฯ”...ง่ายๆ สั้นๆ ครับ...เอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาก่อน...แล้วค่อยแก้กันทีหลัง!!!)