คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์
เจอทีเด็ดของฝ่ายรัฐบาลเข้าให้แล้ว ทำเอาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ “ดิ้น” เหมือนปลาถูกทุบหัว อย่างนี้ภาษามวยเขาเรียกว่า “เก็บอาการไม่อยู่” หรือ “ออกอาการให้เห็น” เมื่อเจอลูกสวนเข้าไปเต็มๆ หลังจากที่ปล่อยให้ชกอยู่ข้างเดียวมาก่อนหน้านี้
รัฐบาลไม่ยอมเป็นเป้านิ่งอีกต่อไปแล้ว
พลันที่สถานการณ์เกิดพลิกผัน พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโวยว่า เป็นการเอาสื่อของรัฐไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ทำไมไม่ย้อนกลับไปดูว่า ตอนที่เป็นรัฐบาลนั้น เคยเอาสื่อของรัฐไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ส่วนแกนนำพันธมิตรฯ ก็ออกมาทำทีเป็นห่วงว่า รัฐบาลจะเอารายการนี้ไปเป่าหูพี่น้องชาวบ้าน แล้วที่ม็อบพันธมิตรฯ ทำกันอยู่ทุกวันนี้ จะเรียกว่าอะไร
ผมกำลังพูดถึงรายการ “ความจริงวันนี้” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 หรือเอ็นบีที มี “วีระ มุสิกพงศ์” เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยมี “ผู้รู้” มาเป็นวิทยากร มาร่วมสนทนาถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง มาให้ความคิดเห็น เชื่อว่ารายการนี้จะสะกดคนดูคนฟังทั้งประเทศได้ เพราะจะได้รับรู้ “ข้อมูลใหม่” ที่ต่างไปจากที่กลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่าย พยายามยัดเยียดมาตลอด
เป็นการวิเคราะห์ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคม
เป็นการนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่งต่อสังคม
และเพื่อปกป้องเสถียรภาพรัฐบาล และชื่อเสียงเกียรติยศของผู้ถูกโจมตี
แต่ก็ได้รับเสียงทักท้วงมาเหมือนกันว่า รายการดีๆ ที่มีประโยชน์อย่างนี้ น่าจะมีมานานแล้ว ทำไมจึงปล่อยให้กลุ่มคนที่ไม่หวังดีทำการปลุกระดม อธิบายความเท็จอย่างหยาบคายอยู่ได้
การที่จะให้ นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงในวันอาทิตย์ ในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” มาอธิบายความนั้น ไม่สามารถลงไปในรายละเอียดได้ทุกเรื่อง ก็จะถูกฝ่ายตรงข้ามจับมาเป็นประเด็นโจมตี เหมือนจะเป็นการตอกย้ำว่า สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่ายให้ร้ายโจมตีนั้น...น่าจะเป็นเรื่องจริง
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ การปล่อยให้ชกข้างเดียวก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเอาเสียเลย สิ่งที่เห็นคือ ทำให้เกิดการลืมตัว หลงใหลได้ปลื้มไปกับเสียงโห่ร้องปรบมือของบรรดาลิ่วล้อที่มาฟังการปราศรัย พอใจชื่นชอบกับการพูดจาที่ก้าวร้าวหยาบคาย ดุดัน โดยมองข้ามข้อเท็จจริงหรือความเป็นไปได้
ฝ่ายคนพูดก็เมามัน ใส่อารมณ์จนสติแตก ต้องเจอแจ็กพอตเข้าให้แล้ว เมื่อแกนนำคนสำคัญจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นครูบาอาจารย์มาก่อน อย่าง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ถูกแจ้งจับคดี หมิ่นเบื้องสูง และความผิดฐานละเมิดอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เป็นการบังอาจเหิมเกริมที่ไม่เข้าท่าจริงๆ
กลับมาที่การชุมนุมของม็อบพันธมิตรฯ กันต่อ เมื่อวันเวลาล่วงเลยไป ทางแกนนำพยายามสรรหาเอาคนที่มองดูหน่วยก้านแล้วเห็นว่า สามารถสร้างสีสันและความน่าเชื่อถือให้กับการชุมนุมได้ มาร่วมก๊กร่วมก๊วน เพื่อให้ดูเหมือนกับว่ามีคนหลากหลายสถานะอาชีพเห็นดีเห็นงามกับการชุมนุม เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องต้องการของม็อบพันธมิตรฯ มีทั้งนายทหาร ตำรวจ นักวิชาการ ดารานักแสดง มาเป็นตัวชูโรง
เท่าที่ได้ติดตามการชุมนุมประท้วงมา พบว่าคนเหล่านี้จะพูดในสิ่งที่รับมอบหมายให้พูด แสดงความคิดเห็นในทางที่จะดิสเครดิตรัฐบาลเท่านั้น นี่เป็นเป้าประสงค์ของการชุมนุมที่จะครบ 2 เดือนในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว โดยยังมีเนื้อหาสาระวนเวียน ซ้ำซาก เพียงแต่ใช้ลีลาลูกเล่นของคนที่พูดแต่ละคนมาช่วย
ในเวลาเดียวกันก็เพื่อเป็นการปลุกปลอบขวัญบรรดาลิ่วล้อที่ “รับงาน” ไปทำในต่างจังหวัด และถูกต่อต้านขัดขวางจากคนในพื้นที่ ซึ่งนับวันจะเดินหน้าปลุกระดมอย่างยากลำบาก ไม่ให้เกิดความท้อแท้ ท้อถอย แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นนักปลุกระดมที่ปฏิบัติการล้มเหลวก็ตาม และเพื่อเป็นการให้กำลังใจผู้คนที่มาร่วมชุมนุมประท้วงที่สะพานมัฆวานฯ ไปพร้อมๆ กัน
ต้องการจะเอาการเมืองภาคประชาชนแบบเถื่อน ถ่อย มาล้มล้างประชาธิปไตยแบบตัวแทนให้ได้
เมื่อมี “ความจริงวันนี้” ออกมาจับโกหก ตอบโต้ เห็นแย้งกับการกล่าวหาโจมตี และต้องการทำความจริงให้ปรากฏ พร้อมกับให้สาระความรู้ควบคู่ไปด้วย จึงเป็นอุปสรรคที่สำคัญของพันธมิตรฯ
ขอให้ติดตามรายการนี้ต่อไป แล้วท่านจะได้รับข้อมูลข่าวสารอีกด้านหนึ่ง ที่ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถให้ท่านได้ เพราะคนเหล่านั้นกลัว “ความจริง”
ความจริงที่จะทำให้คนไทยฉลาดรู้เท่ากัน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ...
กลุ่มคนที่ “ไม่หวังดี” ต่อรัฐบาล และประเทศชาติ
กลุ่มคนที่ต้องการเอา “การเมืองใหม่” มาใช้ในบ้านนี้เมืองนี้
กลุ่มคนที่ต้องการทำลาย “ระบอบทักษิณ” ที่ขัดขวางการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะตน
และกลุ่มคนที่กลัวว่า “ประชาชนจะรู้ความจริง”
บิ๊กโบ๊ต