WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, October 10, 2008

ตำรวจสาหัสอีก9ถูกแทงยังอยู่ICUแจงชัดไร้ระเบิด


“ตำรวจ” ยังอาการสาหัสต้องนอนรักษาตัวอีกเพียบ โดยเฉพาะรายที่ถูกเหล็กเสียบทะลุปอดยังต้องอยู่ไอซียู โอด! ไม่เคยคิดทำร้ายประชาชน ส่วนที่ถูกยิงอีก 3 ราย ก็ยังต้องนอนรักษาตัว รวมทั้งรายที่ถูกม็อบพันธมิตรฯ ขับรถไล่ชนแล้วถอยเหยียบซ้ำยังอาการหนัก ตร.แจงชัด ภาพที่สื่อเอาไปลงเป็นคุ้งเป็นแควว่าตำรวจมีระเบิดที่แท้เป็นแก้สน้ำตาแบบขว้าง แถมการเก็บกู้ในที่ชุมนุมยังพบมีระเบิดทิ้งไว้

จากเหตุการณ์ที่ม็อบพันธมิตรฯเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลรักษาการอาคารรัฐสภาตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา สรุปผลล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 20 ราย ยังต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 9 ราย โดยในจำนวนนี้ อาการหนัก 5 ราย 2 นาย พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า คือ ส.ต.อ.ทวีป กลั่นเนียม ที่ถูกแทงด้วยด้ามธงทะลุปอด ตอนนี้อาการดีขึ้น แต่ยังต้องอยู่ในห้อง ICU

ส่วน ร.ต.ต.ภิญโญ สระทองอ็อด ที่ถูกขับรถไล่ชนและถอยมาทับซ้ำ มีบาดแผลฉีกขาดที่หลัง ส่วนอีก 3 นาย พักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลตำรวจ คือ ส.ต.ต.จักรพงษ์ แท่งทองหลวง ถูกยิงที่ฝ่ามือซ้าย ด.ต.ณันนนท์ ศุภมงคลเจริญ ถูกยิงต้นคอกระสุนฝังใน และ ด.ต.เสก ตราเงิน ถูกยิงที่ช่องท้อง ซึ่งทั้งหมดอาการอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์

พล.ต.ท.สมยศ ดีมาก นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า ยังคงมีการส่งตัวตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจกับกลุ่มพันธมิตรมารักษาตัว มีที่ยังต้องอยู่พักรักษาอาการ 2 ราย คือ ส.ต.ต.จักรพงษ์ แท่งทองหลาง อายุ 39 ปี ผบ.หมู่กองร้อยที่ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) ถูกปืนดูแล้วน่าจะเป็นขนาด .38 ยิงที่มือซ้ายทำให้กระดูกโคนนิ้วกลางแตก ต้องผ่าตัดดามลวด

จากเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกผู้ชุมพันธมิตรฯ ขับรถยนต์ไล่ชน จนเจ้าหน้าบาดเจ็บสาหัส 2 นาย ขณะเรียกให้หยุดตรวจ บริเวณถนนอู่ทองใน จากการตรวจสอบข้อมูลของรถยนต์ดังกล่าว พบว่า เป็นรถ TOYOTA HILUX D-CAB 4X4 สีน้ำเงินเทา หมายเลขทะเบียน วพ-1968 กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าของรถคือ นายปรีชา ตรีจรูญ

ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.แถลงข่าวชี้แจงกรณีการใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมทั้งได้นำอุปกรณ์ที่ตำรวจยืนยันว่า มีเพียงปืนยิงแก๊สน้ำตา และแก๊สน้ำตาชนิดขว้างใช้เพื่อการควบคุมฝูงชน มาสาธิตวิธีการใช้อย่างละเอียด

เพื่อให้เป็นที่เข้าใจ จึงได้นำอุปกรณ์ต่างๆ ที่ตำรวจใช้ในการควบคุมฝูงชน ว่า มีอะไรบ้าง และมีอานุภาพอย่างไร หรือมีโอกาสทำให้เกิดการบาดเจ็บอันตรายถึงขนาดนั้นหรือไม่ เพราะภายหลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงตำรวจถูกกล่าวหามาโดยตลอด

ทั้งนี้ ยืนยันว่า อุปกรณ์ที่ตำรวจมีประจำการนั้นมีเพียงแก๊สน้ำตาชนิดขว้างและปืนยิงแก๊สน้ำตา ซึ่งไม่สามารถทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับอันตรายถึงกับชีวิต ส่วนที่มีผู้สูญเสียอวัยวะนั้น ตนไม่อยากจะบอกว่าเป็นมือที่สาม

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวต่ออีกว่า ประชาชนไม่รู้ข้อเท็จจริง เห็นภาพที่ปรากฏตามสื่อมวลชน เห็นคนแขนขาด ขาขาด แล้วคิดว่าตำรวจเป็นคนทำ ซึ่งที่ผ่านมา เราพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงโดยตลอด มีเพียงโล่กระบอง บางครั้งกระบองก็ไม่ใช้ มากสุดคือ แก๊สน้ำตาเท่านั้น เราไม่ประสงค์ให้เกิดครวามรุนแรง แต่มีข้อสังเกตว่า เมื่อมีการปะทะครั้งใด จะมีความรุนแรงไปกว่าที่เราทำ ยืนยันว่า ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ที่ตำรวจมีอยู่ ส่วนที่ทำให้อวัยวะประชาชนฉีกขาดนั้น น่าจะเกิดจากระเบิดปิงปอง ซึ่งเมื่อวานนี้พบว่าผู้ชุมนุมใช้ระเบิดชนิดนี้จำนวนมาก ซึ่งการระเบิดของระเบิดปิงปองเกิดจากการกระแทกกับพื้นแข็ง หรือหากมีการยิงแก๊สน้ำตาไปใกล้ การปะทุของแก๊สน้ำตาก็จะทำให้ระเบิดปิงปองเกิดระเบิดขึ้น ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้บาดเจ็บอาจอยู่ใกล้

ขณะเดียวกัน เมื่อมีการยิงแก๊สน้ำตา ระเบิดปิงปองที่อยู่ในกระเป๋าก็อาจเกิดการระเบิดขึ้น อีกทางหนึ่งเขาอาจไปหกล้มขณะชุลมุนวิ่งหนีก็อาจเกิดระเบิดขึ้น นอกจากนี้ยังมีตำรวจถูกยิงจำนวนมาก การที่อ้างว่า ชุมนุมโดยปราศจากอาวุธนั้นไม่จริง

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวถึงเหตุผลที่ใช้ตำรวจ ตชด.มาดูแลการชุมนุม ทั้งที่เป็นตำรวจที่เชี่ยวชาญยุทธวิธีในป่า ว่า เนื่องจาก ตชด.มีความรู้ยุทธวิธีในการควบคุมฝูงชนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันตชด.ยังเป็นครูฝึกสอบวิธีควบคุมฝูงชนให้กับตำรวจภูธรทั่วประเทศ ซึ่งจริงๆ ที่ผ่านมา เราใช้ทุกหน่วย แต่ ตชด.มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งไม่ใช่รู้ยุทธวิธีเฉพาะในป่า แต่ยังรู้ยุทธวิธีในเมืองด้วย

พล.ต.ต.สุรพล กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์ทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เจตนาที่ให้ตำรวจจับเพื่อเรียกคน จึงขอเตือนประชาชน ว่า ขณะนี้มีการพยายามระดมคนมาจากต่างจังหวัดจำนวนมาก แบ่งกลุ่มย่อยไปในที่ต่างๆ เมื่อมีการกระทบกระทั่งกัน ก็มีภาพความรุนแรงก็จะมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเรื่องนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่ฝีมือของตำรวจ แต่เนื่องจากประชาชนมีอคติกับตำรวจอยู่แล้ว เมื่อจุดประเด็นว่าตำรวจทำร้ายประชาชน ก็จะสามารถระดมคนได้มากขึ้น

ด้าน แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธยุทธ์โธปกรณ์ กล่าวถึงกรณี"คม ชัด ลึก"เสนอภาพข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมเครื่องแบบกำวัตถุทรงกลมคล้ายระเบิดสังหารในมือว่า หลังจากวิเคราะห์ภาพดังกล่าวแล้วมั่นใจว่า วัตถุที่อยู่ในมือนั้น ไม่ใช่ระเบิดสังหารชนิด M 26 หรือ M 67 หรือที่เรียกกันว่า ระเบิดลูกเกลี้ยง เนื่องจากสังเกตลักษณะทางกายภาพของวัตถุแล้วพบว่ามีความแตกต่างจากระเบิดสังหารทั้งสองแบบหลายประการ

แหล่งข่าวผู้นี้อธิบายถึงข้อสังเกตที่ตรวจสอบพบว่า วัตถุดังกล่าวมีสีออกน้ำตาล ต่างจาก M 26 ที่มีสีเขียวขี้ม้า รูปทรงเป็นทรงกลม แต่ M 26 มีรูปทรงไข่ หรือมะนาวฝรั่ง ที่สำคัญกระเดื่องมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยจะเห็นว่าวัตถุในภาพ โดยเฉพาะตรงก้านกระเดื่องมีลักษณะเรียวเล็ก ขณะที่ก้านกระเดื่องของ M 26 หรือ M 67 จะมีลักษณะแบนกว้างกว่า นอกจากนี้ยังมีจุดสังเกตอีกประการคือถ้าเป็นระ เบิดสังหารทุกชนิดจะต้องมีการทำอักษรระบุชนิดของระเบิดนั้นๆ กำกับอยู่ที่ตัวระเบิดทุกลูก ส่วนใหญ่จะเป็นตัวอักษรสีเหลือง โดยลักษณะทางกายภาพของ M 26 หรือ M 67 ดังที่กล่าวมานั้นเป็นลักษณะทางกายภาพที่เป็นมาตรฐานสากล

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าวัตถุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจถืออยู่นั้นเป็นแก๊สน้ำตาชนิดขว้างของจีน และมีความรุนแรงไม่ต่างจากแก๊สน้ำตาชนิดยิงด้วยปืน และที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้นั้นจะเห็นว่ามีปลอกสีเขียวซึ่งเป็นแก๊สน้ำตาของจีนเช่นกัน นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า หากใช้ระเบิดสังหารจริงผู้ชุมนุมคงเสียชีวิตมากกว่านี้แน่นอน

พ.ต.อ.วีรพัฒน์ คิวะแพทย์ ผกก.กลุ่มงานวิชาชีพและเชี่ยวชาญกองพลาธิการ และสรรพาวุธ กล่าวว่า ลูกเกลี้ยงรัศมีสังหาร 10-15เมตรแน่นอน คนที่ถูกไม่สามารถวิ่งแบบนี้ได้ แต่ชนิดของระเบิดก็แล้วแต่การออกแบบ แต่จะมีรัศมีรอบทิศ ต่างจากกระสุน ซึ่งตนมองว่าที่พี่น้องประชาชนโดยไม่น่าจะเป็นลูกเกลี้ยงหรือเอ็ม 76 ที่อันตรายจะร้ายแรงกว่านี้

พ.ต.ท.ภาสกร สถิตยุทธการ รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรโยนระเบิดเข้าไปใน ปช.น. ว่า เป็นระเบิดจริงที่ผลิตขึ้นจากประเทศจีนแต่โชคดีขณะโยนเข้ามาระเบิดไม่ทำงาน
ขณะเดียวกันจากการเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณหน้ารัฐสภา พบระเบิดลูกเกลี้ยงลักษณะคล้ายกับระเบิด เอ็ม 26 จำนวน 2 ลูก โดยระเบิดลูกแรกที่ถูกพบ ตกอยู่ห่างจากจุดที่ผู้ชุมนุมถูกระเบิดจนขาขาด ประมาณ 5 เมตร ส่วนอีก 1 ลูก พบอยู่ที่บริเวณแยกอู่ทองใน

ขณะที่วันเดียวกันนี้นายสมชาย วงศ์สวัสาดิ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจเพื่อเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สมยศ ดีมาก นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจให้การต้อนรับและรายงานอาการบาดเจ็บ และแผนการรักษาของตำรวจทั้งหมด ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบของเงินช่วยเหลือและของเยี่ยมให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย

นายกฯกล่าวให้กำลังใจว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บ และต้องขอขอบคุณที่ทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้รัฐบาลสามารถดำเนินการแถลงนโยบายได้ ถือเป็นความเสียสละอย่างมาก และได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ดูแลตำรวจบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด

“ผมภูมิใจในการทำหน้าที่ของตำรวจทุกคนที่เสียสละพิทักษ์กฎหมาย และช่วยกันรักษาสถาบันเพื่อสร้างความสงบกับบ้านเมือง ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ มาวันนี้ผมไม่ได้ต้องการมาเอาหน้าเอาตา หรืออยากเป็นข่าว แต่ผมมีพี่ชายเป็นตำรวจ ก็รู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ต้องการให้ทั้งตำรวจและประชาชนบาดเจ็บ ซึ่งยืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองต่อไป ” นายกฯ กล่าว

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกด้ามธงแทงเข้าที่บริเวณหน้าจนทะลุถึงตับ พยายามจะพูดคุยกับนายกฯสมชาย แต่เนื่องจากบาดเจ็บสาหัสจนทำให้พูดไม่ชัดเจนมากนัก สามารถจับใจความได้ว่า “ผมไม่ได้ต้องการทำร้ายประชาชน แต่ประชานทำไม่ต้องมุ่งทำลายเราด้วย”