WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, October 9, 2008

เหยื่อคาร์บอมบ์ที่แท้พธม.แฉ!ขนระเบิดมาเองเต็มรถ


ที่แท้เหยื่อคาร์บอมบ์ก็ไม่ใช่ใคร เป็นผู้ปนะสานงานพันธมิตรฯ น้องเขยอดีตสว.คนดัง “การุณ ใสงาม” ที่ออกจากราชการมาเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงปลายปี 2548 ตำรวจพิสูจน์หลักฐานชี้ชัด แรงระเบิดออกมาจากในตัวรถแน่ ส่วนผู้ตายคล้ายกำลังก้าวขาหยิบของข้างใน พบเจ้าของรถก็เป็นม็อบสายกองทัพธรรม แต่ยังอ้างไม่รู้จักกัน “จตุพร” จี้ให้ตำรวจเร่งตรวจสอบ เป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่ออกมาทำร้ายทั้งประชาชนที่ไม่รู้เรื่องและตำรวจจนบาดเจ็บกันระนาวหรือเปล่า ประณามพวกคิด “ชั่ว” สนใจแต่จะล้มรัฐบาลเพื่อตัวเอง โดยไม่คิดถึงความปลอดภัยของคนอื่น

จากกรณีเกิดเหตุคาร์บอมบ์ที่หน้าพรรคชาติไทย ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา จนมีผู้เสียชีวิตไป 1 ราย ทราบชื่อว่าน่าจะเป็น พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือ “สารวัตรจ๊าบ”ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรบุรีรัมย์ และเป็นน้องเขย นายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ นั้น

เมื่อตอนสายวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมาพ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.ดุสิต พร้อมเจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพาวุธ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุรถจี๊ป CHEROKEE สีครีม ทะเบียน พต-4755 กทม.ระเบิด บริเวณฝั่งตรงข้ามพรรคชาติไทย ถนนสุโขทัย แถวแยกพิชัย

จากนั้น พ.ต.อ.สมชาย เปิดเผยว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของลูกชายนายชัยวัฒน์ นามจิตร อายุ 54 ปี ซึ่งนายชัยวัฒน์ เป็นกลุ่มพันธมิตรฯ สายกองทัพธรรม จากการสอบสวน นายชัยวัฒน์ ให้การว่า ได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดเพื่อเข้าไปร่วมชุมนุม และกำลังรีบร้อนจึงจำไม่ได้ว่าล็อกประตูรถไว้หรือเปล่า หลังจากขับมาจอดได้ประมาณ 10-15 นาที รถก็เกิดระเบิดขึ้น ส่วนผู้ตายนั้น นายชัยวัฒน์ ได้ให้การว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

การตรวจสอบเบื้องต้นพอจะทราบว่าผู้ตาย คือ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี อดีต สวป.สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.บุรีรัมย์ แต่ได้ลาออกจากราชการไปนานแล้ว ส่วนลาออกเมื่อไรนั้นต้องตรวจสอบอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกันหรือไม่ต้องชี้ชัดหลังจากผลตรวจ ดีเอ็นเอ ยืนยันก่อน

พ.ต.อ.สมชาย กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องระเบิดนั้น เป็นการระเบิดออกมาจากห้องโดยสารอย่างแน่นอน เป็นไปได้ว่าผู้ตายอาจจะเป็นคนพกพามาเอง แต่ว่าเรื่องที่ผู้ตายเข้าไปอยู่ในรถของ นายชัยวัฒน์ ได้อย่างไรนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบที่มาที่ไป คงต้องรอผลการสอบสวนก่อน ส่วนระเบิดดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่อง แต่จะเป็นระเบิดชนิดใดนั้นต้องให้ทางเจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธตรวจสอบ

ด้าน พ.ต.ท.กำธร อุ่ยเจริญ รอง ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บช.น.กล่าวว่า ตามประสบการณ์ของตน คาดว่าระเบิดเกิดจากห้องโดยสาร เป็นไปได้ว่าผู้ตายนำระเบิดมาเอง เพราะสภาพผู้ตายและสภาพรถ บ่งบอกว่าผู้ตายก้าวขาขวาเข้าไปฝั่งซ้ายของตัวรถ แล้วลักษณะท่าทางคล้ายกับก้มเอามือหยิบสิ่งของบางอย่างในห้องโดยสาร แต่กลับเกิดระเบิดขึ้นมาเสียก่อนจนทำให้ร่างกายแหลกเหลว

ส่วนตัววัตถุระเบิดนั้นจะเป็นชนิด ซีโฟร์ ไดนาไมค์ หรือชนิดใดนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนวัตถุพยานและหลักฐานอื่นๆ ในที่เกิดเหตุเก็บได้น้อยมาก เนื่องจากถูกเปลวเพลิงไหม้จึงเหลืออยู่น้อย ซึ่งระเบิดดังกล่าวตนขอยืนยันว่าเป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องอย่างแน่นอน เพราะหลักฐานเท่าที่พบในที่เกิดเหตุนั้นเป็นแผงวงจรโทรศัพท์มือถือ

หลังจากนั้น พ.ต.ท.กำธรได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจุดที่เกิดระเบิดจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บขาขาด บริเวณฟุตบาธหน้าประตูประสาทเทวฤทธิ์ แยกอู่ทองใน เขตดุสิต พบมีร่องรอยแตกที่พื้นปูนเป็นหลุมขนาดเล็กกว้างประมาณ 3 นิ้ว ลึก 2 มิลลิเมตร ยังมีรอยเลือดแห้งกรังติดอยู่ โดย พ.ต.ท.กำธร กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าจุดดังกล่าวที่เสียหาย น่าจะเกิดจากแรงระเบิดตามแนวตรง ลักษณะขว้างมาหรือตกลงตรง ๆ ก็ได้ มีแรงอัดมากพอควร แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นระเบิดชนิดไหน

ระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดของสำนักงานเขตดุสิต ที่กำลังทำความสะอาดอยู่บริเวณแยกอู่ทองใน เดินมาแจ้งกับพ.ต.ท.กำธร ว่าพบวัตถุระเบิด ที่สวนหย่อมที่ปลูกอยู่บนฟุตบาธ จึงเข้าตรวจสอบ พบว่าเป็นระเบิดปิงปอง 1 ลูก ระเบิดขวด 2 ลูก ส่วนในรั้วของหัวมุมรัฐสภา พบระเบิดมือแบบทำเองขนาดเท่ากระป๋องสีสเปรย์มีเทปพันสายไฟสีดำพันรอบภายในบรรจุตะปูและเศษแก้ว จึงเก็บกู้ไว้ตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดต่อไป

ด้าน นางสาวเพ็ญพิมล ใสงาม อายุ 41 ปี ภรรยา พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี เปิดเผยว่า สามีเป็นคนดีเป็นที่รักของทุกคน เนื่องจากมีนิสัยทุ่มเททำงานและมีอุดมการณ์สูง และสามียังรู้สึกภาคภูมิใจกับการได้ทำหน้าที่หัวหน้าการ์ดของกลุ่มพันธมิตรฯมาก โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่บ้านที่จ.บุรีรัมย์ จะเดินทางไปร่วมชุมนุม รวมทั้งฝึกและนำกลุ่มการ์ดไปรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมตลอด ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ที่มีการจัดชุมนุมหรือ เปิดเวทีของพันธมิตรฯ

ล่าสุดเดินทางจากบ้านไปเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยโทรศัพท์กลับมาคุยกับตน บอกว่า “ชาวบุรีรัมย์จะใจดำไม่ยอมไปร่วมชุมนุมเลยหรือ”พร้อมบอกให้แจ้งข่าวแก่เครือข่ายพันธมิตร บุรีรัมย์ เพื่อนัดรวมพลที่กรุงเทพฯ ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ

แต่เมื่อเดินทางถึงกรุงเทพฯ ในช่วงค่ำวันที่ 7 ตุลาคม ก็ไม่สามารถติดต่อสามีได้อีกเลย จนทราบข่าวว่าผู้ที่ถูกระเบิดในรถยนต์ที่บริเวณหน้าพรรคชาติไทย นั้น อาจเป็นสามีตน ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างแน่ชัด โดยนายการุณ ใสงาม พี่ชาย พร้อมด้วยพี่สาว และลูกชายของ พ.ต.ท.เมธี กำลังเดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลรามาธิบดี

ส่วนที่มีข่าวในทำนองว่าผู้เสียชีวิตมีความเกี่ยวโยงไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริเวณรอบๆ การชุมนุมมีรถที่ติดสติ๊กเกอร์พรรคจอดอยูหลายคันนั้น

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.เมธี น้องเขยของนายการุณ ใสงาม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.บุรีรัมย์ และอดีต ส.ว. ที่เสียชีวิตแต่อย่างใด

“ไม่มีเอี่ยว มันจะไปเอี่ยวกันได้ยังไง ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร ไม่ทราบด้วยว่าเขามีอาวุธ ปชป.ไปเกี่ยวยังไง ผมเองก็ไม่ได้ทราบว่าเป็นใคร ยังไม่ได้ดูข้อมูลเลย เรื่องนี้ต้องไปถามคุณการุณ เพราะเป็นน้องเขยคุณการุณ ไม่ใช่น้องเขยผม” นายสาทิตย์กล่าว

เมื่อสอบถามประเด็นดังกล่าวไปยังนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธตอบคำถามเช่นกัน

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ออกมากล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.เมธี เสียชีวิตจากรถจี๊ประเบิดว่า อดีตนายตำรวจผู้นี้เป็นผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ การที่ขึ้นไปนั่งบนรถเชอรากีสีขาวคนเดียวแบบนั้น ก็คือคำตอบทั้งหมดแล้ว ประชาชนปุถุชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทุกคนย่อมทราบว่ารถระเบิดขึ้นมาได้อย่างไร ทีนี้ต้องพิสูจน์กันต่อว่าระเบิดที่มีอยู่เกลื่อนเหตุการณ์ที่ใครๆ ก็บอกว่า ในการชุลมุนมีคนนำระเบิดมาใช้ในเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นอย่างไร จากใคร

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวคล้ายกับเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ซึ่งตอนนั้นก็มีการใช้ระเบิดกัน และมีคนในกลุ่มผู้ชุมนุมออกมาบอกว่าเป็นคนนำมาใช้ป่วนเอง ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะต้องมีคนออกมาผสมโรง โดยไม่คำนึงถึงพี่น้องประชาชน ว่าจะเสียหายจากการนำระเบิดมาใช้อย่างไร มีเพียงเป้าประสงค์เดียวคือการล้มล้างรัฐบาล

ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือ 1. ลูกระเบิดที่ทำให้รถจี๊ปคันดังกล่าวระเบิด เป็นลูกระเบิดประเภทใด ซึ่งส่วนนี้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งตรวจสอบ 2. ตรวจดูว่าเป็นลูกระเบิดชนิดเดียวกับที่ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือไม่

ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุให้สงสัยว่าเหตุการณ์รถระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เพราะตำรวจเองก็ได้รับบาดเจ็บจากระเบิดเช่นกัน นอกเหนือจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานก็ถูกยิง ถูกแทง แต่ข่าวทั้งหมดถูกกลบด้วยสื่อของพันธมิตรฯ

จึงเป็นเรื่องที่เข้าข่ายผิดปกติ สำหรับการเกี่ยวพันของนายตำรวจท่านนี้ ข้อสงสัยคือ ใครทำ และทำเพื่ออะไร
นายศุภชัย ใจสมุทร สมาชิกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าได้มองเหตุการณ์ทั้งหมด นับตั้งแต่พล.ต.จำลอง ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้ถูกจับกุมตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้มีเจตนาเรียกให้ประชาชนออกมาชุมนุมกดดันรัฐบาล
และการที่ระดมคนมาปิดล้อมรัฐสภาก็แสดงให้เห็นว่าต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง เชื่อว่ามีคนต้องการให้เกิดความรุนแรงสูงสุดถึงเสียชีวิตด้วย อาจจะเป็นมือที่สาม ซึ่งก็น่าเชื่ออีกว่าเป็นเรื่องที่คนบางคนต้องการให้เกิด ซึ่งประชาชนที่ออกมาชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ทราบ แต่กลายเป็นว่าต้องรับเคราะห์ไป ทั้งนี้ก็มุ่งให้กองทัพออกมาทำรัฐประหาร ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้ดำเนินการอย่างสงบ เป็นเรื่องที่ต้องตีแผ่ให้สังคมรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็จะต้องขยายผลสืบสวน

“ในขณะที่ตำรวจมีมาตรการใช้แก๊สน้ำตา ส่วนคนที่เสียชีวิตคือคนที่ถูกอาวุธทำร้าย ไม่ใช่แก๊สน้ำตา มันเป็นเรื่องของมือที่สามที่ต้องการให้เกิดความเสียหาย บัดนี้รู้แล้วว่าทั้งส.ว. หรืออธิการบดี 24 คน ได้แสดงอาการต่างๆ ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลซึ่งเป็นขั้นตอนที่หวังผล โดยมีประชาชนเป็นเหยื่อ”

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีหน้าที่แถลงความจริงให้ปรากฏ เพราะประชาชนจำนวนมากยังรอฟังข้อเท็จจริงอยู่ การที่รัฐบาลที่อยู่นิ่งๆ เฉยๆ ไม่เป็นการดี ต้องแถลงออกมาให้บ่อยครั้งที่สุด เพื่อประชาชนจะได้รับทราบความจริง