WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, October 10, 2008

ม็อบถ่อยจับ ตร.ปืนจ่อหัวกักขังปลดทรัพย์เรียบ

“สมชาย” เผยตั้งกรรมการ 2 ชุดคลี่คลายปัญหาปราบม็อบ ทั้งกรรมการยัยวยา และกรรมการหาข้อเท็จจริง ที่ “คุณหญิงพรทิพย์” เด้งรับพร้อมเข้ามาทำหน้าที่ ขณะที่ตำรวจยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ ด้าน “อำนวย นิ่มมะโน” เผยม็อบชั่วจับตัวตำรวจไป 2 นายวันเกิดเหตุ กักขังเอาไว้ 1 คืน พร้อมทำร้ายร้างกายจนหัวแตก มีบาดแผลทั่วตัว แถมปลดทรัพย์สินรวมทั้งปืนพกเรียบ

จากกรณีที่ม็อบพันธมิตรฯบุกเข้าปิดล้อมรัฐสภา จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา เข้าหยุดความบ้าคลั่งของผู้ชุมนุม โดยหลังจากเหตุปะทะดังกล่าวปรากฏภาพผู้ชุมนุมบางรายได้รับบาดเจ็บ นำไปสู่ความจงใจผูกเรื่องโยงไปเพื่อใส่ร้ายการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจใช้วิธีการอันรุนแรงเกินกว่าเหตุ นั้น

เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างข้อโต้แย้งขึ้นภายในสังคมว่า การใช้แก๊สน้ำตา มีอำนาจทำลายสูงขนาดนั้นจริงหรือไม่ การบุกเข้าปะทะกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจกับพันธมิตรฯ ใครเป็นผู้เริ่มต้น และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลนั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าหลักสากลหรือไม่

กรณีดังกล่าวนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุว่า จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อตรวจสอบข้อข้อเท็จจริง และเยียวยาผู้บาดเจ็บ จากการสลายผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยจะให้บุคคลภายนอกรัฐบาลเข้าร่วม

"จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจะพยายามใช้ผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ใช่คนของรัฐบาล แต่เป็นคนกลางเข้ามาดูแล คาดว่า น่าจะใช้เวลา 2-3 วัน ถึงจะแล้วเสร็จ

ซึ่ง พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่ารัฐบาลยังไม่มีคำสั่งอย่างเป็นทางการ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้แจ้งให้ไปร่วมตรวจสอบจึงยังลงไปทำงานในพื้นที่ไม่ได้ แต่ได้ตั้งทีมงานไว้แล้วถ้ามีคำสั่งก็พร้อมที่จะลงไปตรวจสอบทันที

ส่วนกรอบในการตรวจสอบนั้นจะตรวจหาหลักฐานว่าแก๊สน้ำตามีอานุภาพทำลายได้มากน้อยเพียงใด บาดแผลที่เกิดขึ้นกับผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมของตำรวจ เกิดจากสิ่งใด หากเกิดจากสะเก็ดระเบิดจะเป็นระเบิดชนิดใด รวมไปถึงหากเป็นระเบิดจริงจะเป็นระเบิดของบุคคลกลุ่มใดกันแน่ ซึ่งประเด็นนี้อาจเป็นเรื่องที่ตรวจสอบลำบาก และต้องขึ้นอยู่กับวัตถุพยานที่หลงเหลือให้ตรวจสอบด้วย ซึ่งอาจต้องขอพยานหลักฐานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ด้านพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าเห็นด้วยกับการสรรหาคนกลางมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสลายการชุมนุม ซึ่ง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็เป็นหนึ่งในคนกลางที่รัฐบาลมอบหมายให้มาตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยในส่วนของตำรวจจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยเช่นกัน และขอชี้แจงเรื่องการใช้แก๊สน้ำตาเปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าไปในอาคารรัฐสภา เป็นมาตรการเบาที่สุด

ขณะที่คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม หรือ คตร. ที่มีผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธาน ได้มีการถกเถียงเรื่องการใช้แก๊สน้ำตา แต่มีความเห็นสรุปว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังเช่นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมอีก ก็จะใช้มาตรการเช่นเดิมควบคุมสถานการณ์

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ( รอง ผบช.น.) แถลงข่าวว่า ขอแจ้งให้สื่อมวลชนทราบโดยทั่วกันใน 2 เรื่อง คือเรื่องที่สื่อมวลชนพยายามที่จะสอบถามความคืบหน้าถึงการตรวจพิสูจน์รถจี๊ปที่เกิดเหตุระเบิดในช่วงบ่ายวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ล่าสุดได้รับการยืนยันจากกองพิสูจน์หลักฐานอย่างชัดเจนว่าเป็นการระเบิดจากภายในรถออกนอกรถ

จากการตรวจสอบเขม่าที่พบมีสารอาร์ดีเอ็กซ์ปะปนอยู่ ซึ่งเป็นสารประกอบระเบิดชนิดหนึ่งที่มีแรงดันสูง ส่วนจะมีมากน้อยแค่ไหนนั้นยังไม่สามรถชี้ชัดได้ ในชั้นนี้จึงได้ข้อสรุปว่าน่าจะเป็นระเบิดชนิดแรงดันสูง ส่วนจะมีปริมาณเท่าใดเป็นระเบิดชนิดใดใช้ระบบไฟฟ้าหรือระบบใดในการจุดชนวนอยู่ในระหว่างการตรวจพิสูจน์ต้องรอผลอีกระยะหนึ่ง

รอง ผบช.น. กล่าวว่า ส่วนอีกเรื่องนั้นคือการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนกรณีที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการใช้แก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรมีความผิดพลาดอย่างไรหรือไม่นั้น เรื่องนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. มอบหมายให้ตนมาชี้แจงว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมีคนกลางมาสอบเรื่องนี้เพื่อทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏทำให้สังคมยอมรับน่าเชื่อถือ ตำรวจพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการที่จะมาสอบในทุกเรื่องทุกกรณี

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวต่อว่า สำหรับในช่วงบ่ายนี้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ( ผบก.น.1) จะชี้แจงกรณีที่ ร.ต.อ.สาริศ อักษร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองกำกับการตำรวจสืบสวนนครบาล 1 (กก.สส.น.1 ) ถูกกลุ่มพันธมิตรฯที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาลจับตัวไปกักขัง 1 คืนตั้งแต่วันเกิดเหตุคือวันที่ 7 ตุลาคม และถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งถูกตีได้รับบาดเจ็บศรีษะแตกและถูกยึดอาวุธปืนด้วย แต่ระหว่างนั้นตำรวจไม่สามารถให้ข่าวได้เพราะเกรงว่า ร.ต.อ.สาริศ จะได้รับอันตราย

ซึ่ง ร.ต.อ.สาริศ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการแถลงข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการ สืบสวนหาข่าว และบันทึกภาพ บริเวณแยกสวนมิสกวัน ตนจึงออกจากหน่วยมาปฏิบัติการทันที ขณะนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 7 ตุลาคม โดยเมื่อมาถึงแยกสวนมิสกวัน ตนเดินเข้าไป และเห็นว่าเหตุการณ์อยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด จึงพยายามที่จะเดินออกมาทางแยกวังแดง แต่เส้นทางถูกปิด ตนเองจึงจะเดินไปเข้าทางสะพานมัฆวาน

ร.ต.อ.สาริศ กล่าวต่อว่า จังหวะนั้นตนก็สังเกตเห็นแล้วว่าการ์ดพันธมิตรฯ เริ่มสงสัยในตัวตนเอง จึงรีบเดินออก เมื่อมาถึงหน้ากระทรวงศึกษา ได้ยินเสียงการ์ดพันธมิตรตะโกนไล่หลังว่า “ตำรวจ ตำรวจที่มันมารื้อเต็นท์พวกเราวันนั้น” จากนั้นมีชายประมาณ 7-8 กรูเข้ามาจับตัว และควบคุมไปที่หน้าเต็นท์กองทัพธรรม ระหว่างนั้นตนก็พยายามแสดงบัตรข้าราชการพร้อมแสดงตัวว่าเป็นตำรวจ แต่กลุ่มการ์ดก็พยายามจับกดให้นั่งลง ซึ่งตนเองไม่ยอมนั่ง เพราะคิดว่าหากนั่งลงคงไม่รอดแน่ เพราะจังหวะนั้นมีประชาชน ที่ทราบต่างฮือเข้ามาพยายามทำร้าย โดยมีบางคนถือไม้ได้แทรกตัวเข้ามาจากการ์ดพันธมิตร มาถึงที่ตัว

กลุ่มการ์ดนำตัวตนเองเข้ามาที่เต็นท์กองทัพธรรม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็พยายามจะตามเข้ามาทำร้าย เห็นท่าไม่ดี จึงชักอาวุธปืนประจำกาย ขนาด .38 ออกมาเพื่อขู่โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะยิง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็จะถอยออกไป แต่ก็มีการ์ดคนหนึ่ง ได้ยินเรียกชื่อว่า “พี่สิงห์” เดินเข้ามา หยิบระเบิดและเดินเข้ามาหาพร้อมบอกว่า “งั้นเรามาตายพร้อมกัน”

“นอกจากนี้ยังเห็นอีกคนถือปืนยาวไม่ทราบชนิด จ่อมาที่ผมด้วย ผมเองเห็นท่าไม่ดีจึงบอกยอมแล้ว และจังหวะนั้นที่ผมเอากระสุนออกจากลูกโม่ และก้มตัวเพื่อจะวางปืนลงกับพื้น ก็ถูกของแข็งตีเข้าที่หัวจนสลบไป จังหวะนั้นคู่หูที่มาด้วยกันพยายาม จะเข้ามาช่วยก็โดนรุมทำร้ายอีกคน”

ร.ต.อ.สาริศ กล่าวต่อว่า เมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่าทรัพย์สินติดตัวหายไป คือ กล้องดิจิตัล 2 ตัว โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และปืนลูกโม่ 1 กระบอก ส่วนที่มือถูกรัดด้วยเข็มขัดรัดสายไฟ และใส่กุญแจมือซ้ำอีก และได้เรียกพยาบาลมาช่วยปฐมพยาบาล แต่เนื่องจาก แผลลึกมากไม่สามารถเย็บได้ แต่กลุ่มการ์ดพันธมิตร ก็ยังไม่ยอมปล่อยตัว ให้พยาบาลพันแผลไว้เฉย ๆ และคุมตัวอยู่ในเต็นท์

กระทั่งเช้าจึงได้เรียกหมอมาช่วยเย็บแผล ซึ่งเย็บไปทั้งสิ้น 6 เข็ม และนอนพักอยู่ในเต็นท์ จังหวะนั้นประชาชนที่ทราบว่า ตนเองและคู่หูถูกจับกุมตัวอยู่ก็พยายามที่จะเข้ามาทำร้ายตลอดเวลา แต่ก็มีคนของกองทัพธรรมพยายามห้ามไว้ตลอด แต่บางส่วนที่ห้ามไม่ได้ก็เข้ามาทำร้ายอีก จนได้รับบาดเจ็บที่ขาเป็นรอยช้ำบวมเพิ่มเติม จากนั้นจึงได้รับการประสานจากกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ฝ่ายนั้นเรียกว่าผู้ใหญ่ ให้ปล่อยตัวและมีการนำรถยนต์มารับที่เต็นท์ และมาปล่อยที่หน้า สน.ดุสิต เวลา 12.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม