WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, October 10, 2008

‘อนุพงษ์’ปัดพบ‘ป๋าเปรม’ ครส.แถลงต้านรัฐประหาร


“อนุพงษ์” ย้ำการรักษาความสงบเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายและพร้อมให้การสนับสนุน ยืนยันไม่คิดปฏิวัติและไม่เคยกดดันให้ “สมชาย” ยุบสภา ปัดเข้าพบ “ป๋าเปรม” ด้าน “สมศักดิ์ ชาติไทย” บอกปัญหายังมีทางออกที่ดีกว่ายุบสภา “หมอประเวศ” ขาประจำออกมาจุ้นอีก ดัน “คณิต ณ นคร” เป็นประธานคณะกรรมการอิสระสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่ ครส. ออกแถลงการณ์ คัดค้านรัฐประหาร เรียกร้องทุกฝ่ายแสวงหาทางออกโดยสันติภาพ

หลังจากเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณหน้ารัฐสภา ได้เกิดเป็นกระแสข่าวลือตามมามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการปฏิวัติรัฐประหาร และเกิดข้อเสนอจากคนบางกลุ่มที่หวังผลทางการเมืองให้มีการยุบสภา

ยุบสภาไม่ใช่ทางแก้ปัญหา
อย่างไรก็ดี นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่ารัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลฝ่ายเดียวคงแก้ไขปัญหาไม่ได้ ทุกฝ่ายรวมทั้งพันธมิตรฯต้องร่วมมือกัน ด้วยการหยุดและใช้สติ มาร่วมกันไตร่ตรองว่าบ้านเมืองมีความเสียหายมากขนาดนี้แล้ว อย่าทำให้ประเทศบอบช้ำไปกว่านี้

เมื่อถามว่าขณะนี้มาตรการอารยะขัดขืนขยายวงกว้างและเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุบสภา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องขอถามว่าการยุบสภา เป็นคำตอบที่ชัดเจนหรือไม่ วันนี้หากยุบสภาแล้วเลือกตั้งภายใต้กติกาและรูปแบบเดิม โดยที่ไม่ได้มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลงกับโครงสร้าง จะได้อะไรขึ้นมา ถ้ายุบสภาเลือกตั้งใหม่ เขียนรัฐธรรมนูญกันใหม่ ถามว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ หากเราหันหน้าเข้าหากันและหารือตามแนวทางที่ทุกฝ่ายให้ความเห็นชอบในการตั้งส.ส.ร.และผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ให้เรียบร้อย เมื่อได้กติกาแล้วก็กำหนดระยะเวลาที่จะมีการเลือกตั้ง น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ตนจึงคิด่าการยุบสภาจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีในขณะนี้

"อนุพงษ์"ปัดพบ"ป๋าเปรม"
ส่วนที่มีข่าวในวันก่อนหน้านี้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรี เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าพบประธานองคมนตรี

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงข่าวว่า ผบ.ทบ.ประเมินว่าพันธมิตรฯจะเผาเมืองเพื่อบีบให้กองทัพปฏิวัติ ว่า ไม่ใช่คำพูดของตน แต่เป็นการประเมินของตำรวจ ดังนั้นจึงได้มีการจัดกำลังออกไปเพื่อรักษาความสงบ ส่วนการปฏิวัติไม่มี เพราะไม่มีความวุ่นวายจนถึงต้องปฏิวัติ และไม่แน่ใจว่าการปฏิวัติจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ ซึ่งการแก้ปัญหาคงเป็นปัญหาของตำรวจ เพราะกฎหมายไม่ครอบคลุมให้ทหารปฏิบัติการได้

ทั้งนี้ กองทัพยังไม่มีการเคลื่อนไหวส่วนนี้ ซึ่งที่ประชุม คตร.ทุกคนมีอำนาจหน้าที่ตามหน่วยงานของตน ไม่ใช่ประธานสั่งการ ถ้ามีปัญหาเจ็บป่วย กระทรวงนั้นๆก็ดูว่าติดปัญหาตรงไหน ส่วนใดมีปัญหาติดขัดก็จะมาช่วยกันดูเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย เมื่อเป็นคณะกรรมการร่วมกัน ทุกฝ่ายก็ต้องมาช่วยกันเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ตนเป็นเหมือนประธานในที่ประชุมเท่านั้น

ยันไม่ได้บีบ "สมชาย" ยุบสภา

ส่วนกรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บช.น.ก่อนการสลายม็อบ นั้น ผบ.ทบ. กล่าวว่า กองทัพไม่ได้เข้าประชุมด้วย ไม่ทราบว่าได้สั่งการกันอย่างไร พอบ่ายวันที่ 7 ต.ค.จึงมีการรายงานและประสานให้ทราบ ในส่วนสตช.ได้ติดต่อประสานมา กองทัพส่งกำลังไปช่วยเจ้าพนักงาน

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการคตร.ไม่ได้ประชุมร่วมกับครม. แต่จะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบมา และไม่น่าจะเหมาะสมที่กองทัพจะเดินเกมเพื่อบีบให้ยุบสภา ซึ่งนักวิชาการได้ประเมินว่ารัฐบาลต้องรักษาสถานการณ์ได้ รัฐก็ต้องรักษาสถานการณ์ ถ้าไม่ได้ก็ต้องคิดว่าจะมีวิธีการอย่างไร

ส่วนกรณีที่พันธมิตรฯได้ออกแถลงการณ์ว่าทหารไม่อยู่ข้างประชาชน แต่อยู่ข้างตำรวจ ผบ.ทบ. กล่าวว่า คิดแบ่งประเทศเป็นฝ่ายคงไม่ถูกต้อง พันธมิตรฯดำเนินการโดยขอบเขตของกฎหมายก็ดำเนินการไป เราไม่อยู่ฝ่ายใด ทหารมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เมื่อไม่มีความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้น ก็ส่งกำลังไปช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย

ราษฎรเพี้ยนเสนอ“คณิต”สอบสวน
ขณะที่ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ให้สัมภาษณ์ย้ำถึงทางออกของประเทศว่า คงต้องทำหลายๆอย่างพร้อมกันไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะต้องยอมรับว่าระบบรัฐสภาของไทยมีปัญหาจริงๆ การเมืองจึงไม่มีพลังพอที่จะแก้ไขปัญหาของชาติได้ เพราะฉะนั้นต้องเร่งแก้ปัญหาพิการของระบบการเมืองให้ได้ ถ้าตราบใดที่ยังแก้ไขไม่ได้ ถึงแม้ว่ายุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ก็จะเกิดปัญหาวนเวียนเช่นนี้ต่อไปอีก

นพ.ประเวศ กล่าวว่า อย่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกสังคมที่จะมีการเปลี่ยนผ่านต้องผ่านการต่อสู้ทั้งนั้น นักการเมืองจะปฏิบัติตัวเช่นเดิมไม่ได้แล้ว ต่อไปใครทำผิดจะต้องติดคุกให้มากขึ้น เมื่อถามว่าหากนายกฯประกาศลาออกคิดว่าจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้หรือไม่ นพ.ประเวศ กล่าวว่า ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากยุบสภามาการเมืองก็กลับมาพิการอีก เพราะรัฐสภามีปัญหายังมีการใช้อำนาจ และผลประโยชน์ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี มีคนบงการจากแดนไกล ในการเลือกตัวนายกฯและรัฐมนตรี การเมืองไทยจึงไม่มีพลังพอที่จะแก้ปัญหาของมันเองได้ ขอย้ำว่าเมื่อชาติเกิดวิกฤติต้องการความเสียสละจากทุกฝ่ายเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้

“ประเวศ”ออกอาการปลื้มพธม.
เมื่อถามว่าพันธมิตร ควรจะสลายตัวไปด้วยหรือไม่ นพ.ประเวศ กล่าวว่า จุดแข็งของพันธมิตรคือการตรวจสอบอำนาจรัฐ หากทำไปเรื่อยๆจะดี แต่ไม่ควรใช้วิธีการอื่นๆ เช่นไม่ควรไปสร้างความรุนแรง อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรทำขณะนี้หลังจากเกิดเหตุปะทะกัน ที่มีผู้สูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องทำความจริงให้ปรากฏให้ได้ ฉะนั้นจะไม่จบ จะโยนความผิดให้กันไปมา ซึ่งตนเห็นด้วยกับข้อเสนอของ 24 อธิการบดีที่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระ โดยประธานคณะกรรมการชุดนี้จะต้องมีความเป็นกลาง และมีความสามารถสูง และเลือกคณะกรรมการได้เอง ไม่ใช่จับใครใส่เข้ามาก็ได้ จึงจะมีคนเชื่อถือ ต้องไม่กลัวความจริง

“ในความคิดของผมเห็นว่าคนที่จะมาเป็นคณะกรรมการได้ในขณะนี้เช่น นายคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด ที่มีความเป็นอิสระ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายฝ่ายใด ต้องเอาความจริงมาก่อน จึงจะสมานฉันท์กันได้ ทั้งนี้หน้าที่ของรัฐบาลคือการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองและปกป้องทรัพย์สินของประชาชน ไม่ควรทำอะไรที่ก่อให้เกิดความรุนแรงและบาดเจ็บ ขณะเดียวกัน หน้าที่ของกองทัพคือต้องแทรกตรงกลางไม่ให้ตำรวจและพันธมิตรฯ ปะทะกัน“ น.พ.ประเวศ กล่าว

ปธ.วุฒิชี้ขัดแย้งยากเกินเจรจา
ด้าน นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้เป็นคนกลางเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯและทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกให้ประเทศว่า คงจะทำได้ยาก เพราะอารมณ์ตอนนี้เจรจาได้ยาก แต่การที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯในข้อหากบฏ จะทำให้บรรยากาศดีขึ้นมาก ซึ่งอย่างน้อยทุกอย่างจะได้ผ่อนคลายลง แกนนำพันธมิตรฯ จะได้ออกไปไหนมาไหนได้ ไม่ต้องระแวง แม้พันธมิตรฯจะยืนยันที่จะชุมนุมต่อ แต่ก็ถือได้ว่าเราเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มแพทย์และนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสนอให้รัฐสภาตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อสอบหาผู้สั่งการและผู้ทำผิดในการสลายม็อบมาลงโทษ นายประสพสุข ในฐานะรองประธานรัฐสภา กล่าวว่า ตนเห็นด้วย เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงกันเลยว่าการสลายการชุมนุมเป็นอย่างไร ใครใช้มาตรการรุนแรงหรือไม่ คนที่เสียชีวิตมาจากสาเหตุอะไร จึงน่าจะมีการตั้งคนดีที่เป็นกลางจริง ๆ เป็นประธานคณะกรรมการ แล้วให้ประธานดังกล่าวไปหาคนที่เป็นที่ยอมรับมาร่วมกันเป็นคณะกรรมการอิสระ เพื่อสอบข้อเท็จจริง

ครส.แนะรัฐบาลเร่งเนยียวยา
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน(ครส.) และเครือข่าย ออกแถลงการณ์คัดค้านการรัฐประหาร และขอให้ทุกฝ่ายแสวงหาทางออกโดยสันติภาพ (Peaceful Solution)

แถลงการณ์ระบุว่า ครส. และเครือข่ายขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทั้งฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ และขอเรียกร้องต่อรัฐบาล พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และทุกฝ่ายของสังคมที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.การดำเนินการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นการดำเนินการสลายโดยผิดแบบแผนข้ามขั้นตอนและใช้ความรุนแรงเกินสมควรแก่เหตุ จนนำมาสู่เหตุการณ์จลาจลกลางเมืองหลวงและความสูญเสียทางสังคมจากเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผู้บังคับบัญชาที่สั่งการดังกล่าวจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งนี้ ในเบื้องต้น เราขอให้รัฐบาลเยียวยาสวัสดิภาพชีวิตและชดใช้ค่าเสียหายต่อผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จี้หมอปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชน
2.เราขอเรียกร้องให้รัฐบาล ตั้งคณะกรรมการอิสระจากบุคคลที่น่าเชื่อถือของสังคม ดำเนินการตรวจสอบไต่สวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กรณีการดำเนินการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง การยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมโดยตรง กรณีการบาดเจ็บของผู้ชุมนุมที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปัดความผิด ข้อเท็จจริงการใช้อาวุธสงคราม หรืออาวุธอื่นๆ ไม่ว่าฝ่ายใด และกรณีการระเบิดรถยนต์หน้าพรรคชาติไทย เพื่อสร้างความกระจ่างและข้อเท็จจริงต่อสังคมและสาธารณะ จนกระทั่งนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมในอนาคต โดยสำหรับเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดนั้น จะต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาแก่เจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดและผู้บังคับบัญชาที่ดูแลรับผิดชอบหรือสั่งการ

แถลงการณ์ในข้อ 3.ระบุว่า เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคม ที่ใช้มาตรการทางสังคมร่วมกดดันรัฐบาล จะต้องคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐานโดยไม่เลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะการปฏิเสธคนไข้ของแพทย์จะกระทำไม่ได้ และจะต้องปฏิบัติตามหลักการสิทธิมนุษยชนสากล

ครส.คัดค้านการรัฐประหาร
4.เราขอเรียกร้องให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอทางออกจากความขัดแย้งภายใต้กรอบวิถีสังคมประชาธิปไตย เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุผลจากการรัฐประหารของกองทัพหรือชนชั้นปกครอง การผลักดันการเมืองใหม่จะต้องใช้มีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายตามครรลองรัฐธรรมนูญและวิถีประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีทางลัด และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะต้องควบคุมการชุมนุมภายใต้กรอบอหิงสาธรรมโดยเคร่งครัด หาใช่ขบวนการมหิงสาที่ใช้ความรุนแรงตอบโต้และนำไปสู่ชัยชนะบนความพ่ายแพ้และสูญเสีย การที่บุคคลใดกระทำการละเมิดหรือก้าวล่วงการใช้สิทธิทางการเมืองชุมนุมโดยสันตินั้น ให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมแล้วแต่กรณีต่อไปโดยไม่เลือกปฏิบัติ

5.เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาล พรรคการเมืองและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง บนครรลองวิถีของสังคมประธิปไตย ภายหลังศาลอุทธรณ์สั่งเพิกถอนหมายจับ 9 แกนนำใน 2 ข้อหากบฏและสะสมกำลัง โดยไม่นำกองทัพของชาติเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ว่าจะโดยฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายพันธมิตร หรือฝ่ายใดและขอคัดค้านการรัฐประหารอย่างถึงที่สุด ทั้งนี้ ทุกฝ่ายควรทบทวนบทเรียนเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 และเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เป็นอนุสติทางสังคม เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุการณ์วิปโยคซ้ำรอย ซึ่งนำมาสู่การรัฐประหารและฉกฉวยตั้งคณะปฏิรูปการเมืองการปกครองของอำนาจรัฐเผด็จการ