WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, October 7, 2008

ฉากสุดท้ายของพันธมิตร


คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว

เป็นจริงอย่างที่คนโบราณว่าไว้ว่า “คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” ตายจริงๆ ครับ สำหรับแกนนำพันธมิตรฯ หลังจากยื้อชีวิตมาเป็นเวลานานสองนาน ในที่สุดก็ถึง”ทางตัน” ไม่อาจดื้อรั้นดึงดันต่อไปได้อีกแล้ว จึงคิดหา “ทางลง” ด้วยการ “วัดใจ” คนที่นิยมชมชอบพันธมิตรฯ ออกมาแสดงพลังอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งน่าจะถือเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

สองคนที่ว่านี้คือ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 2 กบฏจากกลุ่มพันธมิตรฯ ที่คิดร้ายต่อระบอบประชาธิปไตย

การเดินเกมของพันธมิตรฯ มาถึงทางตัน เมื่อ “มือที่มองไม่เห็น” และบรรดาเหล่า “อำมาตยาธิปไตย” ไม่เห็นผลงาน เห็นความคืบหน้าในการเปลี่ยนการเมืองการปกครองของไทย ไปสู่ “การเมืองใหม่” ที่เป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย

แต่ถูกคัดค้านจากฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเอาจริงเอาจัง อย่างรู้เท่าทัน

การจับกุม นายไชยวัฒน์ สินสุวงค์ เป็นเรื่องที่ยังพูดกันว่า เป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจ แต่กรณีของ “มหา 5 ขัน” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นั้น เป็นการตั้งใจออกมาให้จับกุม เพื่อหวังขยายผลไปสู่ความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ที่กำลังใช้ความละมุนละม่อม ใช้ความสมานฉันท์มาใช้ในการเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ ที่เป็นกบฏของแผ่นดิน

ถามว่าทำไมต้องเป็น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คำตอบมีอยู่อย่างเดียวคือ การเป็น จปร.7 ที่มีเพื่อนตายอยู่จำนวนหนึ่ง ที่คิดว่าเพื่อนจะยื่นมือเข้ามาดูแล มาเกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเคยสร้างภาพของการเป็นผู้นำการต่อสู้จนมีคนกล่าวว่า พาคนไปตาย มาแล้ว อีกทั้งไม่มีพันธะอะไรให้เป็นเรื่องที่ต้องมาพะว้าพะวง ซึ่งต่างจากแกนนำพันธมิตรฯ คนอื่นๆ อย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย ที่ยังจะเป็นกำลังสำคัญในการปลุกระดมคนให้มาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ

ไม่ว่าจะเป็นการยิงตรงไปที่ “มือที่มองไม่เห็น” และ กลุ่มอำมาตยาธิปไตย การใช้เครือข่ายของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การใช้เครือข่ายของเอ็นจีโอของบางกลุ่มบางก้อน ที่หวังว่าจะแสดงพลังได้อีกสักครั้ง

เหมือนกับจะรู้ชะตากรรมดี บรรยากาศบนเวทีพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังแกนนำคนสำคัญถูกจับกุม นายอมร อมรรัตนานนท์ 1 ใน 9 แกนนำพันธมิตรฯ ที่ถูกออกหมายจับ ได้ขึ้นบนเวทีประกาศ มีใจความว่า

“ทุกคนต่างมาใช้หนี้แผ่นดิน และมาทำบุญเพื่อประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกๆ คน ที่เกิดมาแล้วก่อนตายต้องชดใช้หนี้แผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้น ขอให้ทุกคนคิดว่าต้องทำหน้าที่รับใช้ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ผม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ขอย้ำกับคนไทยทุกคนว่า เราต่างเกิดมาพร้อมหน้าที่ ไม่ว่าสูงต่ำดำขาว เรามีหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน ลงชื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง”

นี่เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของแกนนำพันธมิตรฯ

แต่ถ้ายังไม่ลืมจะเห็นว่า ย้อนหลังไปเมื่อ 16 ปีที่แล้ว รูปแบบของการชุมนุมของพันธมิตรฯ ภายใต้มันสมองของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ไม่แตกต่างมากมายนัก กับเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” เริ่มจากการจัดชุมนุมเป็นระยะ

เพื่อสร้างอารมณ์ร่วม สะสมพลังเพื่อเข้าสู่ท้องถนน

จนเกิดเหตุการณ์ยึดทำเนียบรัฐบาล ที่พันธมิตรฯ ถือเป็นชัยชนะก็เชิญ

ถ้าไม่มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อาจไม่มีพันธมิตรฯ ในวันนี้ก็ได้

เพราะเป็นที่มาของการจัดกำลังเพื่ออารักขาแกนนำและตรวจสอบผู้ที่จะเข้าไปในทำเนียบอย่างละเอียดยิบ เนื่องจากไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น

รวมทั้งการ “ซื้อใจ” ผู้มาร่วมชุมนุม โดยการทำเป็นนอนกลางดิน กินกลางทราย โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น จปร. จัดขบวนในการชุมนุมให้

และแน่นอนว่า พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมหัวจมท้ายมากับกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องร้อนตัวออกมาแสดงความคิดเห็น

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า เป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมือง รัฐบาลต้องมีท่าทีที่ชัดเจนโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ การประชุมหัวหน้าพรรค การเมือง 6 พรรค ในวันที่ 6 ตุลาคมนี้ ตนคิดว่าจะพูดกับนายกฯ ในเรื่องนี้ด้วยว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะปัญหาไม่ได้มีเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นพ.เหวง โตจิราการ และคณะเท่านั้น

แต่กลับมีเงื่อนไขใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา

ดังนั้นท่าทีที่ชัดเจน จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องถามกันว่าทิศทางในการจัดการจะเป็นอย่างไร ส่วนการจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ระหว่างที่รัฐบาลพยายามจะเจรจานี้ เป็นจุดที่เราตั้งข้อสังเกต และสอบถามเหมือนเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญ

หากจะเจรจาก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเชื่อถือซึ่งกันและกัน เพราะถ้ามีเหตุให้อีกฝ่ายไม่เชื่อถือ ก็ไม่มีทางเจรจาสำเร็จ

ย้อนกลับไปดูเอกสารงานวิจัยทางวิชาการ เชิงเสวนาเรื่อง ชำระประวัติศาสตร์ กรณีตุลาและพฤษภาทมิฬ โดย สนนท.และคณะชำระประวัติศาสตร์และวรรรณกรรมสยาม กล่าวถึง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง บ่งบอกว่า พล.ต.จำลองในตอนนั้นระบุให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริง ว่า...

“ไม่ว่าจะมีมติพรรคมาให้ยกเลิก ผมก็จะไม่ยอมเด็ดขาด ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ เพราะอยู่ในฐานะที่สามารถจะ “เสี่ยง” ได้มากกว่าคนอื่น”

เป็นที่มาของข้อกล่าวหาว่า “จำลองพาคนไปตาย”

ในขณะที่หนังสือ “รำลึก 5 ปี พฤษภาประชาธรรม การชำระประวัติศาสตร์ของประชาชน ที่ทำให้เห็นว่าในการเคลื่อนไหว ได้มองต่างไปจากคนที่ชื่อ “จำลอง ศรีเมือง”

โดยที่ สมาพันธ์ประชาธิปไตยมีการประเมินแล้ว ว่าการเคลื่อนย้ายย่อมนำไปสู่การปะทะแน่ และการปะทะย่อมก่อให้เกิดการสูญเสีย การแพ้ชนะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่ก็เสียใจที่มีการสูญเสียเกิดขึ้น

ชี้ให้เห็นถึงความไร้เดียงสาแต่ดื้อดึง ของการนำการชุมนุมที่มีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนแสน ของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง

การออกจากทำเนียบ ยอมให้จับของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นการซื้อเวลาการจับกุมกบฏที่เหลืออยู่ โดยหวังว่า “มือที่มองไม่เห็น” และกลุ่มอำมาตยาธิไตย จะมาให้ความสำคัญอีก

ได้เวลาล้างเสนียดของแผ่นดินแล้วครับ ก่อนแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ

อัฐศิริ