ศาลอาญาถอนหมายจับข้อหากบฏ 9 แกนนำม็อบพันธมิตรฯ แล้ว เหลือไว้แค่ข้อหาปลุกระดมและชุมนุมเกินกว่า 10 คนให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง พร้อมให้ประกัน “จำลอง-ไชยวัฒน์” ไม่มีเงื่อนไข ด้านพันธมิตรฯ ได้ใจกลับขึ้นเวทีที่ยึดทำเนียบรัฐบาลสร้างความเสียหายมานานนับเดือน ประกาศฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหากบฏเกินกว่าเหตุ ขณะที่ประชาชนแห่ให้กำลังใจบรรยากาศสุดชื่นมื่น ระบุตำรวจไทยทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีในการรักษาความสงบให้บ้านเมือง ผบช.น. ระบุทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเพราะความร่วมมือของหลายฝ่าย พ้อกำลังพลพร้อม แต่กำลังใจถดถอย
* ปชช.แห่ให้กำลังใจตร.ไทยทำเพื่อชาติศาลอาญาถอนหมายจับข้อหากบฏ 9 แกนนำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาลอาญา ได้มีคำสั่งนัดคู่ความมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ และแนวร่วมพันธมิตรฯรวม 9 คน เป็นผู้ต้องหาในข้อหากบฏ และข้อหาอื่นรวม 5 ข้อหา ที่ได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลเพิกถอนหมายจับ โดยมีนายสุวัฒน์ อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ เดินทางมารับฟังการอ่านคำสั่งของศาล
โดยศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับเดิม 9 แกนนำพันธมิตรฯ ในข้อหาการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113, 114 และ 216 ซึ่งได้แก่ 3 ข้อหา ประกอบด้วย กระทำความผิดฐานเป็นกบฏและสะสมกำลังพล หรือ อาวุธตระเตรียมการอื่นใด หรือ สมคบกันเป็นกบฏ และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานที่ให้เลิกการชุมนุม โดยศาลให้ออกหมายจับใหม่ที่ตั้งข้อหาอื่น ๆ แทน
เนื่องจากศาลเห็นว่าหมายจับเดิมมีการตั้งข้อกล่าวหาบางข้อที่เลื่อนลอย และยังไม่มีเหตุอันควรให้ออกหมายจับตามข้อหาดังกล่าว แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ผู้ต้องหายังคงมีความผิด ฐานปลุกระดมประชาชนให้ต่อต้านรัฐบาล เกิดความกระด้างกระเดื่องและความผิดฐานมั่วสุมกัน ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
ดังนั้น ศาลจึงให้พิพากษาแก้ เป็นการให้เพิกถอนหมายจับเดิมจำเลยทั้ง 9 เฉพาะข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113, 114 และ 216 ส่วนข้อหาอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้น ให้คงเป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุมัติหมายจับไว้ และให้ยกคำร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขอให้ระงับการบังคับตามหมายจับดังกล่าว
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่าหลังจากนั้นศาล ได้อนุญาตให้มีการประกันตัวนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ด้วยหลักทรัพย์คนละ 1 แสนบาท โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งหลังรับการประกันตัว ทั้ง 2 คน ได้กลับไปขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ในทำเนียบรัฐบาลบ ที่ยึดเอาไว้นานนับเดือน พร้อมกับประกาศว่าจะฟ้องกลับตำรวจที่แจ้งข้อกล่าวหาเกินกว่าเหตุ
ทั้งนี้การปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในการรักษากฎหมายและรักษาความเรียบร้อยของบ้านเมือวงที่ผ่านมา ได้รับความเห็นใจและคำชื่นชมจากประชาชนโดยทั่วไปอย่างกว้างขวาง โดยในเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายไกรวัลย์ เกษมศิลป์ ผู้อำนวยการวิทยุชุมชนคนรู้ใจ จ.นนทบุรี พร้อมด้วยชาวบ้านประมาณ 100 คน และกลุ่มชุมชนบุปผาราม นำโดยนายทวีป ฉายปัญญา พร้อมชาวบ้านในชุมชนบุปผาราม 100 คน และกลุ่มชมรมคนรักทักษิณ อีก 50 คน ได้นำแจกันดอกไม้ ผลไม้นานาชนิด อาทิเช่น ลองกอง แอปเปิ้ล ส้ม ไปมอบเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในการสลายการชุมนุม
โดยมี พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.)ทั้งหมด ออกมาต้อนรับท่ามกลางเสียงตะโกนกึกก้อง
“เรารักตำรวจ นี่คือตำรวจของประชาชน นี่คือตำรวจประชาธิปไตย ขอให้รักษาความดีนี้ต่อไป"
จากนั้นชาวบ้านทั้งหมดร่วมร้องเพลงมาร์ชตำรวจ พร้อมเสียงปรบมือและตะโกนว่า"พล.ต.ท.สุชาติ สู้ๆพล.ต.ท.สุชาติ สู้ๆ
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ในนามข้าราชการตำรวจต้องขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่มาให้กำลังใจการทำหน้าที่ โดยลำพังตนคนเดียวคงทำงานไม่สำเร็จต้องมี รองผบช.น.ทุกนายเป็นผู้ช่วย ตำรวจผู้ปฏิบัติงานทั้งนครบาล ตชด. สันติบาล ตำรวจภูธรภาค 1 2 7 ที่มาปฏิบัติงานร่วมกัน
"ยืนยันว่าสิ่งที่เราทำนั้นเพื่อพ่อแม่พี่น้องและจะธำรงค์เพื่อความยุติธรรมทุกอย่าง และจะบังคับใช้กฎหมายให้ได้ ที่ผ่านมาถูกสังคมประณามทำให้เราหมดกำลังใจแต่มาวันนี้ มีพวกท่านมาให้กำลังใจตำรวจเหมือนฝนทิพย์จากฟ้ามาชโลมใจพวกเราและยืนยันจะต่อสู้อย่างเต็มที่"
พล.ต.ท.สุชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่สังคมรุมประณามในการเข้าสลายการชุมนุมว่าและมีการฟ้องร้องต่อศาลโลกว่า หากจะฟ้องร้องก็ไม่เป็นไรสิ่งที่ตำรวจทำสามารถพิสูจน์ได้ทำเพราะอะไรเหตุใดจึงทำไม่ใช่อยู่ดีๆจะไปทำการที่เราจะยิงแก๊สน้ำตาใส่ใคร อย่าไปใช้คำว่าสลายการชุมนุม เพราะคำว่าสลายคือการแตกแยกแต่สิ่งที่ตำรวจทำนั้นเป็นการควบคุมฝูงชนไม่ให้ลุกลามเข้าพื้นที่ต้องห้าม และไม่ใช่ว่าตำรวจทุกคนที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยจะมีแก๊สน้ำตากันทั้งหมดเราให้ใช้เฉพาะบางคนที่ถูกฝึกมาอย่างดีเท่านั้น ซึ่งแก๊สน้ำตามีทั้งแบบขว้างและแบบยิง
ส่วนสังคมคิดว่าตำรวจจะเตรียมแก๊สน้ำตาไว้สลายอีกหรือไม่ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า ใครๆ ก็จ้องแต่ถามตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตา แต่ทำไมไม่ดูสถานการณ์กันบ้างเริ่มจากมาตรการที่เบาก่อนไปหาหนัก มีการนำรถประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ชุมนุมแล้ว สื่อก็เห็นรถตำรวจถูกยึดไปไม่ใช่จะไปยิงแก๊สน้ำตาใส่คนทุกอย่างทำเป็นขั้นตอน
"หากถูกสังคมประณามเราก็ยอมรับเพราะเราคือผู้ปฏิบัติ แต่คนที่ตอบปัญหาสังคมได้ว่าตำรวจทำถูกหรือผิดอย่างไรนั้นคือคนกลางที่รู้เห็นการกระทำทั้งสองฝ่าย รัฐบาลมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบแล้ว รวมถึงองค์กรอื่นๆคงได้รู้กันเร็วๆนี้"
เมื่อถามว่าจะมีการยึดทำเนียบรัฐบาลคืนให้กับรัฐบาลได้เมื่อไหร่ พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า จริงๆแล้วก็ใกล้เวลาแล้วน่าจะเอาคืนได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม การดูแลความสงบเรียบร้อยของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะไปชุมนุมแบบดาวกระจายว่า ขณะนี้ได้มีการจัดกำลังตำรวจนครบาล ตชด. และตำรวจภูธรภาค 1 2 7 เข้าประจำพื้นที่ทุกจุดที่ผู้ชุมนุมจะเดินทางไป ซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไรสามารถควบคุมได้
"ตอนนี้ยอมรับว่าไม่มีปัญหาเรื่องกำลังพล แต่มีปัญหาเรื่องกำลังใจที่เกือบจะหมดอยู่แล้วจากการที่ตำรวจสลายการชุมนุม นั้นถือว่าเป็นภารกิจหนึ่งเพื่อเปิดทางให้ผู้แทนปวงชนเข้าทำงานได้ การที่หมดกำลังใจเพราะถูกสังคมมองว่าตำรวจเข้าข้างรัฐบาลทำไมไม่ดูกันว่าในรัฐสภาก็มีฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา รวมอยู่ด้วย ผลสะท้อนออกมากลับมองว่าตำรวจเป็นเครื่องมือรัฐบาล แต่หากปล่อยให้ผู้ชุมนุมไปยึดได้ก็คงมีปัญหาตามาอย่างแน่นอนเพราะเป็นพื้นที่เขตพระราชฐานตำรวจคงยอมไม่ได้"
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ พล.ต.ท.สุชาติ ได้เรียกประชุมนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บังคับการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหว และวางแนวทางการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
ขณะเดียวกันทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ยังได้มุ่งหน้าทำตามเป้าประสงค์ของตัวเองต่อไป ในการที่จะล้มล้างความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยพากันไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกา และสถานทูตประเทศอังกฤษ เพื่อประจานบ้านเมืองตัวเอง