รุมซัด “จำลอง ศรีเมือง” จงใจออกมาให้จับ หวังปลุกระดมหลอกพวกหน้าโง่ออกมาชุมนุมอีกรอบ แบบเดียวกับที่เคยพาคนไปตาย เมื่อเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ แฉลูกไม้ตื้นๆ วางแผนเป็นฉากทั้งทิ้งจดหมายสั่งเสีย-โทร.ไปแจ้งตำรวจให้มาจับกุม แถมตั้งใจไม่ขอประกันตัว หวังเอาให้ถึงแตกหัก ตำรวจเผยจ่อจับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เป็นรายต่อไป เชื่อม็อบขาด 2 แกนนำสำคัญก็ไปไม่รอด ส่งกำลังจับตาใกล้ชิด ระบุที่ผ่านมา “แป๊ะลิ้ม” หนีออกมาเสพสุขที่เซฟเฮาส์สุโขทัยซอย 1 หลายครั้ง ขณะที่พบ “ไชยวัฒน์” ซบนักการเมืองใหญ่ “ก” หลังมีหมายจับกุม ส่อโดนด้วยฐานให้ที่พักพิง
การจับกุม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันมิตรทำลายประชาธิปไตย และเป็นหนึ่งในเก้าผู้ต้องหาคดีกบฏ คาหน่วยเลือกตั้งเศรษฐศิริ เป็นการยืนยันชัดเจนที่สุดว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จงใจให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง โดยหวังเอาการจับกุมดังกล่าวสร้างความชอบธรรมในการหลอกระดมคนจากจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะชลบุรี และภาคใต้ เข้ามาก่อความวุ่นวาย
เพราะเรื่องดังกล่าวได้มีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า มีการโทรศัพท์แจ้งตำรวจนครบาล และมีการเขียนจดหมายสั่งเสีย ให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นำขึ้นไปอ่านให้ผู้ชุมนุมฟัง
ยอมนอนคุกหวังหลอกคนไปตาย
โดยเหตุที่ พล.ต.จำลอง ต้องหนีกลิ่นฉี่และกลิ่นเหม็นอับในทำเนียบรัฐบาล ไปนอนในคุกแทน ก็เพราะว่าความพยายามตลอด 1 วันเต็มๆ หลังนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ถูกจับเป็นประเดิม ได้มีความพยายามปลุกระดมให้ผู้คนออกมาร่วมการชุมนุม แต่ปลุกไม่ขึ้น และมีผู้มาร่วมการชถมนถุมเพียงประมาณ 3 พันคน แม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ก็ตาม พล.ต.จำลอง จึงต้องตัดสินใจออกมาเอง เพราะเชื่อในแนวทางเดียวกับปฏิบัติการที่เคยทำสำเร็จเมื่อ 16 ปีก่อน ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ทั้งนี้ ในกรณีของนายไชยวัฒน์ ที่ถูกจับกุมไปก่อนนั้น ยังมีรายงานข่าวว่า นับตั้งแต่มีการออกหมายจับนายไชยวัฒน์ ไม่สามารถกลับเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลได้ จึงทำหน้าที่ประสานงานและเคลื่อนไหวอยู่รอบนอก โดยเฉพาะการเกณฑ์คนไปขับไล่นายกฯ และรัฐมนตรี ตามที่ต่างๆ
โดยนับตั้งแต่มีการออกหมายจับ ได้อาศัยอยู่ในบ้านนักการเมืองคนหนึ่ง ที่มีความสัมพันธ์กับทั้งพรรคการเมืองเก่าแก่ และกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งอยู่ในสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตลอด ข่าวยังรายงานว่านักการเมืองคนดังกล่าวยังอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับกุมในข้อหากบฏในราชอาณาจักรอีกด้วย
จ่อจับ “สนธิลิ้ม” เป็นรายต่อไป
ขณะเดียวกันแหล่งข่าวนายตำรวจระดับสูง เปิดเผยด้วยว่าเป้าหมายการจับกุมต่อไป ก็คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยมีการวางกำลังไว้ทุกประตูเข้า-ออก และพร้อมจับกุมได้ทันที เพราะจากการประเมินเชื่อว่ามีเพียง พล.ต.จำลอง และนายสนธิ เท่านั้นที่มีบทบาทในการนำ ส่วนแกนนำคนอื่นๆ เป็นเพียงตัวประกอบ ซึ่งเมื่อแกนนำถูกจับคนเหล่านี้ก็น่าจะเข้ามอบตัว หรือหากจะจับกุมก็คงไม่ลำบาก และเชื่อว่าหากจับกุมแกนนำคนสำคัญแล้วปัญหาจะยุติลงไปได้
ทั้งนี้ จากการติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทราบว่า นายสนธิ หลบออกจากทำเนียบรัฐบาลไปนอนที่เซฟเฮาส์ย่านถนนสุโขทัย ซอย 1 เป็นประจำ
ทั้งนี้ภายหลังการจับกุมตัว พล.ต.จำลอง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปควบคุมตัวที่ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จ. ปทุมธานี และจะนำตัว พล.ต.จำลอง ไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญารัชดาฯ โดย พล.ต.จำลอง ยืนยันจะไม่ใช้สิทธิในการประกันตัว ซึ่งเป็นไปตามคาดหมายว่าน่าจะเป็นการหวังผลให้เกิดความวุ่นวายในทางการเมือง
คปพร.ชื่นชมหนุน ตร.จับอีก7กบฏ
ผศ.จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ระบุถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า การที่ พล.ต.จำลอง ถูกจับกุมอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พยายามป้องกันอย่างเต็มที่ เชื่อว่าเป็นแผนการของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการจะปลุกระดมพลังมวลชนให้มากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปลุกพลังมวลชนในกรณีจับกุมนายไชยวัฒน์ ไม่เป็นผล แม้ พล.ต.จำลอง อ้างว่ามีหน้าที่ต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ที่ผ่านมา พล.ต.จำลองไม่เคยมีพฤติกรรมที่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว จึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
ทั้งนี้ประธาน คปพร. กล่าวเสริมว่า ในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น เช่น อาจจะมีการเข้ายึดพื้นที่โดยกลุ่มผู้สนับสนุนพันธมิตรฯ ที่อาจรุนแรงถึงขั้นมีการใช้อาวุธ ขว้างปาระเบิด เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกินการควบคุม จนกองทัพต้องออกมารัฐประหารอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ประธาน คปพร. กล่าวว่า ตนขอชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งแต่กรณีเข้าจับกุมนายไชยวัฒน์ จนมาถึงกรณีของ พล.ต.จำลอง ทั้งนี้ก็อยากจะให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการจับกุมอีก 7 ผู้ต้องหากบฏที่เหลือทั้งหมด ไม่ต้องกลัวเกรง
ดาหน้าชื่นชมตำรวจทำดีที่สุดแล้ว
ขณะที่ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าเชื่อว่าการจับกุม พล.ต.จำลอง ครั้งนี้มีนัยซ่อนเร้น อย่างน้อยที่สุดอาจเป็นการหาทางลงของกลุ่มพันธมิตรฯ และเป็นการทอดทิ้งมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลอย่างแยบยล หรืออีกนัยหนึ่งคืออาจมีการไม่ลงรอยกันภายในกลุ่มพันธมิตรฯ ก็เป็นได้
ส่วนการสอดรับของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต่อกรณีดังกล่าว นั้น ฝ่ายค้านมักมีการเสนอความคิดเห็นที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ หมายถึงมีการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เป็นเหตุและเป็นผล มีเพียงแต่ยึดหลักผลประโยชน์ของพรรคตนเอง และทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ทั้งนี้ไม่ว่ารัฐบาลจะดำเนินการอะไรก็ตาม จะเป็นความผิดหมดทุกประการในสายตาของพรรคฝ่ายค้าน
ด้าน นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ตอนนี้เราคงไม่อาจทราบได้ว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ มีเจตนาอย่างไร เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าตำรวจ “มองว่าการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในครั้งนี้ เป็นการกระทำที่ถูกต้อง ที่พึงปฏิบัติ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำอะไร อันนั้นเป็นปัญหาแน่ เขามีหน้าที่รักษากฎ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว”
ส่วนที่มีกระแสออกมาเรื่องการเรียกร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน ถึงความต้องการให้รัฐบาลออกมาชี้แจงในเรื่องดังกล่าวนั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลต้องออกมาทำความเข้าใจ และแจ้งให้ทราบ เพื่อลดความสงสัยของสังคมที่เกิดขึ้น
เชื่อเป็นการวางแผนปลุกระดม
ทางด้าน นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2540 กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า กลุ่มพันธมิตรฯ คงไม่ต้องการให้มีการเจรจา เพราะว่าถ้ามีการเจรจาพวกเขาต้องเคลื่อนย้ายออกจากทำเนียบรัฐบาล ในขณะที่ประเด็นในการชุมนุมนั้นพวกเขาคงคิดว่าถ้าชุมนุมต่อไปคงไม่มีประเด็นที่อาจจะดึงความสนใจได้
“เหมือนเป็นการสร้างแผน เพื่อปลุกระดมให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาล เพราะว่าตอนนี้ดูเหมือนว่ากระแสจะเริ่มลดน้อยลงแล้ว คิดว่าการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ของนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อาจจะทำให้กระแสของการชุมนุมลดน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์ในตอนนี้คนก็เริ่มเบื่อเต็มทีแล้ว”
นายคณินกล่าวต่อไปว่า รัฐบาลได้เคยออกมาประกาศแล้วว่าจะไม่ใช้กำลังในการเข้าไปสลายม็อบในทำเนียบรัฐบาล แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เขาต้องปฏิบัติหน้าที่ที่จะต้องเข้าจับกุมคนที่มีหมายศาลเรียกอยู่แล้ว
ลูกไม้ตื้นๆ หวังหลอกพวกหน้าโง่
ทางด้าน นพ.เหวง โตจิราการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องดังกล่าวตนได้อ่านหนังสือพิมพ์ข่าวของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ เรื่องการออกไปใช้เสียงในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่าจะไม่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวก็ไม่สามารถที่จะไปตำหนิได้
แต่ก็ไม่ทราบว่าอะไรที่ทำให้ท่านเปลี่ยนการตัดสินใจ เรื่องดังกล่าวเป็นเหมือนการเชื่อมโยงเกี่ยวกับกรณีของ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ก่อนหน้านี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวเพื่อนำไปดำเนินคดี
“วันนี้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เริ่มอ่อนแรงลงแล้ว เรื่องดังกล่าวเป็นเหมือนการอัดฉีดให้ผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมได้มีชีวิตชีวา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ทราบเรื่องดังกล่าวว่าตัวเองถูกหมายจับ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นที่ไหนก็ต้องจับไปดำเนินคดีอยู่แล้ว น่าจะเป็นการจงใจที่จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับ เพราะว่าต้องการปลุกกระแส และมองว่าก่อนหน้านี้กระแสของนายไชยวัฒน์ไม่แรงพอปลุกไม่ขึ้น จึงต้องเอาคนที่มีเพาเวอร์มากกว่า”
นพ.เหวง กล่าวต่อไปว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเหมือนการสร้างสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดความรุนแรง ความวุ่นวายเพื่อเรียกร้องให้มีการทำรัฐประหารอีกครั้ง แผนการดังกล่าวเป็นเหมือนม้าไม้เมืองทรอย และสิ่งที่แกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯออกมาพูดไม่เป็นเรื่องจริง
“อภิสิทธิ์” รู้ไหมบ้านเมืองมีกฎหมาย
“เป็นเหมือนการแต่งเรื่อง มีการเขียนจดหมายทิ้งไว้ แล้วอ่านบนเวทีเพื่อปลุกระดมขอพลีชีพเพื่อชาติ ผมอยากจะถามว่ายอมพลีชีพเพื่อการรัฐประหารมันคุ้มกันไหม มันไม่คุ้มกันเลย มันเป็นเหมือนการจงใจออกไปให้ตำรวจจับมากกว่า และเป็นความพยายามในการสร้างเงื่อนไขในการเกิดรัฐประหารที่ผมมองว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้”นพ.เหวงกล่าว
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนกลศึกของกลุ่มพันธมิตรฯ และอยากเรียกร้องให้ทางกองทัพถ้าจะออกมาดูแลก็ได้มาทำรัฐประหารเลย อยากให้ทุกคนยึดหลักประชาธิปไตย และปฏิบัติตนตามกฎหมาย
ส่วนประเด็นเรื่องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนมองว่านายอภิสิทธิ์ต้องการที่จะให้บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปหรืออย่างไร หรือนายอภิสิทธิ์มีความรู้ระดับอนุบาลถึงไม่รู้ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“พัลลภ” เชื่อ “เพื่อนลอง” จงใจให้จับ
ด้าน พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต ผอ.กอ.รมน. เพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ของพล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่เคยเป็นข่าวว่าจะเข้ามารับหน้าที่ในม็อบแทน หาก พล.ต.จำลอง ถูกจับกุมว่า เคยพูดกับ พล.ต.จำลอง ไว้อย่างนั้น แต่ตนเองไม่ได้ยุ่งกับพันธมิตรฯ มา 2 สัปดาห์แล้ว เพราะ พล.ต.จำลอง ได้ประกาศบนเวทีพันธมิตรฯ ว่ามีแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 รวม 3 คน ซึ่งไม่มีตนเองอยู่ด้วย
“ผมไม่ได้เป็นคนออกมา แต่ว่าเขาไม่เอาผม” พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไร เพราะเรื่องพวกนี้อยู่ที่การนำ แต่ตนไม่รู้จักคนพวกนี้ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร หากเป็นตนเองก็จะเคลื่อนไปอีกแบบหนึ่ง
นอกจากนี้เรื่องการเมืองใหม่ ที่พูดกันหากจะทำจริงก็ต้องเข้าสู่อำนาจรัฐ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วจะเอาอย่างไรกัน เขาก็ตอบตรงนี้ไม่ได้ ส่วนการจับกุม พล.ต.จำลอง นั้น พล.อ.พัลลภ มั่นใจว่าต้องมีนัยแน่นอน เพราะเป็นการจงใจออกไปให้จับ และตำรวจไม่จับก็ไม่ได้ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
อยากให้จับก็จับ-ยันไม่มีใบสัง่
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ชี้แจงว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ ตามหมายจับเพราะเป็นการพบเจอต่อหน้าเจ้าหน้าที่พนักงาน ไม่ได้เป็นไปตามสั่งของใคร ส่วนการควบคุมตัวพล.ต.จำลอง ไปกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 นั้น เพราะต้องการให้เกิดความปลอดภัยต่อตัว พล.ต.จำลองเอง
ด้านพล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า อาจเป็นความประสงค์ของพล.ต.จำลองเอง ที่ต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากบนเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบแล้วว่า จะไปลงคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุม สามารถเข้าจับกุมได้ทันที ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะตัวผู้ต้องหาเอง ที่จะได้แสดงหลักฐานข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับทราบ โดยมีคนกลางเข้ามาตัดสิน และในส่วนที่มีการยกประเด็นดังกล่าวมาเป็นการปลุกระดมนั้น ต้องฝากให้สื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนให้รับทราบว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ไม่ควรออกมากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตาม จากการเรียกรวมพลของกลุ่มผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัด เข้ามาในกรุงเทพมหานครนั้น จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตามเดิม ซึ่งหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากพื้นที่ต่าง ๆ ที่เข้าดูแลความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จำนวน 15,000 นาย มาเสริม
“สนธิ” เผย “พี่ลอง” ฝากเป็นเสาหลัก
สำหรับสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่า พล.ต.จำลอง จงใจให้ถูกจับ ก็คือการเปิดเผยของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ว่าก่อนที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ได้โทรศัพท์มาแจ้งตนเองว่า ให้อยู่เป็นเสาหลักการชุมนุมพร้อมกับ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ตั้งคำถามอะไรต่อ พล.ต.จำลอง แต่บอกว่ามีความคิดเดียวกับพล.ต.จำลอง เพราะไม่มีการต่อสู้ไหนที่ไม่มีผู้เสียสละแล้วจะชนะ
ฉะนั้นผู้ชุมนุมทุกคนไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ขอให้เพียรต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย เพื่อการเสียสละของ พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ จะไม่สูญเปล่า
เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็กระโดดงับรับลูกทันควัน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้ะพรรค ออกมาพูดทันทีทันใดว่าการจับ พล.ต.จำลอง จะทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และจะถามนายกฯ ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เช่นเดียวกับ นพบุรณัชย์ สมุทรรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งใจออกมาแถลงข่าวในประเด็นเดียวกัน
มีรายงานว่า พ.ต.หญิง ศิริลักษณ์ ศรีเมือง ภรรยา พล.ต.จำลอง เดินทางเข้าเยี่ยม พล.ต.จำลอง ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ภาค 1 โดยมีการนำอาหารใส่ปิ่นโตจำนวน 2 เถาใหญ่ ผลไม้ นมถั่วเหลืองเจ เข้าเยี่ยมด้วย
ส่วนที่รอบทำเนียบรัฐบาลก็มีการระดมคนมาเพิ่มจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่อลังการสมราคา ที่แกนนำคนสำคัญถูกจับยัดคุก และขณะเดียวกันก็มีรายงานว่า ตลอดวันที่ผ่านมา บนเวทีพันธมิตรฯ ได้มีการสร้างราคา อ้างแนวร่วมต่างๆ ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะการตลบตะแลง ตอแหลหลอกลวงผู้ชุมนุม ของโฆษกปากเสีย น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์