“พระพยอม” ยัน ไม่เลือกข้าง แต่ “ความจริงวันนี้” พาชาวพุทธเข้าวัดได้ถึง 3 หมื่น พร้อมเงินผ้าป่า ถ้าไม่เอาคงต้องฉันหญ้าแทนข้าว ย้ำมีแต่วัวควายที่แสลงสีแดง ประกาศพร้อมเปิดวัดให้พันธมิตรฯ จัดชุมนุม ด้าน "วีระ มุสิกพงศ์" เตรียมขอเสียงกลุ่มคนเสื้อแดงเขียนไปรษณียบัตรคนละใบ ตั้งเป้าให้ได้ 5 ล้านฉบับ ถวายฎีกาขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ พร้อมชวนคลื่นมหาชน ร่วมชุมนุมอีกครั้ง 13 ธ.ค.นี้ ที่สนามศุภฯ
รายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นภายในวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ดำเนินไปอย่างเรียบร้อย โดยบรรยากาศในช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.00 น. ก่อนเวลาเริ่มงานตามกำหนดการ 4 ชั่วโมง ได้มีประชาชนสวมเสื้อแดงเดินทางเข้ามาร่วมฟังรายการความจริงวันนี้สัญจรครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลา 11.00 น. ชาวเสื้อแดงทยอยร่วมงานความจริงวันนี้สัญจรกันอย่างคึกคัก มีจำนวนมากจนทำให้พื้นที่วัดสวนแก้วแน่นขนัด
จราจรหน้าวัดติดขัดหนัก
ขณะที่การสัญจรของประชาชนนั้น บางส่วนได้เดินทางมาวัดสวนแก้วโดยรถส่วนตัว และรถแท็กซี่ เป็นจำนวนมาก ทำให้การจราจรบริเวณถนนทางเข้าวัดสวนแก้ว ติดขัดอย่างหนัก และที่จอดรถไม่เพียงพอ ชาวบ้านต้องนำรถยนต์ส่วนตัวจอดตามริมถนนทางเข้าภายในวัด
รวมทั้งการจราจรบริเวณ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย จากแยกบางโพธิ์ มุ่งหน้าวัดสวนแก้ว ก็ติดขัดเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากตำรวจภูธรภาค 1 เข้ามาอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยและการจราจร โดยทางเข้าภายในวัดเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจเข้มอาวุธ โดยมีการตั้งเครื่องสแกนตรวจหาวัตถุต้องสงสัยแก่ผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยอย่างเข้มงวด
ส่วนบรรยากาศบริเวณทางเข้าวัดสวนแก้วบรรดากลุ่มผู้ค้าต่างนำสินค้ามาจำหน่ายเป็นที่ระลึกให้กับประชาชนที่มาร่วมงาน อาทิ เท้าตบ หัวใจตบ เสื้อสีแดง พร้อมกันนี้ได้มีการแจกหนังสือภาพและวีซีดีภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยก่อนจะเริ่มรายการทีมงานได้เปิดเพลงประจำรายการเพื่อปลุกใจให้เกิดความคึกคักด้วย
ปราศรัยด้วยความเรียบร้อย
สำหรับจุดเด่นของรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่วัดสวนแก้ว คือการแสดงธรรมของพระพิศาลธรรมพาที หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ส่วนแขกรับเชิญคนอื่นๆ ก็ยังเป็นแขกรับเชิญที่เข้ามารายการทุกครั้ง เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถติดต่อได้ จึงเข้าใจว่าอาการป่วยอาจจะหนัก และไม่สามารถที่จะโฟนอินผ่านรายการได้
นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในพิธีกร กล่าวว่า เนื้อหาสาระไม่ต่างจากการจัดรายการทุกครั้ง ที่จะพูดแสดงจุดยืนการรักษาระบอบประชาธิปไตย โดยยืนยันว่าได้ตกลงกับทางพระพยอมแล้วว่าจะไม่พูดปลุกระดมให้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และจะไม่มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงไปชุมนุมเพื่อป้องกันการปิดล้อมรัฐสภาอย่างแน่นอน โดยจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร รวมทั้งวิงวอนไม่ให้ผู้สนับสนุนไปที่หน้าอาคารรัฐสภา เพราะเป็นเงื่อนไขที่อาจจะนำไปสู่ความรุนแรง และอาจจะนำไปสู่การรัฐประหาร
อีกทั้งยังเรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ควรย้ายสถานที่การประชุม หรือเลื่อนการประชุม เพราะจะทำให้เสียศักดิ์ศรีของประเทศ ซึ่งถ้าไม่สามารถประชุมได้จริงก็จะทำให้เห็นว่าพันธมิตรฯ เป็นฝ่ายทำให้เกิดความเสียหาย
พาชาวพุทธเข้าวัดถึง 30,000 คน
การดำเนินรายการความจริงวันนี้สัญจร ครั้งที่ 3 ได้เริ่มต้นขึ้นในเวลา 13.00 น. โดยมีพระพยอม แสดงพระธรรมเทศนาเรื่องธรรมะสัจจะ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ระบุว่า ที่มาวันนี้ไม่เสียเกียรติ ไม่เสียชื่อ ที่ผ่านมามีจดหมายมาต่อว่าอาตมาเป็นจำนวนมากว่า เปิดวัดรับโจรและอันธพาล วันนี้ขอร้องไม่ให้มีทั้งมือและเท้าตบ มือกับเท้าให้เอาไว้เกาให้หายคัน อย่านำมาใช้ตบตีกัน เพราะมีการระบุว่าพระพยอมเลือกข้าง เป็นเครื่องมือนักการเมือง จึงขอให้ญาติโยมให้สังเกตที่จมูกอาตมาว่าถูกเจาะร้อยเชือกหรือยัง อาตมาอยู่มาป่านนี้รับใช้ธรรมะและพระพุทธเจ้ามาตลอด คงไม่ทำตัวหลุดขอบ
ทั้งนี้ ขอให้คนทั่วไปเข้าใจเสียใหม่ คนที่เข้าวัดมาฟังพระไม่ใช่โจร วันนี้ผู้จัดนำเงินมาถวายไม่ได้มาปล้นพระ และยังพาชาวพุทธเข้าวัดถึง 30,000 คน ถ้าพระไล่ชาวพุทธแสดงว่าเจ้าอาวาสปัญญาอ่อน วัดอื่นลงทุนจัดโคโยตี้มาเต้นในวัดคนยังไม่เยอะเท่านี้ แต่วัดนี้ลงทุนจัดแค่เวทีได้ทั้งคนมาฟังเทศน์และเงินผ้าป่า ถ้าไม่เอาก็โง่และไม่ควรบิณฑบาตต้องไปฉันหญ้าคาแทน สำหรับสีแดงก็มีแต่ควายกับวัวเท่านั้นที่แสลง
พร้อมให้โอกาสพันธมิตรฯ
พระพยอม กล่าวว่า อาตมามั่นใจว่าการจัดงานวันนี้จะได้ถึง 3 เด้ง ได้ทั้งพวกสีแดง พวกกลางๆที่ไม่ไปข้างไหนก็มาวัด และยังมีพวกสีเหลืองที่แอบปะปนเข้ามา จึงขอให้เป็นสุขเป็นสุขกันทุกฝ่าย และอยากให้พวกกลางๆ ควรทำตัวขึ้นภูดูเขารบกัน เพื่อให้เกิดประสาทแห่งปัญญา ถ้าเข้าไปคลุกกับข้างใดข้างหนึ่งจะมองไม่เห็นอะไร บางคนเปิดฟังแถบหนึ่งก็จะซึมซับความรุนแรง คิดแต่ว่าพวกตัวเองถูก จึงอยากให้พวกกลางๆมีสติ ถ้ามีคนเจ็บก็พาส่งโรงพยาบาล ถ้าตายก็พาไปวัด จึงหวังว่าคนที่มาวัดในวันนี้จะได้สติ และขอให้เชื่อว่าอาตมาจะไม่เปลี่ยนสี หากใครไม่เชื่อก็ให้มาดูว่าพระวัดสวนแก้วห่มจีวรสีอะไร
นอกจากนี้ขอรับรองว่าจะไม่มีใครมายึดวัดสวนแก้วยาวนานเหมือนยึดทำเนียบรัฐบาล เพราะรายการความจริงวันนี้ใช้เวลาในวัดแค่ 3 ชั่วโมง หลังงานวันนี้อยากให้พันธมิตรฯ เข้ามาจัดงานที่วัดบ้าง
“สำหรับคนที่ชอบประท้วงขออย่าได้ใช้ขาเดิน เพราะทำให้ประเทศเสียหาย รัฐบาลได้อำนาจแต่ไม่มีทำเนียบทำงาน ส่วนคนอีกพวกไม่มีอำนาจแต่ได้ทำเนียบสุดท้ายสั่งการใครไม่ได้ อย่างนี้ประเทศจะเดินอย่างไร จึงอยากแนะนำให้คนที่ชอบประท้วงใช้วิธีประท้วงด้วยการทำถุงกล้วยแขกโฉนดที่ดิน เช่นเดียวกับอาตมาที่เป็นพระเซ่อ ผิดที่ไปซื้อที่ดิน หมดเงินไป 2 ล้านบาท ซึ่งการประท้วงของอาตมาจะเป็นอมตะไป 100 ปี ส่วนการประท้วงแบบหนังม้วนเดียวจบไม่มี”
วอนเสื้อแดงอย่าเฉียดรัฐสภา
หลังจากช่วงของการสนทนาธรรมกับพระพยอม นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. กล่าวปราศรัยว่า สื่อมวลชนส่วนใหญ่จับคู่คนเสื้อแดงและเหลืองสองคู่นี้ให้เป็นคู่วิวาทเขาบอกว่าการชุมนุมที่ทำเนียบเป็นของคนเสื้อเหลืองและวัดสวนแก้วเป็นของเสื้อแดงและบ้านเมืองจะวิกฤติซึ่งจะวิกฤติได้อย่างไรเราสันติ ซึงไม่มีทางเป็นไปได้ มาจับคู่อย่างนี้ได้อย่างไร แต่ฝั่งโน้นเขาจะชุมนุมใหญ่และจะไปปิดล้อมรัฐสภา ทำให้คนวิตกว่าคนแหลืองเสื้อแดงจะปะทะกัน ซึ่งยืนยันว่าไม่มี เพราะพวกเราจะไม่ไปที่ไหนและขอร้องเลยว่าพี่น้องเสื้อแดงทั้งหลายอย่าเฉียดเข้าไปใกล้ให้เขาแสดงให้ชัดเจนว่าใครอยู่ในสันติ คนเสื้อแดงให้อยู่กับบ้าน
ขณะที่พระพยอม กล่าวเสริมว่า นี่ก็ใกล้จะสงบแล้วใช่หรือไม่ เราต้องเอาความจริงเอาชนะสิ่งไม่ดีแต่ถ้าเขาอยากมาเขาเราอยากไปมันก็จะปะทะกันทั้งคู่ ถ้าเราใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ วันนี้อยากฝากว่าประชาชนเป็นใหญ่ ให้ประชาชนได้ทำมาหากินสู่เศรษฐกิจ โยมอย่าหลงประเด็นกันนัก ศัตรูที่เล่นงานเราไม่ใช่จีน เขมร เสื้อแดง เสื้อเหลือง แต่เป็นเศรษฐกิจประเทศจะจบลงเร็วที่สุดถ้าพันธมิตรฯฟัง ขอให้พันธมิตรฯออมแรงไปสู้เศรษฐกิจ พวกที่พักงานมาหลายเดือนไม่กลับบ้านจะหมดแรงไม่มีแรงสู้กับศัตรูตัวจริง
จวกศาสดาโกเต๊กซ์สำคัญผิด
จากนั้นจะเป็นการปราศรัยของแกนนำแต่ละคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตแกนนำของนปช. และอดีตนักการเมืองบ้านเลขที่111 ซึ่งประกอบด้วยนายมานิตย์จิตต์ จันทร์กลับ นายจักรภพ เพ็ญแข นายอดิศร เพียงเกษ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา
นายอดิศร กล่าวว่าเหตุการณ์บ้านเมืองวันนี้มีฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ฝ่ายอธรรมไม่อยากเอ่ยชื่อให้เสนียดปากนำโดย ศาสดาสนธิ โกเต๊กซ์ สำคัญผิดว่าตัวเองเป็นศาสดา เอาน้ำมนต์ไปพรม แต่ไม่ใช่น้ำมนต์มันเป็นน้ำกาม หากมีการยุบสภาในวันนี้หรือพรุ่งนี้พวกตนก็ชนะอีก แต่จะยุบทำไมเพราะต้องมาใช้รัฐธรรมนูญเดิม ใครเข้าเป็นรัฐบาลก็ถูกไล่ เพราะกติกาเป็นเผด็จการ
นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ส.ว.ในสภาที่มีปัญหาส่วนใหญ่เป็น ส.ว.จากการสรรหา จากกลุ่ม 40 คน นอกจากนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังให้การเชื่อถือข้าราชการมากกว่านักการเมือง และตนคิดว่าในส่วนของตุลาการขอเสนอให้กวาดบ้านตัวเองให้สะอาดเสียก่อน โดยเฉพาะการดำเนินคดีอาญากับผู้พิพากษาและเลขานุการศาลที่เกี่ยวข้องกับคดีจำคุกกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วค่อยออกมาจัดระเบียบภายนอกโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้ตุลาการอยู่ลำบากเพราะจะวางตัวเป็นกลางได้ยาก
แฉเบื้องหลังอังกฤษถอนวีซ่า
ด้าน นายจักรภพ เพ็ญแข กล่าวว่า ตนเดินทางไป จ.ร้อยเอ็ด เพื่อร่วมงานบุญที่วัดแห่งหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังในการแสดงออกทางประชาธิปไตยของคณะสงฆ์ในภาคอีสาน ชาวบ้านและพระสงฆ์สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ว่าเรื่องถูกเพิกถอนวีซ่าและการหย่าร้างกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซึ่งตนขอเปิดเผยเบื้องหลังว่า การถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นอำนาจของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งเป็นการแหวกประเพณีนับร้อยปีของอังกฤษ เบื้องลึกเกิดจากการเจรจาระหว่างไทยกับอังกฤษ โดยมีอดีตรมว.ต่างประเทศของไทยคนหนึ่งรับปากจะดูแลผลประโยชน์ที่ดินใน จ.ภูเก็ตให้
กรณีวีซ่าวันหนึ่งเราจะแก้ปัญหาได้ และขอให้มั่นใจว่าปัญหาจะไม่ลามไปสู่การเพิกถอนวีซ่าในประเทศอื่น โดยยืนยันว่าขณะนี้มีหลายประเทศต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เพื่อประกาศยุติความยากจนให้กับประเทศนั้นๆ และพร้อมจะจัดบ้านพัก และรถประจำตำแหน่งให้อย่างสมเกียรติ
5 ล.เสียง ถวายฎีกาอภัยโทษ
ช่วงสุดท้าย นายวีระ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันที่ 24 พ.ย. กลุ่ม นปช. จะไม่บุกไปที่หน้าอาคารรัฐสภาอย่างแน่นอน พร้อมกับมีการเสนอแนวคิดอยากให้คนไทยช่วยกันเขียนไปรษณียบัตรให้ได้ 5 ล้านฉบับ เพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีที่ดินรัชดาฯ ส่วนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยอย่างไรนั้นก็สุดแล้วแต่พระองค์ท่าน
อย่างไรก็ตาม นายวีระ ได้นัดแนะกลุ่มคนเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมกันอีกครั้งในการจัดรายการ ความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้