คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
โดย ขันติโรจน์
รายการความจริงวันนี้สัญจร 3 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งเมืองทองธานี สนามราชมังคลากีฬาสถาน และที่วัดสวนแก้ว เป็นบทพิสูจน์ว่านักประชาธิปไตย เป็นคนรักสันติภาพ รักความสงบ และตั้งตัวอยู่ในกรอบของกฎหมายอย่างแท้จริง
รายการความจริงวันนี้สัญจรที่วัดสวนแก้วเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ได้ยุติลงในเวลา 17.00 น. หลังเสร็จการปราศรัยของแกนนำผู้จัดรายการ ทั้งนาย วีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมถึง นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย
การชุมนุมครั้งนี้หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น รวมทั้งมีเสียงด่าทอ พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ อย่างมากมาย
กระทั่ง พระพยอม ออกแถลงการณ์ 23 พฤศจิกายน ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปว่า "ตามที่มีประชาชนบางส่วนมองว่า อาตมาค่อนข้างเลือกข้างโดยอนุญาตให้รายการความจริงวันนี้ เข้ามาจัดชุมนุมที่วัด ขอแจ้งว่าอาตมาเคยจัดงานเสริมธรรมเสริมปัญญา โดยเชิญ หน่วยงานรวมถึงนักการเมืองเข้ามาอภิปรายไม่รู้กี่ครั้ง
เหตุผลคือ วัดเป็นสถานที่ที่ศาสนิกชนเข้ามารับฟังธรรมอันเป็นความจริง ไม่ว่ากลุ่มคนเสื้อเหลือง แดง ขาว มาขอจัดงานภายในวัด โดยมีเงื่อนไขภายใต้ความสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธและการปลุกระดมให้เกิดเหตุความรุนแรงหรือความวุ่นวายในบ้านเมืองย่อมทำได้
ข้อดีของการจัดชุมนุมภายในวัด ผู้อภิปราย จะระมัดระวังคำพูดหลีกเลี่ยงคำหยาบ มุ่งเน้นให้เนื้อหาสาระความรู้ มากกว่าผู้สนุกเพื่อปลุกใจมวลชน คนเสื้อแดงคิดอย่างไรมีเหตุผลอะไรก็พูดอภิปราย คนเสื้อเหลืองก็เช่นเดียวกัน อาตมาขอ ฝากข้อคิดคำคมไว้ว่า คมอาวุธทำลายชีวิต คมความคิดทำลายกิเลส ขอให้อย่าใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม
ขออย่าใช้อาวุธประหัตประหารกัน อาตมาขอให้ผู้ชุมนุมทุกฝ่ายทุกคนสดับตรับฟังด้วยสติเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ คนที่เข้าใจว่าอาตมาเป็นเครื่องมือนักการเมือง อาตมาอยากบอกว่ากลับเป็นเรื่องตรงข้าม เพราะอาตมาจะเอานักการเมืองมาเป็นเครื่องมือของธรรมมะ"
หลังจากช่วงของการสนทนาธรรมกับพระพยอม นายวีระ มุกสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ลุกขึ้นปราศรัยระบุว่า สื่อมวลชนส่วนใหญ่จับคู่คนเสื้อแดงและเหลืองสองคู่นี้ให้เป็นคู่วิวาทเขาบอกว่าการชุมนุมที่ทำเนียบเป็นของคนเสื้อเหลืองและวัดสวนแก้วเป็นของเสื้อแดงและบ้านเมืองจะวิกฤติซึ่งจะวิกฤติได้อย่างไรเราสันติ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ มาจับคู่อย่างนี้ได้อย่างไร
นายวีระบอกว่า ฝั่งโน้นเขาจะชุมนุมใหญ่และจะไปปิดล้อมรัฐสภา ทำให้คนวิตกว่าคนแหลืองเสื้อแดงจะปะทะกัน ซึ่งยืนยันว่าไม่มี เพราะพวกเราจะไม่ไปที่ไหนและขอร้องเลยว่าพี่น้องเสื้อแดงทั้งหลายอย่าเฉียดเข้าไปไกล้ ให้เขาแสดงให้ชัดเจนว่าใครอยู่ในสันติ คนเสื้อแดงให้อยู่กับบ้าน
ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมปราศรัย ผ่านรายการความจริงวันนี้สัญจร นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ได้ขึ้นเวทีอีกครั้ง โดยกล่าวสรุปเรียกร้องให้แฟนคลับ และสมาชิกแนวร่วม นปช. ว่า ไม่ควรนิ่งเฉย รอความตาย ถ้าคน 5 ล้านคน ร่วมกันเขียนไปรษณียบัตรถวายฎีกา ส่วนที่เหลือก็แล้วแต่พระราชวินิจฉัย
ส่วนพระสงฆ์ทั่วประเทศขอไตร่ตรองว่า ศาสนาพุทธได้สูญหายไปจากประเทศอินเดียเพราะเหตุใด หลายวัดสั่งจานเอเอสทีวี ไปติดตั้งให้พระลูกวัดดูกันเพลิดเพลิน แต่พระท่านไม่รู้เลยหรือว่า แกนนำคือ สันติอโศก ซึ่งศาสดาของพวกนี้คือ พระเทวทัตไม่ใช่ พระพุทธเจ้า
นอกจากนี้ นายวีระ ได้นัดแนะกลุ่มคนเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมกันอีกครั้งในการจัดรายการ ความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ด้วย
ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ระบุว่า หัวหน้าใหญ่ของพันธมิตรฯ ประกาศว่า ให้เอาของมาด้วย แล้วก็บอกว่าจะนองเลือดนองแผ่นดินก็ให้มันนองไปเลย นั่นหรือเป็นการพูดของคนที่ยึดหลักสันติอหิงสา ซึ่งคำว่า อหิงสา ความจริงหลักนี้มีมาแล้ว 800 ปีก่อนพุทธกาล ซึ่งต่างจากพันธมิตรฯ ที่บอกว่าชุมนุมแบบอหิงสา เป็นคนละเรื่อง
ทั้งนี้ คำว่าอหิงสาเขาแปลว่าต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรง ต้องไม่บาดเจ็บ ต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น แต่พันธมิตรจะเรียกอหิงสาได้อย่างไร
โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ.2550 ได้กำหนด “เสรีภาพในการชุมนุมและการสมาคม” มาตรา 63 ไว้ว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก”
รายการความจริงวันนี้สัญจร 3 ครั้งที่ผ่านมานั้น ยึดหลักสันติความสงบ ไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ชุมนุมเสร็จแล้วก็กลับบ้านก็ไม่มีความรุนแรงอะไร
แต่พันธมิตรฯ ที่ประกาศจะบุกรัฐสภาในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ประชาชนต้องเฝ้าจับตาว่า ใครกันแน่ที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง !